ตอนที่ 1763: คำเชิญ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1763: คำเชิญ

เจี้ยนเฉินเงียบไป เมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับลัทธิปีศาจชั้นฟ้าตั้งแต่ครั้งแรก เขาได้ตระหนักได้ว่าพวกเขาต้องเป็นองค์กรที่ทรงพลัง อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทรงอำนาจขนาดนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสสูงสุดที่ลึกลับคนเดียวของลัทธิที่ทรงพลังนั้นทำให้เจี้ยนเฉินตกใจอย่างมาก เขายังฆ่าได้แม้แต่อัครสูงสุด

เจี้ยนเฉินสามารถบอกได้ถึงการคงอยู่ที่ทรงพลังได้ในตอนนี้เท่านั้น

เจี้ยนเฉินเริ่งกังวลกับหลินเฮ่ากงมากขึ้น สำหรับกระบี่บินของราชาเทพต้วนมู่นั้น หลินเฮ่ากงได้สร้างความขุ่นเคืองให้กับองค์กรที่ทรงพลังเช่นลัทธิปีศาจชั้นฟ้า แม้ว่าหลินเฮ่ากงจะทรงพลังเทียบเท่ากับราชาเทพต้วนมู่เมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ เขาก็ไม่อาจจัดการกับพวกเขาได้

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เหมือนกับสหายสนิทกัน แต่ความหลงใหลในกระบี่และตัวตนอมตะนั้นได้รับความชื่นชมจากเจี้ยนเฉิน เขาไม่ต้องการให้หลินเฮ่ากงถูกลัทธิปีศาจชั้นฟ้าฆ่า

ฉินเจิ้งจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินและดูเหมือนจะเห็นได้ชัดว่าเจี้ยนเฉินกำลังกังวลเกี่ยวกับภาพรวมทั้งหมด เขากล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป หลินเฮ่ากงได้ทำให้รองหัวหน้าหนึ่งในสามคนเท่านั้นที่ขุ่นเคือง ขณะที่รองหัวหน้าทั้งสามคนนั้นอยู่ในแคว้นเมฆา เพียงแค่ห้วยอันนั้นไม่ถือว่าเป็นตัวแทนของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าบนที่ราบเมฆาทั้งหมด

“มีเหตุผลเล็กน้อยที่เจ้าต้องกังวลเกี่ยวกับผู้อาวุโสสูงสุดที่ลึกลับของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า เจ้าจะต้องใช้พลังบังคับให้เขาออกมา เช่น ทำลายสาขาลัทธิปีศาจชั้นฟ้าทั้งหมดในที่ราบเมฆา ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุด ปกติแล้วเขาจะไม่ยื่นมือเข้ามาในเรื่องส่วนตัว”

“แม้จะไม่มีผู้อาวุโสสูงสุดที่ทรงพลังอย่างน่าหวาดกลัว เพียงแค่รองหัวหน้าห้วยอันก็เป็นตัวตนที่ไม่แพ้หลินเฮ่ากง” เจี้ยนเฉินถอนหายใจเบา ๆ ตอนนี้เขาทำได้แค่สวดมนต์ให้กับหลินเฮ่ากงเท่านั้น ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้

ตงเทียนกลอกตาเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาพูดกับเจี้ยนเฉิน “เจี้ยนเฉิน ถ้าเจ้าต้องการปกป้องตาเฒ่าที่ได้รับกระบี่ของราชาเทพต้วนมู่ ข้าคิดว่าข้ามีความคิดดี ๆ อยู่”

“ความคิดดี ๆ อะไร ? ” แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะรู้ว่าตงเทียนนั้นไม่ได้ดีเหมือนกับรอยยิ้มของเขา แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะถาม

ตงเทียนหัวเราะและพูดว่า “มันง่ายมากและนั้นก็เพื่อให้เจ้าได้เข้าร่วมครอบครัวตงของเราด้วย ด้วยความสามารถของเจ้า ตระกูลจะฟูมฟักเจ้าอย่างแน่นอนด้วยทุกสิ่งที่พวกเขามีเมื่อเจ้าเข้าร่วม เจ้าจะได้รับสถานะที่ยอดเยี่ยมในตระกูล ตราบที่เจ้าเข้าร่วมตระกูลตง การปกป้องเจ้าก็เป็นเรื่องง่าย ๆ ”

ฉินเจิ้งยังมองไปที่เจี้ยนเฉิน ขณะที่เขารอการตอบกลับ มีความตื่นเต้นในสายตาของเขา

เขารู้สึกตกใจมากกับความสามารถของเจี้ยนเฉินและเขาก็ได้เห็นท่าทางที่เที่ยงธรรมของเจี้ยนเฉินแล้ว เขาพอใจกับเขามาก ดังนั้นเขาจึงหวังว่าเจี้ยนเฉินจะเข้าร่วมครอบครัวตงของพวกเขาเป็นอย่างมาก

มีแสงแว่บผ่านดวงตาของเจี้ยนเฉิน เขาไม่ได้ตอบคำถามแต่เขาถามว่า “ไม่ใช่ว่าครอบครัวตงของเจ้ากลัวลัทธิปีศาจชั้นฟ้า ? ”

“ปกติแล้วครอบครัวตงของเรากลัวลัทธิปีศาจชั้นฟ้าเพียงเล็กน้อย แต่สิ่งที่เรากลัวไม่ใช่รองหัวหน้า แต่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่อยู่เบื้องหลังลัทธิ” คราวนี้คนที่พูดคือฉินเจิ้งที่อยู่ด้านข้าง ขณะที่เขากอดอกอยู่ด้านข้าง

ฉินเจิ้งมองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่เปล่งประกาย เขาสาบานอย่างจริงจัง “เจี้ยนเฉิน ถ้าเจ้าเข้าร่วมกับครอบครัวของเรา เราจะสนับสนุนทุกอย่างในสิ่งที่เรามี เราจะมอบเม็ดยาที่ค่า, การบ่มเพาะที่หลากหลายและทักษะการต่อสู้และแม้แต่สมบัติสวรรค์ล้ำค่า เราจะช่วยให้เจ้าเติบโต แม้แต่สหายของเจ้าที่ได้ผิดใจกับรองหัวหน้าลัทธิปีศาจชั้นฟ้า เราก็สามารถปกป้องเขาด้วยครอบครัวของเรา”

เจี้ยนเฉินจมลงในความคิดของเขา โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าครอบครัวตงของตงเทียนเป็นตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในที่ราบเมฆา พวกเขาไม่กังวลแม้แต่กับรองหัวหน้าของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าที่เป็นขั้นอสงไขย หากเขาได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ดังกล่าว การทะลวงร่างบรรพกาลของเขาจะกลายเป็นเรื่องง่ายดายอย่างมาก

นี่เพราะแม้แต่ในโลกอมตะ ร่างบรรพกาลที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น แต่เดิมต้องได้รับการสนับสนุนจากนิกายหรือตระกูลขนาดใหญ่โดยไม่มีข้อยกเว้น มีเพียงไม่กี่คนที่ทะลวงร่างบรรพกาลไปด้วยพลังของตัวเองเพียงคนเดียว

อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาเข้าร่วมตระกูลตง เขาจะพบจอมยุทธขอบเขตตั้งต้น หากเขาเปิดเผยความลับของกระบี่คู่ต่อหน้าพวกเขา มันจะกลายเป็นหายนะที่ร้ายแรงโดยไม่มีใครสามารถปกป้องเขาได้

เจี้ยนเฉินตัดสินใจอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาคิด เขาพูดกับฉินเจิ้งและตงเทียนด้วยความขอโทษ “ขอบคุณสำหรับความตั้งใจของท่าน แต่ข้าคุ้นเคยกับการเดินทางอย่างอิสระและไม่มีการผูกมัด ด้วยเหตุนี้ข้าจึงไม่ได้วางแผนที่จะเข้าร่วมองค์กรใดในตอนนี้ ยิ่งกว่านั้นโลกเซียนนั้นใหญ่มาก ข้าอยากจะไปดูสถานที่อื่น ๆ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจอยู่บนที่ราบเมฆานานเกินไป”

การปฏิเสธของเจี้ยนเฉินทำให้ฉินเจิ้งและตงเทียนผิดหวัง แต่พวกเขาก็ทำใจได้ในไม่ช้า ตงเทียนหัวเราะเบา ๆ และเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ และพูดอย่างไม่สนใจว่า “มันไม่มีปัญหาเลย ไม่มีปัญหา ตั้งแต่ที่น้องเจี้ยนเฉินชอบที่จะเดินทางอย่างอิสระ ข้าจึงไม่กังวลเกี่ยวกับปัญหาของน้องเจี้ยนเฉิน น้องเจี้ยนเฉินมาดื่มกันอีก ไม่สำคัญว่าเจ้าต้องการเข้าร่วมครอบครัวของพวกเราหรือไม่ ข้าต้องการเป็นสหายกับเจ้า” ตงเทียนยกจอกของเขาขึ้นและพูดอย่างไม่ถือสา

เจี้ยนเฉินยกจอกของเขา พร้อมกล่าวว่า “ถ้าข้าประสบความสำเร็จใจการบ่มเพาะในภายภาคหน้า อย่าลังเลที่จะมาหาข้า มีอะไรที่ข้าช่วยได้ข้าจะช่วย เพื่อตอบกลับความมีน้ำใจในครั้งนี้” ในขณะที่เขาพูดอย่างนั้น เจี้ยนเฉินและตงเทียนก็ชนจอกกันเสียงดังและหยุดพูดเรื่องต่าง ๆ ลง

ตงเทียนโยนป้ายสัญลักษณ์ให้กับเจี้ยนเฉินและพูดว่า “นั้นเป็นป้ายประจำตัวตนของข้า น้องเจี้ยนเฉิน หากเจ้าเจอปัญหาใด ๆ ที่เจ้าไม่อาจจัดการได้ เพียงนำป้ายมาที่ครอบครัวและมาหาข้า ตราบใดที่เจ้าไม่ยั่วยุจอมยุทธขอบเขตตั้งต้น ข้าสามารถแก้ไขปัญหาให้เจ้าได้” ในเวลาเดียวกันตงเทียนก็หันไปมองเฉินเจี้ยนที่ยังไม่รู้สึกตัวในตอนนี้ อาการบาดเจ็บของเขาหนักมาก

เจี้ยนเฉินพาเฉินเจี้ยนเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มทันทีและมอบยารักษาให้กับเขา

“ตงเทียน ! ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะหนีไปไหน ! เจ้าไม่อาจหนีข้าไปได้ ! แม้ว่าเจ้าจะออกจากที่ราบเมฆาไปไกล ข้าก็ยังหาเจ้าเจอ ! ” ในตอนนี้มีเสียงผู้หญิงที่โกรธแค้นดังขึ้นมาจากระยะไกล ริ้วแสงสีแดงที่บินผ่านฟ้าจนสามารถเห็นมันได้จากระยะไกลที่ดูคล้ายกับดาวหาง

มือของตงเทียนสั่นทันทีที่เขาได้ยินเสียงนั้นพร้อมทั้งดื่มสุราในจอกของเขา เขากลายเป็นสับสนราวกับว่าเขาได้พบกับสถานการณ์ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เขากล่าวว่า “นะ..นางมาที่นี่ได้อย่างไร ? ข้าถอนหมั้นนางไปแล้วไม่ใช่หรือ ? นางเกลียดข้ามากเสียจนไล่ล่าข้าจนกว่าข้าจะตาย ? ไปเถอะ รีบออกไปกัน เร็วลุงฉิน เราไม่อาจปล่อยให้นางตามทัน ข้าไม่สามารถเอาชนะนางได้ในตอนนี้”

ในเวลานั้นตงเทียนสูญเสียความมั่นใจและความกล้าตามปกติ มีความกลัวปรากฏออกมาในขณะที่เขาจ้องมองร่างสีแดงที่เหาะมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นว่าตงเทียนดูหวาดกลัวอย่างยิ่ง ฉินเจี้ยนก็เผยสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขามองไปยังร่างที่เข้ามาหาพวกเขาจากระยะไกล เพียงโบกมือเขาและตงเทียนก็หายไป ดูเหมือนพวกเขาจะหายตัวไปแล้ว

“น้องเจี้ยนเฉิน ข้าจะไปก่อน เราค่อยพบกันครั้งหน้า…”

ขณะที่เขาจากไป เสียงของตงเทียนก็ดังอยู่ในหัวของเจี้ยนเฉิน เขารีบจากไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงทิ้งอาหารเลิศรสไว้ที่โต๊ะ

“ตงเทียน เจ้าสารเลว หยุด ! เจ้าไม่อาจหนีข้าไปได้ ข้าจะจับเจ้าไม่ว่าเจ้าจะวิ่งไปที่ไหน ข้าจะถลกหนังเจ้าทั้งเป็น หากข้าจับเจ้าได้…” หญิงสาวคนนั้นตะโกนอย่างโกรธแค้น นางโมโหอย่างที่สุด