WSSTH ตอนที่ 3,298 : ศาสตราเทพถูกเปิดเผย
ถึงปากตู๋กูเหวินจะกล่าวราวกับชมพลังโจมตีของกิ่งต้นไม้เทพสนหลิว หากแต่สีหน้าแววตาที่มันใช้มองมา ไม่ขาดการดูแคลนหยันหยามแม้แต่น้อย
เพราะต่อให้พลังของต้วนหลิงเทียนจะทำให้มันประหลาดใจ แต่ก็ยังห่างไกลจากการเป็นภัยคุกคามสำหรับมัน! ตัวมันเป็นจักรพรรดิอมตะ 7 ดารา กระทั่งเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม! ความแข็งแกร่งของมัน…ห่างไกลเกินกว่าจักรพรรดิอมตะทั่วๆไปจะเปรียบเทียบได้!!
หากมันลงมือด้วยพลังทั้งหมดล่ะก็ จักรพรรดิอมตะทั่วไป ไม่มีวันหยุดมันได้แม้ครึ่งกระบวน…
“ต้วนหลิงเทียน ไม่พูดไม่ได้จริงๆ เจ้านับว่าร้ายกาจเอาเรื่องเลยทีเดียว…สามารถเป็นจอมราชันอมตะสมญานามด้วยวัยเพียงเท่านี้ แถมยังมีพลังความแข็งแกร่งระดับนี้อีก เจ้าสมควรภาคภูมิใจได้แล้ว”
ตู๋กูเหวินที่มองพินิจต้นไม้เทพสนหลิวเบื้องหน้า กล่าวกับต้วนหลิงเทียนที่ซ่อนตัวอยู่ภายในลำต้นของต้นไม้เทพสนหลิว และกำลังควบคุมต้นไม้เทพสนหลิวเพื่อประมือกับมัน
เป็นธรรมดาว่าตู๋กูเหวินไม่อาจแลเห็นร่างต้วนหลิงเทียนได้อีกแล้ว เนื่องเพราะร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวไม่ใช่เงาร่างสืบไป แต่มันเป็นดั่งต้นไม้เทพสนหลิวที่แท้จริง!
“แต่เจ้าคิดจริงๆหรือ…ว่าอาศัยพลังเพียงเท่านี้ยังจักนับเป็นอะไรต่อหน้าข้า ตู๋กูเหวินได้?”
พอเสียงของตู๋กูเหวินดังจบคำ ก็ปรากฏหอกยาว 7 ฉื่อเล่มหนึ่งกระชับเข้ามือ เรียกว่าตัวหอกนั้นยาวกว่าความสูงของร่างเด็กชายมันเสียอีก!
และหอกของตู๋กูเหวินไม่ได้ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า แต่เป็นแสงที่สาดส่องออกจากร่างกายแล้วควบแน่นมีสภาพ…
ศาสตราวุธที่ปรากฏตัวในลักษณะนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิขึ้นไป!
“สุนัขจากที่ใดมาเห่าหอนแถวนี้ไม่เลิก…”
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่ตู๋กูเหวินเรียกหอกอมตะจักรพรรดิออกมา เสียงของต้วนหลิงเทียนก็ดังขึ้นจากด้านในต้นไม้เทพสนหลิว ฟังแล้วเห็นชัดว่าคิดยั่วโทสะตู๋กูเหวิน!
เมื่อได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ลูกตาตู๋กูเหวินก็หดแคบลง ใบหน้าของมันยังแลเย็นชาปานมีชั้นน้ำแข็งเคลือบ!
“หาที่ตาย!!”
ตู๋กูเหวินตะคอกคำเสียงเย็น จากนั้นหอกในมือก็ถูกจ้วงแทงออกมาฉับไว อุบัติไอพลังสีเขียวทะลักล้นออกมาจากตัวหอก ก่อนจะควบรวมเป็นลำแสงพลังสีมรกต!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
ลำแสงหอกที่พุ่งยิงทะลวงฟ้ามาฉับไวนั้น ประหนึ่งสายน้ำจับตัวเป็นน้ำแข็งก็ไม่ปาน เพราะในเสี้ยวพริบตาจากลำแสงสีมรกตไร้สภาพ ก็คล้ายกลับกลายเป็นหอกไม้ไผ่สีเขียวมีสภาพกำลังยืดยาวออกมา!
หลังแปลงสภาพจากลำแสงไร้สภาพเป็นหอกไผ่เขียวมีสภาพแล้ว ยิ่งมาความเร็วในการทะลวงแหวกฟ้าก็ยิ่งสูงล้ำ! ปลายหอกก็เปล่งกลิ่นอายแหลมคมเยียบเย็นนัก ราวกับจะทะลวงเจาะได้ทุกสรรพสิ่ง!!
“หึ!”
เสียงพ่นลมสบถเยียบเย็นของตู๋กูเหวินดังขึ้นอีกครั้ง เป็นมันพลันลงมือต่อเนื่อง ตวัดหอกจ้วงแทงออกมาอีกหลายครั้งติดต่อ ทำให้อุบัติลำแสงสีเขียวควบแน่นก่อเกิดเป็นหอกไผ่เขียวจ้วงทะลวงเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนมืดฟ้ามัวดิน!
กระทั่งยังมีลำแสงเขียวที่กลับกลายเป็นหอกไผ่สีมรกตหลายสิบสาย พุ่งตีวงกว้างออกไป ก่อนจะตีวงโค้งวกกลับมาจ้วงแทงสังหารต้วนหลิงเทียนจากด้านหลัง!
กล่าวให้ชัดคือ มันคิดจ้วงแทงสังหารร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวของต้วนหลิงเทียนจากด้านหลัง!
เพียงมองสถานการณ์ก็ทราบได้ไม่ยากว่า กระบวนหอกหลังสุดนี้เป็นกระบวนหอกสังหารที่แท้จริง! เพราะหากหอกที่จ้วงแทงออกมาก่อนหน้าสามารถทำลายร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสินหลิวได้แล้ว ไม่พ้นร่างต้วนหลิงเทียนต้องเปิดเผยออกมา ก่อนจะถูกหอกจ้วงแทงจากด้านหลังโดนไร้สิ่งกำบัง…
ซู่มมม! ซู่มมม! ซู่มมม!
…
หอกไผ่เขียวแต่ละสายยทะลวงฟ้ามารวดเร็วเกินไป ราวกับมันทะลุมิติมาอย่างไรอย่างนั้น!
“ไอ้หนู ให้ข้าชมดูทีเถอะ ว่าเจ้าจักมีปัญญาเอาตัวรอดจากกระบวนท่านี้ของข้าได้อย่างไร!”
ตู๋กูเหวินแสยะยิ้มกล่าวเย้ยอย่างย่ามใจ “กระบวนท่านี้ของข้า ได้ใช้ออกด้วยความลึกซึ้งของกฏแห่งไม้ทั้งหมดที่ข้าเข้าใจแล้ว ถึงแม้ข้าจักมิได้ใช้ความลึกซึ้งผสาน แต่ก็ไม่มีตัวตนใต้จักรพรรดิอมตะสมญานามคนใดสามารถต้านทานรับได้เป็นแน่!”
กระบวนหอกที่จู่โจมเข่นฆ่าทั้งหน้าหลังของตู๋กูเหวินนี้ ได้อัดแน่นไปด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเต็มสิบส่วน ผสานความลึกซึ้งของกฏแห่งไม้ที่บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทั้งหมด ยังใช้ออกด้วยหอกอมตะระดับจักรพรรดิ!
ได้ยินวาจาเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจของตู๋กูเหวิน สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นจริงจัง ขณะเดียวกันเขาก็ติดต่อกับเทพเบญจธาตุที่ 4 ธาตุในโลกใบเล็กภายในกายทันที
ก่อนหน้านี้เขาพึ่งจะใช้พลังของพฤกษาเทพครองสวรรค์ 1 ใน 5 เทพเบจธาตุออกไป และเพราะพลังของพฤกษาเทพครองสวรรค์นี้เอง ถึงทำให้ร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวของเขาควบแน่นจากไร้สภาพสู่มีสภาพ!
อย่างไรก็ตาม เพื่อต้านรับการโจมตีกระบวนนี้ของตู๋กูเหวิน เขาจำต้องดิ้นรนหาตัวช่วยเพิ่มแล้ว
เพราะกระบวนท่าหอกครานี้ของตู๋กูเหวินมันทรงพลังเหนือกว่าเถาวัลย์ก่อนหน้ามากมายหลายขุม ต่อให้ตอนนี้เขาจะอยู่ภายในร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิว ยังสูดได้กลิ่นความตายอยู่เนืองๆ!
“ออก!”
แทบจะเป็นวินาทีเดียวกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอความช่วยเหลือ วารีเทพชำระโลกาก็เป็นคนแรกที่จ่ายส่งพลังออกมาให้ต้วนหลิงเทียนเป็นคนแรก
ครืน! ครืน! ครืน!
หลังจากวารีเทพชำระโลกาจ่ายยพลังให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว ทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหล ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ก็จ่ายพลังให้ต้วนหลิงเทียนตามมาติดๆอย่างไร้ซึ่งความลังเลใดๆ
เวลาที่พวกมันอยู่กับต้วนหลิงเทียนนั้น จะวารีเทพชำระโลกาหรือพฤกษาเทพครองสวรรค์ก็เทียบไม่ได้
เมื่อต้วนหลิงเทียนขอความช่วยเหลือจากพวกมัน เช่นนั้นพวกมันย่อมไร้ซึ่งความลังเลใดๆ เร่งจ่ายพลังออกไปเร็วไวทันที!
“ไอ้หนู ฆ่ามารดามันให้ตาย!!”
เสียงเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินดังขึ้นด้วยถ้อยคำดุดัน แม้น้ำเสียงจะไร้อำนาจขู่ขวัญก็ตามที…
มันที่มาอยู่ในร่างต้วนหลิงเทียน นับว่าได้ลิ้มรสความหอมหวานแล้วจริงๆ
เพราะให้มองไปทั่วประวัติศาสตร์ของเหล่าเทพเบญจธาตุในมหาสหัสโลกธาตุแห่งนี้ เกรงว่าคงมีจำนวนแค่น้อยแสนน้อยที่สามารถยกระดับพัฒนาจากขั้นที่ 3 มาเป็นขั้นที่ 6 ได้ในเวลาแค่เดือนเดียว…
แต่มันกลับทำได้!
และทั้งหมดเป็นเพราะมาอยู่ในร่างของต้วนหลิงเทียน ได้เป็นประจักษ์พยานในโชควาสนาของต้วนหลิงเทียน
มิฉะนั้น หากมันจับพลัดจับผลูไปอยู่กับร่างคนอื่น เกรงว่าขอแค่วันนี้สามารถเปลี่ยนเป็นขั้นที่ 4 ได้ ก็ต้องมีกราบไหว้ฟ้าดินกันบ้าง…
“หึ จักรพรรดิอมตะสมญานามแล้วจะอย่างไร? เส้นทางของผู้ครอบครองเทพเบญจธาตุครบทั้ง 5 ธาตุใช่อันใดที่จักรพรรดิอมตะสมญานามกระจ้อยร่อยสามารถหยุดยั้งได้หรือ?”
เสียงขรึมของทองเทพสุดลี้ลับดังขึ้น ไม่ขาดการดูหมิ่นแม้แต่น้อย
“เส้นทางของผู้แข็งแกร่งที่สุด ถูกลิขิตให้ย่ำเหยียบศพทวยเทพนับไม่ถ้วน…เส้นทางสู่ขอบเขตเทพเอง ก็ต้องย่ำเหยียบศพของจักรพรรดิอมตะทั้งจักรพรรดิอมตะสมญานามเช่นกัน!!”
เพลิงเทพโกลาหลกล่าวปิดท้าย
และพลังของเทพเบญจธาตุทั้ง 4 ก็หลั่งไหลถ่ายทอดลงสู่ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวหลากสีสันในชั่วพริบตา กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้เทพสนหลิว ยังหลอมผสานเข้ากับพลังของพฤกษาเทพครองสวรรค์ได้อย่างแยบคาย!
ด้วยความที่มีพลังของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน ทำให้สีสันของร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวกลายเป็นสีรุ้งแต่แรก เช่นนั้นถึงแม้จะมีพลังของเทพเบญจธาตุผสานเพิ่มเข้าไป ก็ไม่อาจระบุความแตกต่างได้ด้วยสายตา
สำหรับกลิ่นอายพลังของเทพเบญจธาตุนั้น ได้ถูกกลิ่นอายพลังอันกล้าแข็งของร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวกลบไว้จนหมด!
ร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิว ถูกสร้างขึ้นจากสารัตถะของต้นไม้เทพสนหลิวที่ถูกต้วนหลิงเทียนหลอม หลังจากผสานพลังของพฤกษาเทพครองสวรรค์เข้าไป ก็ทำให้ร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิว ไม่มีอะไรแตกต่างจากต้นไม้เทพสนหลิวที่แท้จริงเลย!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
เหล่าหอกไผ่มรกตที่พุ่งทะลวงฟ้ามาฉับไวมืดฟ้ามัวดินนั้น มองไกลๆยังคล้ายห่าด้ายสีเขียวกำลังจะพุ่งทะลวงร่างต้วนหลิงเทียนให้ปุพรุนอยู่บาง !
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าการโจมตีของเจ้าไร้ผู้ใดใต้ขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามรับได้?”
เสียงกล่าวถามเย้ยหยันของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นจากด้านในต้นไม้เทพสนหลิว เสียงเย้ยหยันดังกล่าวยังเต็มไปด้วยความปรามาสดูแคลนเป็นที่สุด “ช่างคุยโวโอ้อวดนัก!”
“วันนี้ข้าจอมราชันอมตะสมญานามตัวเล็กๆคนหนึ่ง…กับอีแค่กระบวนท่าที่เจ้ากล่าวอวดไว้เสียดิบดีนี่ ข้ารับได้สบาย!”
และทันทีที่เสียงกล่าวปรามาสของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ กิ่งของต้นไม้เทพสนหลิวก็คล้ายจะเต้นระบำผ่านฟ้าอีกครั้ง!
วู้ม!
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่จิตวิญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน หวงเอ้อ ได้ปรากฏตัวขึ้นข้างกายต้วนหลิงเทียน จากนั้นร่างโฉมงามในชุดเทพธิดา 7 สีก็เริ่มสั่นไหวพร่ามัวดั่งเงาเลือน ก่อนคนจะสลายร่างกลับกลายเป็นลำแสง 7 สีพุ่งหายเข้าไปในต้นไม้เทพสนหลิว!
พอจิตวิญญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนผสานหลอมรวมเข้ามา พลังของร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวก็พุ่งสูงขึ้นพรวดพราดทันที!!
อุปกรณ์เทพที่มีวิญญาณกับไร้วิญญาณนั้น เป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“หืม?!”
และแทบจะในเวลาเดียวกับที่หวงเอ้อสลายร่างกลายเป็นลำแสง 7 สีผสานกับต้นไม้เทพสนหลิว ทั้งผสานเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน จนพลังของร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวพุ่งพรวดขึ้นมา ลูกตาของตู๋กูเหวินก็หดเล็กลงแทบปิด!
“จิตวิญญาณสถิตย์อุปกรณ์?”
“ไม่! ไม่ใช่จิตวิญญาณสถิตย์อุปกรณ์ แต่เป็นจิตวิญญาณแรกกำเนิด! เป็นจิตวิญญาณแรกกำเนิดของอุปกรณ์ที่แท้จริง!!”
(สถิตย์ จับวิญญาณมายัด แรกกำเนิด เกิดขึ้นเอง)
“ให้ตายเถอะ! อาวุธของไอ้หนูนี่เป็นอาวุธระดับเทพเชียวหรือ!?!”
พริบตานี้ตู๋กูเหวินก็ตระหนักได้เร็วไว ว่าอาวุธที่ต้วนหลิงเทียนใช้ มันไม่ใช่อาวุธอมตะระดับจักรพรรดิ แต่เป็นถึงอาวุธเทพ! กระทั่งยังเป็นอาวุธเทพที่มีจิตวิญญาณ!!
“ฮ่าๆๆๆ! ข้า ตู๋กูเหวิน ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชีวิตนี้จักมีวาสนาได้ถือครองอุปกรณ์เทพที่มีจิตวิญญาณ!!”
คู้กูเหวินระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นฟ้า ทำราวกับอุปกรณ์เทพในมือต้วนหลิงเทียนนั้น เป็นของมันไปแล้ว
อย่างไรก็ตามรอยยิ้มบนใบหน้าของมันมีอันต้องชะงักค้างเติ่งไปทันใด
นั่นเพราะกระบวนท่าหอกของมันได้ปะทะเข้ากับกิ่งก้านของต้นไม้เทพสนหลิวแล้ว! สองพลังกล้าแข็งกำลังปะทะหักหาญกันอย่างดุเดือด!!
และเหตุไฉนที่รอยยิ้มบนใบหน้าของตู๋กูเหวินจึงได้ค้างเติ่งนั้น ก็ไม่ใช่เพราะใดอื่น แต่เพราะมันแลเห็นว่ากระบวนท่าหอกที่มันใช้ออกไป หอกไผ่มรกตสายแรกนั้น…ได้ถูกกิ่งต้นไม้เทพสนหลิวทุบฟาดทำลายจนแหลก!!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
ไม่ว่าหอกไผ่มรกตจะทะลวงจ้วงฟ้ามารวดเร็วและรุนแรงแค่ไหน อนิจจากระทั่งเปลือกไม้ยังไม่ได้แตะ! เพียงเข้าใกล้ก็ถูกกิ่งของต้นไม้เทพสนหลิวสะบัดฟาดทำลายจนแหลกพินาศหมดสิ้น!!
เวลาเพียงเสี้ยวพริบตาดุจฟ้าแลบ หอกไผ่มรกตที่ขึ้นรูปจ้วงมาด้วยสภาวะพลังกล้าแข้งของตู๋กูเหวินกว่าครึ่ง ก็มีอันต้องแหลกสลายลง!
“เป็นไปได้ยังไง!?”
เห็นฉากนี้ ใบหน้าตู๋กูเหวินก็ฉายความตะลึงออกชัด! ขณะเดียวกันแววตาของมันยิ่งมาก็ยิ่งเปล่งแสงแห่งความโลภแรงกล้า ในใจคิดไปอย่างตื่นเต้นยินดี ‘สมแล้วที่เป็นอุปกรณ์เทพ…ไม่ธรรมดายิ่งนัก! ช่างทรงพลังอานุภาพเหลือเกิน!!’
เรียกว่าตู๋กูเหวินสรุปไปเองเรียบร้อย ว่าที่ไฉนกระบวนท่าของมันถึงได้ถูกทำลายลงอย่างราบคาบนั้น ทั้งหมดทั้งมวลสมควรเป็นเพราะพลังอำนาจของอุปกรณ์เทพที่มีจิตวิญญาณ!!
เพราะนอกจากเหตุผลข้อนี้ มันก็ไม่อาจจินตนาการได้ออกแล้ว ว่าต้วนหลิงเทียนยังจะมีพลังสามาถรอันใดได้อีก
เพราะในสายตามัน ต้วนหลิงเทียนได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีออกมาหมดสิ้น ไม่ว่าจะด่านพลังฝึกปรือ ความลึกซึ้งของกฏมิติที่บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทั้งหมด รวมถึงร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิว! เช่นนั้นสิ่งสุดท้ายที่จะเพิ่มพลังได้ก็คืออุปกรณ์เทพที่มีจิตวิญญาณนั่นเอง!!
“ไอ้หนู! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจักครอบครองอุปกรณ์เทพที่ทรงพลังถึงขนาดนี้…แต่ว่าให้อุปกรณ์เทพแสนล้ำค่าอยู่ในมือของเจ้า ก็ออกจะเป็นการดูถูกคุณค่าของมันเกินไป!!”
ตู๋กูเหวินระเบิดเสียงหัวเราะเยียยบเย็นดังร่า “ทว่าอีกมินาน อุปกรณ์เทพจักตกอยู่ในมือผู้ที่คู่ควร…มันถูกลิขิตให้เป็นของข้า ตู๋กูเหวินผู้นี้!!”
“ข้าต้องกล่าวเลยจริงๆ ว่าพลังของเจ้ายามใช้อุปกรณ์เทพนั้น เหนือล้ำสุดที่ข้าจะคาดคิดคำนวณได้ออกจริงๆ…แต่ตอนนี้ทั้งหมดมันจบแล้ว!!”
พอตู๋กูเหวินกล่าวออกมาอีกครั้ง ดวงตาของมันก็ฉายแววเยียบเย็น หอกอมตะระดับจักรพรรดิในมือของมันเริ่มสั่นไหวรุนแรง ปลดปล่อยกลิ่นอายพลังอันน่าเกรงขามออกมา
จากนั้นทั่วร่างของตู๋กูเหวินก็ปรากฏแถบริ้วสีเขียวปานริบบิ้นพวยพุ่งออกมานับพันๆสาย แถบริ้วเขียวพลิ้วไปในอากาศปานอสรพิษ!
กลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงเริ่มกำจายออกจากร่างตู๋กูเหวิน สะท้านสะเทือนไปในบรรยากาศ “จากนี้ไป ข้าจักให้เจ้าได้รับทราบถึงพลังอำนาจ จากการผสานหลอมรวมความลึกซึ้งแห่งกฏ!!”
“ถึงแม้ตอนนี้ตัวเจ้าอาจสำคัญตัวว่าแน่ เพราะสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติซึ่งเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดทุกประการถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้ว! แต่ไอ้หนู…เจ้าจงรู้ไว้ ว่าเจ้ายังห่างอีกไกลนัก กว่าจักได้สัมผัสถึงพลังอำนาจอันลึกล้ำจากการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ!!”
“อนิจจา ในเมื่อวันนี้เจ้าพบเจอข้าตู๋กูเหวิน ก็เสมือนเจ้าถูกฟ้าลิขิตให้มิมีวันได้สัมผัสถึงพลังอำนาจจากการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติไปชั่วชีวิต!!”
เสียงกล่าวประโยคท้ายของตู๋กูเหวินนั้น ช่างเฉยเมยเหลือเกิน เสมือนมันกำลังสนทนากับคนตายอย่างไรอย่างนั้น!
และในขณะที่ตู๋กูเหวินกำลังเร่งเร้าพลังสภาวะเตรียมลงมือปิดฉาก
อีกด้านหนึ่งนั้น ร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวที่ต้วนหลิงเทียนควบแน่นพลังสร้างขึ้นมา ก็พึ่งทำลายหอกไม้ไผ่สีมรกตที่เข่นฆ่าสังหารเข้ามาทุกทิศทางจนพินาศหมดสิ้น…