ตอนที่ 3297

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3,297 : ร่างอวตารกฏ ต้นไม้เทพสนหลิว!

 

 

 

ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามของอู๋หยาเทียน ตู่กูเหวินกับตู๋กูหวู่ก็มิใช่ว่าจะรับฆ่าผู้ใดก็ได้ไม่เลือกหน้า…

 

กับคนที่ไร้ภูมิหลังความเป็นมา และไม่ใช่จักรพรรดิอมตะสมญานามของขุมกำลังระดับสวรรค์…ขอเพียงเงินถึง คนตาย!

 

เช่นวันนี้ หากเป้าหมายไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนแต่เป็นฉือหล่างล่ะก็…พวกมันก็ไม่กล้าฆ่า! ด้วยกลัวจะยั่วยุโทสะของวังเทียนฉือ!!

 

แต่หากเป้าหมายเป็นศิษย์ทั่วไป ไม่เว้นศิษย์อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของวังเทียนฉือพวกมันไม่ขัดข้องอะไร เพราะอย่างดีก็แค่สร้างความไม่พอใจให้วังเทียนฉือเท่านั้น

 

แต่การสังหารจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือโดยตรง สิ่งนี้ไม่ต่างอะไรกับการท้าทายพลังอำนาจของวังเทียนฉือโดยตรง หากวังเทียนฉือคิดแตกหักกับพวกมันไปข้าง และระดมจักรพรรดิอมตะสมญานามมาไล่ฆ่าพวกมัน เช่นนั้นหายนะก็มาเยือนพวกมันแล้ว…

 

แน่นอนว่ายังมีจักรพรรดิอมตะสมญานามไร้สังกัดบางคน ที่พวกมันไม่กล้าแตะต้องเช่นกัน

 

ตัวอย่างก็เช่น เจิ้งอวี้อี้ จักรพรรดิอมตะขุนเขาทองแดงที่อยู่ข้างๆฉือหล่างตอนนี้!

 

เจิ้งอวี้อี้แม้ชอบท่องเที่ยวทั่วหล้า ไร้ที่อยู่และสังกัดเป็นหลักแหล่ง แต่เบื้องหลังยังมีพี่ชายแท้ๆ ที่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามของขุมกำลังระดับสวรรค์ แถมยังเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีพลังฝีมือติด 3 อันดับแรกของขุมกำลังระดับสวรรค์นั้นอีกด้วย!

 

การฆ่าเจิ้งอวี้อี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากกระตุ้นโทสะของจักรพรรดิอมตะสมญานามผู้นั้น!

 

ด้วยเหตุนี้พอเห็นเจิ้งอวี้อี้ปรากฏตัว ตู๋กูหวู่ก็รู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง กระทั่งไร้เจตนาต่อสู้อีกต่อไป และคิดจะหลบหนีไปจากที่นี่แทน…

 

อย่างไรก็ตาม ฉือหล่างกับเจิ้งอวี้อี้กลับไม่คิดปล่อยให้มันจากไปโดยง่าย…

 

“ในเมื่อมาแล้ว ก็อยู่ต่อเถอะ!”

 

ฉือหล่างลั่นคำเสียงเย็น

 

จากนั้นหนึ่งดาบหนึ่งกระบี่ก็เข่นฆ่าเข้าใส่ตู๋กูหวู่พร้อมๆกัน!

 

สุดท้ายตู๋กูหวู่ที่โดนกลุ้มรุมก็ได้แต่ต้องคืนร่างที่แท้จริง อุบัติเป็นไผ่สวรรค์แกร่งต้นเขื่องราวเสาค้ำสวรรค์ร่วงลงมาจากฟากฟ้า! ลำไผ่โบกสะบัดอย่างอหังการ ปรากฏใบไผ่คมกริบนับหมื่นพัน ร่อนลงมาดั่งห่าพิรุณโปรยปราย ต้านทานรับมือพลังกระบวนท่าของทั้งคู่อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ!!

 

“ฉือหล่าง เจิ้งอวี้อี้! หากพวกเจ้ายังตอแยข้าไม่เลิก ก็อย่าได้โทษที่ข้าตู๋กูหวู่อำมหิต!!”

 

สุดท้ายหลังโดนกลุ้มรุมเข้าใส่ไม่หยุด ตู๋กูหวู่ก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว แววตาเริ่มฉายชัดถึงจิตฆ่าฟัน เริ่มเปิดฉากเข่นฆ่าสวนกลับ ประหนึ่งช่างหัวผลที่จะตามมาภายหลัง!

 

อย่างไรก็ตามพอมันระเบิดพลังเข่นฆ่าตอบกลับ จนสามารถหวนกลับมามีเปรียบได้อีกครั้ง โทสะในใจคล้ายค่อยๆจางลง สุดท้ายก็เลือกที่จะสร้างโอกาสหลบหนีออกมาทันที! เพราะอย่างไรเสียแม้จะได้เปรียบแต่กว่าจะเข่นฆ่าทั้งคู่ได้จริง ก็นับว่าเป็นเรื่องราวยากเย็น ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควร…

 

และถ้ามันใช้เวลามากเกินไป รอจนกำลังเสริมของวังเทียนฉือมาถึง ต่อให้เป็นมันก็อาจต้องอยู่ที่นี่ไปชั่วกาลจริงๆ…

 

เมื่อสบโอกาสเหมาะๆมันจึงจากไปทันที

 

“ฉือหล่าง ไฉนศิษย์คนที่ 7 ของเจ้าหาเรื่องเก่งนักเล่า…นี่มันไปเหยียบเท้าผู้ใดมากันแน่ กระทั่งจ้างนักฆ่าระดับตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่มาเก็บได้?”

 

เจิ้งอวี้อี้หันไปมองถามฉือหล่าง

 

“ข้าก็ไม่รู้…”

 

ในขณะที่ส่ายหน้าไปมา สีหน้าของฉือหล่างก็มืดดำแลดูไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่

 

ศิษย์คนที่ 7 ของมัน ต้วนหลิงเทียน นั้น….ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายข้ามมิติหลบหนีจากไป อีกฝ่ายได้ส่งเสียงผ่านพลังมาถึงมันด้วย ทำให้มันรู้ว่าในอู๋หยาเทียนแห่งนี้ หากมีใครที่อีกฝ่ายจะไปล่วงเกินเข้า ก็ไม่พ้นต้องเป็นคนของวังเทียนฉือเท่านั้น

 

และคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยหลักก็คือ หานอวิ๋นจิ่น ศิษย์คนโตของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ

 

อย่างไรก็ตามมีคำกล่าว ‘เรื่องฉาวในบ้านไม่แพร่งพรายออกนอก’ แม้มันจะสงสัยหานอวิ๋นจิ่น แต่ก็ไม่คิดจะบอกเจิ้งอวี้อี้

 

“เช่นนั้น…ตู๋กูเหวิน ก็ไล่ตามศิษย์คนที่ 7 ของเจ้าไปรึ?”

 

เจิ้งอวี้อี้กล่าวถามอีกครั้ง

 

“อืม”

 

ฉือหล่างพยักหน้า ลูกตาฉายแววกังวลอยู่หลายส่วน ถึงแม้ก่อนที่ศิษย์คนที่ 7 ได้กล่าวคำทิ้งท้ายไว้อย่างมั่นใจ แต่มันก็อดห่วงไม่ได้

 

สุดท้ายแล้วถึงพลังฝีมือศิษย์คนที่ 7 ของมันจะไม่ใช่ชั่ว แต่ก็พอฟัดพอเหวี่ยงได้กับตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะทั่วๆไปเท่านั้น

 

ทว่าตู๋กูเหวินไหนเลยใช้คำจักรพรรดิอมตะทั่วไปมาอธิบายได้? นั่นมันจักรพรรดิอมตะสมญานาม!

 

“อย่างไรเสียครั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก…ขอตัวก่อน ไว้พบกันใหม่”

 

หลังจากฉือหล่างประสานมือกล่าวขอบคุณทั้งร่ำลาเจิ้งอวี้อี้แล้วเสร็จใลมหายใจเดียว มันก็สะบัดมือหอบหิ้วพวกฮ่วนเอ๋อทั้ง 3 ท่องกระบี่พลังมีสภาพเล่มเขื่องกลับวังเทียนฉือโดยเร็วที่สุด เพราะถึงแม้ตอนนี้ต่อให้มันคิดจะไล่ตามไปช่วยต้วนหลิงเทียน ก็คงตามไม่เจอแล้ว

 

“รอการติดต่อกลับมาจากศิษย์น้องเล็กเถอะ…ศิษย์น้องเล็กบอกแล้วหากปลอดภัยเมื่อใดจักติดต่อกลับมาเอง”

 

เวิ่นหว่านเอ๋อกล่าว

 

ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะจากไปเสียงผ่านพลังนั้นเขาไม่ได้ส่งให้ฉือหล่างคนเดียว แต่เป็นส่งให้กับคนทั้งกลุ่ม ยังเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนว่า รอให้หนีรอดปลอดภัยแล้ว จะส่งข้อความมาหาเอง

 

ทำให้ก่อนหน้าจนถึงตอนนี้ แม้ทุกคนอยากจะส่งข้อความไปถามสถานการณ์ของต้วนหลิงเทียนแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครคิดจะทำแบบนั้น ด้วยกลัวจะมีส่วนทำให้ต้วนหลิงเทียนวอกแวกจนเกิดเรื่องได้

 

การถูกตัวตนระดับจักรพรรดิอมตะสมญานามไล่ตาม เกรงว่าอาการฟุ้งซ่านแค่เสี้ยวพริบตาก็พาลให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจหวนคืนได้แล้ว…

 

ดังนั้นแม้จะเป็นฮ่วนเอ๋อ ก็ไม่กล้าติดต่อไปสอบถามสถานการณ์ในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน เพียงลอบภาวนาในใจอย่างเงียบงัน และหวังว่าพี่หลิงเทียนของนางจะแคล้วคลาดปลอดภัย

 

 

ณ อู่หยาเทียน

 

ที่ไหนสักแห่ง

 

“ไอ้หนู ต่อให้เจ้าจะบรรลุความลึกซึ้งเคลื่อมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ แต่วันนี้เจ้าไม่มีวันหนีพ้นเงื้อมมือข้าได้!”

 

เด็กชายคนหนึ่งกำลังพุ่งร่างแหวกฟ้าด้วยความเร็วสูงล้ำจนมองไปคล้ายภูตผีรางเลือน ทำให้แม้ชายหนุ่มเบื้องหน้าจะวูบร่างไปผุดโผล่ไกลถึง 20 ลี้ในแต่ละครั้ง แต่ก็ยังถูกมันไล่จี้มาติดๆ!

 

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้าระยะห่างระหว่างทั้งคู่ก็กระชั้นเข้ามาทุกขณะ

 

‘สมแล้วที่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม ความเร็วของมันสูงจริงๆ…’

 

ชาหนุ่มที่หนีการตามล่าของเด็กชายก็คือต้วนหลิงเทียน

 

เพื่อหลบหนีการตามล่าของเด็กชาย ต้วนหลิงเทียนได้ใช้ออกด้วยเคลื่อนมิติติดต่อกันเต็มกำลังไม่หยุด สีหน้าแลดูจริงจังเคร่งขรึมอยู่บ้าง

 

“มาไกลเท่านี้ก็พอ”

 

ทันใดนั้นเอง เสียงวารีเทพชำระโลกาพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน “หากไปไกลมากกว่านี้ จะเป็นการสิ้นเปลืองพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเจ้าเปล่าๆ…ต่อให้เป็นตู๋กูหวู่แต่หากคิดจะติดตามมาทันก็ต้องใช้เวลากว่าครึ่งค่อนวัน”

 

“ทั้งในเมื่อเจ้าบอกให้ครูของเจ้าหยุดมันเอาไว้แล้ว เช่นนั้นหมายความว่าเจ้านั่นก็ต้องติดพันอยู่อีกพักใหญ่”

 

วารีเทพชำระโลกากล่าว

 

ฟังจากที่วารีเทพชำระโลกาพูดออกมา เห็นได้ชัดว่าเหตุผลที่ไฉนฉือหล่างถึงลงมือขัดขวางตู๋กูหวู่เอาไว้ในขณะที่คิดจากไปแต่แรก ทั้งหมดเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนได้บอกอีกฝ่ายเอาไว้…

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฉือหล่างจะติดต่อขอความช่วยเหลือจากเจิ้งอวี้อี้ ทำให้หยุดตู๋กูหวู่ได้นานกว่าที่คิดเอาไว้

 

“เอาล่ะ”

 

ดิ้นคำพูดของวารีเทพชำระโลกา ต้วนหลิงเทียนก็หยุดการเคลื่อนย้ายข้ามมิติ ยังหยุดร่างลงกลางหาวและหันกลับมามองร่างเด็กชายที่กำลังพุ่งทะยานแหวกฟ้าเข้ามาด้วยความเร็วสูงล้ำอย่างสงบ

 

“เหอะๆ เจ้าสมควรว่างายแบบนี้ตั้งแต่แรก…”

 

ตู๋กูเหวินในคราบเด็กชาย มองหมิ่นต้วนหลิงเทียนพลางแสยะยิ้มกล่าว “เห็นแก่ที่สุดท้ายเจ้ายังให้ความร่วมมือ ข้าจักให้เจ้าเหลือซากศพสมบูรณ์…”

 

ฟังจากสคำพูดคำจาของตู๋กูเหวิน เห็นได้ชัดว่ามันมองต้วนหลิงเทียนไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายไปแล้ว

 

“ก็แค่ดอกไม้ป่าต้นหนึ่งที่จำแลงกายเป็นมนุษย์ได้…ยังจะคุยโวโอ้อวดอะไรนักหนา?”

 

ต้วนหลิงเทียนยกยิ้มเฉยเมย กล่าวเสียดสีแดกดันจบ แววตายังเผยความท้าทายไม่น้อย

 

“สมควรตาย!”

 

ลูกตาตู๋กูเหวินกลายเป็นเย็นชา ทันใดนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดมหาศาลก็ทะลักออกจากร่างเล็ก กลับกลายเป็นสีเขียวมรกตในพริบตา อุบัติห่าเถาวัลย์ไม้เลื้อยพุ่งออกจากความว่างเปล่า เข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนปานมังกรพิโรธ!

 

ตู๋กูเหวินแม้จะเป็นจักรพรรดิอมตะ 7 ดารา แต่ความลึกซึ้งของกฏแห่งไม้ที่เข้าใจ ก็ทำให้มันมีพลังฝีมือไม่ใช่ชั่วในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหลาย

 

และการที่มันปะทุพลังลงมือออกมาด้วยความเดือดดาล แรงกดดันจากพลังที่เหนือกว่าหลายระดับของมันที่โถมทับมาในคราเดียว ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องอยู่บ้าง

 

หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆต้วนหลิงเทียนก็สงบอารมณ์ ใบหน้าฉายความจริงจัง สองตาทอประกายเรืองวาบ จากนั้นรอบๆร่างกายก็ปรากฏเงาร่างขนาดเล็กต้นหนึ่ง

 

และต้นไม้เล็กๆดังกล่าว เพียงเสี้ยวพริบตาก็เติบโตจนกลายเป็นต้นไม้สูงตระหง่าน!

มองแวบแรกต้นไม้ต้นนี้คล้ายต้นสนขนาดใหญ่อยู่บ้าง แต่ทว่ามองอีกทีมันกลับแตกต่างจากต้นสนและคล้ายต้นหลิวมากกว่า!

 

“ต้นไม้เทพสนหลิว!?”

 

เห็นเงาร่างต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียนเบื้องหน้า ลูกตาตู๋กูเหวินหดเล็กลงโดยพลัน “เจ้าไม่ใช่มนุษย์?”

 

“ไม่ใช่! เจ้าไม่ใช่ต้นไม้เทพสนหลิว!!”

 

“นี่คือร่างอวตารกฏ!!”

 

เพียงชั่วพริบตา ตู๋กูเหวินก็มองออกทันทีว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนกำลังใช้อยู่ก็คือร่างอวตารกฏ และยังเป็นร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวอีกด้วย!!

 

ต้นไม้เทพสนหลิวนั้นในแง่ระดับแล้วไม่ได้ด้อยไปกว่าร่างที่แท้จริงของมันที่เป็นบุปผาร้อยสีแม้แต่น้อย เทียบได้กับสัตว์อมตะชั้นยอด

 

“ไอ้หนู ต่อให้เจ้าจะสร้างร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวได้แล้วจักอย่างไร? เจ้ามันก็แค่จอมราชันอมตะคนหนึ่ง ถึงแม้จะกลายเป็นจอมราชันอมตะสมญานามแล้ว แต่เจ้าคิดว่าจะเทียบกับจักรพรรดิอมตะสมญานามได้รึ?”

 

ตู๋กูแสยะยิ้มกล่าวดูถูกด้วยน้ำเสียงรังเกียจเดียจฉันท์

 

ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!

 

 

ขณะเดียวกัน ห่าเถาวัลย์ที่งอกเงยทิ่มแทงออกมาจากควาวมว่างเปล่าดั่งมังกรพิโรธฝูงหนึ่ง ก็เข่นฆ่ามาเจียนถึงตัวต้วนหลิงเทียนอยู่รอมร่อแล้ว!

 

ทว่าสีหน้าต้วนหลิงเทียนยัคงสงบนิ่งไม่แปรเปลี่ยน ไม่ได้นำพากับการลงมืออันดุร้ายทรงพลังของตู๋กูเหวินแม้แต่นิดเดียว

 

ดุจละอองไฟวาบดับ ทั่วร่างต้วนหลิงเทียนพลันปะทุแสงพลังสีเทาออกมารุนแรง! จากนั้นมวลพลังสีเทาขุมใหญ่ก็ถ่ายทอดลงสู่เงาร่างต้นไม้เทพสนหลิวในบัดดล!!

 

พร้อมกันกับที่พลังสีเทามหาศาลกำจายไปทั่วเงาร่างต้นไม้เทพสนหลิว แสงกระบี่ 7 สีก็สาดส่องออกมาจากทั่วร่าง ก่อนจะลุกลามเข้าไปในเงาร่างต้นไม้เทพสนหลิว พาลให้กิ่งก้านใบทั้งลำต้นของต้นไม้เทพสนหลิวเรืองงสว่างเป็นแสงพลังหลากสีสันทันที!

 

‘พฤกษาเทพครองสวรรค์!’

 

เพียงหนึ่งห้วงคิด ต้วนหลิงเทียนก็สั่งการพฤกษาเทพกำเนิดชีพในร่างให้ลอบจ่ายพลังลงสู้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวอย่างแยบคาย!

 

ทันใดนั้นร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวก็เริ่มสั่นไหว จากไร้สภาพสู่มีสภาพ ในที่สุดมันก็ประหนึ่งเป็นต้นไม้เทพสนหลิวที่แท้จริง!

 

ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!

 

 

กิ่งข้งต้นไม้เทพสนหลิวมหึมาฟันฟาดออกไปพร้อมใบอย่างดุดัน ยังผลให้ห้วงมิติบังเกิดความแปรปรวนในฉับพลัน จากนั้นแสงพลัง 7 สีสันอมเทาก็ปลดปล่อยจิตสังหารอันร้ายกาจเข่นฆ่าเข้าใส่ห่าเถาวัลย์อย่างไร้ครั่นคร้าม!!

 

ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!

 

 

เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นถี่ยิบ! เป็นกิ่งพร้อมใบของต้นไม้เทพสนหลิวฟาดฟัทำลายห่าเถาวัลย์ที่แทงทะลุออกมาจากความว่างเปล่าของตู๋กูเหวินลงอย่างต่อเนื่อง ทุกเถาล้วนแหลกระเบิดเกิดเป็นพลังสะท้อนน่าพรั่นพรึง!!

 

คลื่นกระแทกกำจายออกไปทั่วสารทิศวงแล้ววงเล่า ต้นตอคลื่นกระแทกเห็นเป็นเมฆควันรูปดอกเห็ดหลากสีสันกำลังเบ่งบาน แลดูงดงามอย่างประหลาด

 

อย่างไรเสีย ยามเมฆควันดอกเห็กหลากสีสันแต่ละดอกเบ่งบาน ก็อุบัติคลื่นกระแทกมหาประลัยกวาดทำลายออกมาจนฟ้าสะท้านดินสะเทือน เสียงยังดังประหนึ่งอัสนีลั่นในหู!

 

ปงงงง!!

 

ตูมมมมม!!

 

 

ตอนนี้คลื่นกระแทกจากพลังสะท้อนขุมแล้วขุมเล่า ได้เปลี่ยนบรรยากาศแถบนี้ให้กลายเป็นวิปริตแปรปรวนเป็นที่สุด ผู้มีด่านพลังฝึกปรืออ่อนด้อยผ่านมา น่ากลัวจนตัวแตกเป็นหมอกเลือดยังไม่รู้เรื่อราว! ผืนดินเบื้องล่างยามนี้แทบไม่ตางอะไรกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่!!

 

อย่างเช่นขุนเขาใหญ่เบื้องล่างนั้น พอพลังสะท้อนคลื่นกระแทกถล่มลงมาจากฟ้า พวกมันก็เสมือนแก้วกระจกบอบบางปริร้าว จากนั้นก็พังทลายลงในพริบตา….

 

เรียกว่ามันแหลกลงฉับไวยิ่งกว่าตึกในโลกเก่าต้วนหลิงเทียนโดนรื้อถอนด้วยระเบิดเสียอีก จากนั้นนรกฝุ่นก็มาเยือน เพราะละอองธุลีคลีได้คละคลุ้งวุ่นวายไปหมด เหล่าสัตว์อมตะที่อยู่ใกล้ๆหากไม่ตายแต่แรก ก็พากันหนีเตลิดด้วยความตกใจราววันโลกาวินาศมาเยือน

 

“โฮ่? คิดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าจักรับการโจมตีของข้าได้…แม้เมื่อครู่จะเป็นเพียงการโจมตีส่งๆ แต่อย่างน้อยๆกิ่งต้นไม้เทพสนหลิวที่ฟาดมาแต่ละทีของเจ้า นับว่ามีพลังไม่ได้ด้อยไปกว่าการโจมตีเต็มกำลังของจักรพรรดิอมตะทั่วๆไปเลยทีเดียว…”

 

ในขณะที่ขุนเขามหึมาเบื้องล่างแหลกสลายเป็นเม็ดทราย บนฟากฟ้าเสียงของตู๋กูเหวินก็ดังขึ้นอีกครั้ง…