อิโตะนานาโกะขมวดคิ้วอยู่พูดว่า “คงต้องเชิญคุณเย่ชี้บอกให้ชัดเจน!”

เย่เฉินพูดว่า “อันดับแรก เส้นทางศิลปะการต่อสู้จะต้องปฏิบัติใจ จากนั้นปฏิบัติกาย ค่อยมาปฏิบัติวิชา”

“ก็พูดได้อีกว่า ความสำคัญของสภาพจิตใจ จะยิ่งใหญ่กว่าคุณสมบัติทางกาย ยิ่งใหญ่กว่าประเภทศิลปะการต่อสู้ต่างๆ”

“คุณฝึกฝนการต่อสู้ก็ดี การต่อสู้แบบฟรีสไตล์ก็ช่าง หรือหากเป็นเจี๋ยฉวนเต้าคาราเต้และหวิงชุน ไทเก็ก แท้ที่จริงล้วนไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือจิตใจของคุณ!”

อิโตะนานาโกะไม่เข้าใจถามว่า “จิตใจของฉันหรือ? ใจของฉันเป็นยังไงแล้วล่ะ?”

เย่เฉิน ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่ง ดุด่าเสียงดังอยู่มุมสูงว่า “จิตใจของคุณเต็มไปด้วยความใจอ่อนเหมือนสตรี เต็มไปด้วยการยอมเดิมพันไม่ยอมรับการพ่ายแพ้ ใจไม่กว้าง ไม่เยือกเย็น ยิ่งไม่มีนิสัยหมาป่า!”

“นิสัยหมาป่าหรือ!”อิโตะนานาโกะสีหน้าตึงเครียด ตื่นตระหนกร้องพูดว่า “หมายความว่าอะไรหรือ? อะไรเรียกว่านิสัยหมาป่าล่ะ?”

เย่เฉินพูดว่า “ที่เรียกว่านิสัยหมาป่า ก็คือแข็งแกร่งทรหดและดุร้ายนั่นเอง ถ้าหากว่าเพื่อนฝูงของหมาป่าถูกนายพรานจับได้ หมาป่ามีแต่จะลองช่วยมัน จะไม่ลองวิงวอนนายพรานไว้ชีวิตมัน!”

“ถ้าหากว่าเพื่อนฝูงของหมาป่าได้รับบาดเจ็บ มันจะไม่หมอบร้องไห้กระซิกอยู่ข้างกายของเพื่อนฝูง มันจะแยกเขี้ยวไปช่วยแก้แค้นให้กับเพื่อนฝูง สู้ได้ก็สู้ สู้ไม่ได้ก็มุมานะเพื่อลบคำสบประมาทหาโอกาสที่เหมาะสมค่อยมาสู้อีก!”

“แต่ว่า หมาป่าที่ได้มาตรฐานตัวหนึ่ง ไม่ว่าเป็นเช่นไร ล้วนจะไม่กระดิกหางขอความเห็นอกเห็นใจอยู่ต่อหน้าศัตรู! ถ้าหากว่าเพียงแค่ฮัสกีตัวหนึ่ง ถึงแม้ว่ารูปร่างใหญ่ขนาดไหน แรงพลังแข็งแกร่งอีกขนาดไหน ก็จะไม่เป็นคู่ต่อสู้ของหมาป่าเช่นกัน”

“ดังนั้น คุณไม่ใช่นักต่อสู้ที่ได้มาตรฐานคนหนึ่งเลยสักนิด!”

อิโตะนานาโกะโมโหซักถามว่า “คุณมีสิทธิ์อะไรว่าฉันไม่ได้มาตรฐานล่ะ?”

เย่เฉินพูดเสียงเย็นชาว่า “ที่ว่าคุณไม่ได้มาตรฐาน เป็นเพราะว่าความผิดคุณมีสามอย่าง!”

“ความผิดที่หนึ่ง! คุณขาดแคลนบุคลิกลักษณะที่ยอมเดิมพันรับความพ่ายแพ้!”

“อาจารย์คุณพนันกันกับผมอย่างยุติธรรม แพ้ชนะล้วนแบกรับผลลัพธ์ด้วยตนเอง แม้แต่ตัวอาจารย์คุณล้วนสามารถยอมเดิมพันรับความพ่ายแพ้ได้ ยอมรับผลลัพธ์ในความพ่ายแพ้ คุณเป็นลูกศิษย์ของเขา กลับไม่สามารถยอมรับ ยังวิ่งมาขอร้องผมอีก ลองถามหน่อย ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวคุณเองแพ้พนันแล้ว คุณก็จะบิดพลิ้วปฏิเสธไม่ยอมรับความพ่ายแพ้หรือ?”

อิโตะนานาโกะถูกเขาตำหนิจนหน้าแดงเต็มใบหน้า ทันใดนั้นไม่รู้จะทำยังไงดี

เย่เฉินพูดต่ออีกว่า “ความผิดที่สอง! คุณเป็นนักต่อสู้ แม้ว่าร่างกายแข็งแรง จิตใจกลับอ่อนแออย่างยิ่ง นี่ก็พิสูจน์ได้ว่า จากส่วนลึกของจิตใจคุณก็ไม่คู่ควรจะเป็นนักต่อสู้คนหนึ่ง! อยู่นัยน์ตาผม นักต่อสู้ก็คือหมาป่าที่กล้าสู้กล้าถาโถมที่ไม่กลัวตายตัวหนึ่ง แต่คุณ แม้ว่ามีรูปร่างและพลังกับเขี้ยวของหมาป่า แต่ส่วนลึกของจิตใจ กลับเป็นพูเดิลทอยที่น่าสงสารตัวหนึ่ง!”

อิโตะนานาโกะได้ยินถึงตรงนี้ น้ำตาไหลออกจากขอบบตาในชั่วพริบตาเดียว

แต่เย่เฉินยังพูดต่ออีก

“ความผิดที่สาม! นักต่อสู้ต้องเหมือนดั่งนักรบที่ไม่ยี่หระต่อความตายใดๆทั้งสิ้น อยู่บนสนามรบ หัวขาดได้ เลือดไหลได้ ความหยิ่งในศักดิ์ศรีขาดหายไปไม่ได้! แต่คุณล่ะ? ถึงขนาดวิ่งมากระดิกหางขอความเห็นอกเห็นใจกับผม อยู่บนสนามรบที่แท้จริง คุณก็จะคุกเข่าร้องขอชีวิตกับศัตรูเลยเชียวหรือ? คุณก็จะวิงวอนฝ่ายตรงข้ามให้ความเมตตายิ่งใหญ่ ปล่อยคุณไปเถอะหรือ?”

“นักรบที่จะคุกเข่าร้องขอชีวิตกับศัตรู จะไม่เป็นนักรบที่ได้มาตรฐานคนหนึ่งอย่างเด็ดขาด ดังนั้นผมพูดว่าคุณไม่ใช่นักต่อสู้ที่ได้มาตรฐานคนหนึ่ง ได้ใส่ร้ายคุณสักนิดหรือ?!”

“สิ่งที่คุณทำในตอนนี้ ทำให้นักต่อสู้สองคำนี้ด่างพร้อยแล้วจริงๆเลย! ดังนั้นผมตักเตือนคุณ อย่าฝึกฝนการต่อสู้อีกเลย คุณไม่คู่ควร!”

“ในเมื่อคุณใจอ่อนเหมือนสตรีขนาดนี้ ก็กลับไปช่วยเหลือสามีสั่งสอนบุตรเถอะ เป็นภรรยาที่ดี มารดาที่ดี ผู้หญิงที่ดี ที่ได้มาตรฐานคนหนึ่ง ผมเชื่อว่าคุณทำบทบาทเหล่านั้นย่อมแสดงให้เห็นว่าทำดีกว่าเป็นนักต่อสู้คนหนึ่ง!”

ถูกเย่เฉินตำหนิอย่างไม่ไว้หน้าพักหนึ่งขนาดนี้ อารมณ์ของอิโตะนานาโกะพังทลายในชั่วพริบตาเดียว แป๊บเดียวก็ร้องห่มร้องไห้