คำพูดของเย่เฉิน ทำให้อิโตะนานาโกะเข้าใจแล้ว ที่แท้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาตนเองล้วนไม่ใช่คนที่ได้มาตรฐานในศิลปะการต่อสู้คนหนึ่ง

ถึงแม้ว่าตนเองเคยคว้าแชมป์ระดับโลกมาก่อน ถึงแม้ว่าตนเองเคยเป็นยอดฝีมือเยาว์วัยที่สุดยอดระดับโลก แต่ตนเองไม่เข้าใจการคงอยู่ของวิญญาณศิลปะการต่อสู้เหมือนเดิม

เห็นเธอร้องไห้น้ำตาดั่งฝน แทบจะพังทลายไปทั้งตัวกับตา เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจเบาๆหนึ่งทีเช่นกัน พูดว่า “ขอโทษจริงๆ คำพูดของผมเมื่อกี้หนักไปหน่อย แต่ว่าผมหวังว่าคุณจะสามารถเข้าใจ อะไรจึงจะเป็นวิญญาณแห่งศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง!”

อิโตะนานาโกะเงยหน้าขึ้นมา ตาโตที่แดงฉานจ้องมองเย่เฉิน ทั้งสองขางอคุกเข่าอยู่กับพื้นทันที น้ำตาไหลพูดว่า “นานาโกะขอเชิญคุณเย่ชี้บอกให้ชัดเจน ขอคุณเย่ชี้แนะ!”

เย่เฉินไม่ได้ยื่นมือพยุงเธอ แต่พูดอย่างจริงจังเต็มใบหน้าว่า “วิญญาณของศิลปะการต่อสู้ ไม่อยู่ที่สูงต่ำของพลังความสามารถ แต่อยู่ที่ความแข็งอ่อนของจิตใจ!”

“จิตใจแข็งแกร่ง ถึงแม้เป็นคนพิการคนหนึ่ง ก็ไม่ผิดต่อจิตสติแห่งศิลปะการต่อสู้นี้ ก็อย่างเช่นอาจารย์ของคุณ แม้ว่าเขาไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา แม้ว่าถือดีปากร้าย แต่อย่างน้อยสามารถแบกรับผลลัพธ์ในความพ่ายแพ้ จากส่วนนี้มากล่าวแล้ว เขาแข็งแกร่งกว่าคุณเยอะมากจริงๆ!”

สายตาอิโตะนานาโกะหดหู่พูดว่า “วันนี้อาจารย์ยังลองกัดลิ้นฆ่าตัวตายมาก่อน ฉันเชื่อว่า หากว่ามือของเขายังใช้ได้อยู่ เขาย่อมเลือกที่จะเอามีดแทงท้องฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน…..”

เย่เฉินพยักหน้าต่อๆกัน “งั้นนี่ก็พิสูจน์ว่า แม้ว่าเขาพลังความสามารถแย่มาก แต่ในใจยังแข็งแกร่งมาก จากจิตใจมากล่าวแล้ว เขาไม่ได้ผิดต่อสถานะที่เป็นนักต่อสู้ แต่คุณ……”

เย่เฉินพูดถึงตรงนี้ กวาดมองอิโตะนานาโกะทั้งบนล่าง พูดอย่างจริงจังว่า “ก็ดูจากปัจจุบันนี้ คุณไม่เหมาะสมที่จะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้จริงๆ ผมให้คำเตือนด้วยใจจริงอย่างหนึ่งเถอะ หลังจากจบการแข่งขันในครั้งนี้จะไปประเทศญี่ปุ่น ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยของคุณให้ดีๆ หลังจากจบมหาวิทยาลัย สามารถสอบเข้าเรียนปริญญาโทศึกษาเพิ่มเติมต่ออีกสักหน่อย หรืออาจจะแต่งงานมีลูกอย่างเร็ววัน ผ่านชีวิตดั่งคนทั่วไป”

อิโตะนานาโกะตาแดงพูดอย่างจริงจังว่า “แต่ว่า……แต่ว่าข้าน้อยไม่อยากละทิ้งศิลปะการต่อสู้จริงๆ!”

เย่เฉินพูดอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อไม่อยากละทิ้ง งั้นก็ต้องคิดวิธีทำให้จิตใจของตนเองยิ่งใหญ่แข็งแกร่งขึ้นมา”

อิโตะนานาโกะไล่ถามว่า “คุณเย่ ฉัน……ฉันควรทำยังไงจิตใจจึงจะกลายเป็นยิ่งใหญ่แข็งแกร่งได้ล่ะ?”

เย่เฉินพูดว่า “ง่ายมาก อันดับแรกก็ต้องเริ่มจากเรื่องของอาจารย์คุณเรื่องนี้ก่อน ช่วยยอมรับชะตากรรมแทนเขาก่อน ก็คือก้าวแรกที่ทำให้จิตใจยิ่งใหญ่แข็งแกร่ง ตั้งมั่นแก้แค้นให้เขา ก็คือก้าวที่สองที่ทำให้จิตใจยิ่งใหญ่แข็งแกร่ง”

อิโตะนานาโกะรีบโบกมือ “คุณเย่ ฉันไม่เคยคิดที่จะแก้แค้นแทนอาจารย์…..นานาโกะรู้ตัวเองว่าไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของท่านอย่างมาก อีกทั้งก็รู้ว่าตอนจบของอาจารย์ในวันนี้ โทษท่านไม่ได้…….”

“อืม” เย่เฉินเห็นด้วยพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก พูดอย่างจริงจังว่า “ในเมื่อคุณรู้ว่าเรื่องนี้โทษผมไม่ได้ งั้นก็พิสูจน์ได้ว่าคุณมีความก้าวหน้าเล็กน้อยแล้ว เรื่องนี้ทั้งหมดล้วนเป็นอาจารย์คุณก่อกรรมทำเข็ญเอง ดังนั้นผมตักเตือนคุณก็ไม่จำเป็นต้องให้ความกดดันทางใจแก่ตนเองมากเกินไป ถ้าหากว่าคุณรู้สึกว่าเขาน่าสงสารหลังจากกลับไปประเทศญี่ปุ่น ดูแลเขาให้ดีๆก็พอแล้ว”

อิโตะนานาโกะพยักหน้าต่อๆกัน “อาจารย์เย่นานาโกะเข้าใจแล้ว!”

เย่เฉินพูดว่า “อืม คุณเข้าใจก็พอ เอาล่ะ เวลาก็ดึกแล้ว คุณยังกลับไปเร็วหน่อยเถอะ”

อิโตะนานาโกะ รีบพูดว่า “คุณเย่ นานาโกะยังมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามท่าน……”

เย่เฉิน “คุณพูดเถอะ”

อิโตะนานาโกะไล่ถาม “คุณเย่ เป็นไปได้ไหมที่ท่านจะรับนานาโกะเป็นลูกศิษย์?”

เย่เฉินพูดอย่างเฉียบขาดว่า “เป็นไปไม่ได้”

“ทำไมล่ะ?” อิโตะนานาโกะรีบถามเขาว่า “เป็นเพราะว่าพรสวรรค์และคุณสมบัติของฉันไม่เพียงพอหรือเป็นเพราะว่าฉันเป็นคนญี่ปุ่นล่ะ?”

เย่เฉินพูดอย่างไม่ปิดบังเลยสักนิด พูดตรงไปตรงมาว่า “สาเหตุสำคัญที่สุด ก็คือเพราะว่าคุณเป็นคนญี่ปุ่น หลายพันปีที่ผ่านมาคนจีนสอนคนญี่ปุ่นมากมาย แต่ว่าคนญี่ปุ่นไม่รู้จักสำนึกในบุญคุณเลย อีกทั้งยังในช่วงยุคปัจจุบันสองสามร้อยปีนี้ เป็นศัตรูกับประเทศจีนหลายต่อหลายครั้ง แม้กระทั่งทำร้ายประชาชนของประเทศจีน ดังคำกล่าวที่ว่าผิดเป็นครู ดังนั้นผมก็จะไม่ถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ของคนจีนให้แก่หญิงสาวชาวญี่ปุ่นอย่างเด็ดขาดเช่นกัน”

ในใจอิโตะนานาโกะหดหู่อย่างยิ่งในชั่วพริบตาเดียว

เป็นครั้งแรกที่เนื่องเพราะตนเองเป็นคนญี่ปุ่นคนหนึ่งเธอจึงรู้สึกละอายใจ