เมื่อเธอได้ยินที่ลู่โจวพูด ลู่เสี่ยวเฉียวถึงกับอึ้ง เธอมองลู่โจวด้วยสีหน้านิ่งเฉย

“ฉัน… เดี๋ยวก่อน ฉันไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อ คุณหมายถึง… ทวดฉันเป็นลูกของคุณและลูกของเสี่ยวถงเหรอ?”

เมื่อลู่เสี่ยวเฉียวพูดส่วนหลังของประโยค เธอเองรู้สึกว่ามันน่าขบขัน และเสียงเขาเธออ่อนลงโดยไม่ตั้งใจ

แต่ลู่โจวก็ได้ยินที่เธอพูด เขาเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง และเขาไออยู่หลายครั้งก่อนที่จะพูดต่อ

“บรรพบุรุษของคุณคงขำกลิ้งอยู่ในหลุมแล้ว…”

ลู่เสี่ยวเฉียวยิ้มพร้อมสีหน้าอายเล็กน้อยในขณะที่เธอขอโทษเสียงเบา

“ขอโทษค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ” ลู่โจวถอนหายใจและพูดต่อหลังจากนิ่งอยู่สักพัก “จริงๆ แล้ว คุณน่าจะเป็นเหลนของเหลนผม ผมน่าจะบอกคุณทันทีที่ผมรู้ความจริง แต่ตอนนั้นผมไม่พร้อม… ผมน่าจะเป็นฝ่ายขอโทษ”

“ไม่เป็นไรค่ะ… มันตั้งร้อยปีก่อน” ลู่เสี่ยวเฉียวพูดเสียงเบา เธอมองลู่โจวด้วยสีหน้าที่มีร่องรอยความอาย “แต่ฉันไม่ค่อยเข้าใจ ทุกคนพูดกันว่าคุณยังไม่ได้แต่งงาน?”

ลู่โจวตอบว่า “เทคโนโลยีไอพีเอสสามารถกระตุ้นโซมาติกเซลล์เพื่อแบ่งแยกเป็นสเต็มเซลล์ที่ถูกกระตุ้น แล้วกลายเป็นเซลล์สืบพันธุ์ มันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยยากเท่าไหร่”

“ขอโทษที… ฉันสับสนนิดหน่อย” ลู่เสี่ยวเฉียวพูดพร้อมอาการปวดหัว “ฉันเป็นทายาทของคุณจริงๆ ใช่ไหม? แล้วใครเป็นทวดของทวดฉันล่ะ?”

ลู่โจวส่ายหน้าและพูดว่า “ผมอ่านรายงานมาเยอะมาก แต่ผมยังไม่เจอบันทึกที่ชัดเจน”

ลู่เสี่ยวเฉียวถามว่า “แต่คุณรู้ได้อย่างไรล่ะ? มันมาจากหนึ่งร้อยปีก่อน—”

“เรื่องบางเรื่องจะไม่เปลี่ยนไป แม้ว่าจะผ่านไปแล้วร้อยปี”

ลู่โจวหยิบกล่องแหวนออกมาจากช่องกระเป๋าและเปิดมันอย่างแผ่วเบา

เมื่อลู่เสี่ยวเฉียวเห็นกล่องแหวนในมือลู่โจว เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย

“สิ่งนี้คือ…”

“ผมวางมันไว้ข้างหมอนก่อนที่ผมจะไปดาวอังคารครั้งแรก เธอเขียนจดหมายเกี่ยวกับโปรเจกต์บลัดไลน์ ที่อยู่ของเธอ และทิ้งมันไว้ในกล่องนี้”

เมื่อเห็นสีหน้าลู่โจวที่แฝงอารมณ์ซับซ้อน ลู่เสี่ยวเฉียวนิ่งไปสักพัก จากนั้นเธอพูดเสียงกระซิบ “คนคนนั้น… เฉินยู่ซานใช่ไหม?”

“ใช่”

ลู่โจวยิ้มให้และพยักหน้า แล้วเขามองเธอด้วยความเอ็นดู

“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้ประวัติของตัวเองนะ”

ลู่เสี่ยวเฉียวยิ้มอย่างขมขื่นและไม่ได้พูดอะไรตอบ

มันอาจจะไม่ใช่ประวัติ มันเหมือนกับลำดับวงศ์ตระกูลมากกว่า

เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้พูดอะไรตอบ ลู่โจวมองดูแผนที่ดวงดาวบนกำแพงห้องประชุมและพูดต่อ “จริงๆ แล้วคุณน่าจะรู้เรื่องนี้ ผมกำลังสร้างยานที่สามารถเดินทางไปโลกที่อยู่นอกระบบสุริยะ”

“มิลกี้เวย์เหรอ?”

“ใช่แล้ว”

ลู่โจวพยักหน้าเบาๆ และพูดต่อ “ผมเคยพูดว่าผมจะยกดาวให้เธอและทิ้งตำนานเรื่องของเราไว้ที่นั่น และเมื่อดูจากสิ่งที่เธอเขียนในจดหมายรัก เธอน่าจะรอผมอยู่”

ถ้าเกิดคุณไปถึงที่นั่นก่อนเธอล่ะ?

ลู่เสี่ยวเฉียวอยากถามออกไป แต่เธอลังเลอยู่นาน เธอตัดสินใจที่จะไม่พูดออกไปในที่สุด

ในฐานะที่เป็นนักวิชาการที่โดดเด่นที่สุดในโลก เขารู้ดีว่ายานอวกาศโบราณมีหน้าตาแบบไหน

ด้วยเครื่องยนต์พลาสม่า มันจะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหมื่นหรือมากถึงสองหมื่นปีเพื่อไปถึงโลกที่ห่างออกไปสิบปีแสง

แต่เมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้ เขาต้องพิจารณาถึงสถานการณ์นี้แล้ว

ดังนั้นสิ่งใดก็ตามที่เธอพูดในตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว

“จริงๆ นะ อย่ารู้สึกผิดมากไปเลย… ฉันไม่ได้ใส่ใจมากว่าใครเป็นทวดของฉัน แต่ฉันก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ฉันไม่ได้รับสติปัญญาของคุณมา” ลู่เสี่ยวเฉียวยิ้มด้วยความเขินอาย เธอพูดขึ้นว่า “แน่นอน พวกเราโง่เกินไป…”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิ คนเราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อเหตุผลเดียว ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำวิจัยวิชาการ มันโอเคที่จะทำงานที่คุณชอบ… นี่เป็นความหวังเดียวที่ผมมีต่อพวกคุณ”

ลู่โจวมองดูลู่เสี่ยวเฉียวที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา เขาพูดต่อหลังจากนิ่งไปสักพัก

“สาเหตุที่ผมขอให้คุณมาที่นี่ นอกจากที่ผมจะบอกความจริงจากร้อยปีก่อน ก็คือมันมีอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่อยากพูดคุยกับคุณ”

“… เรื่องไหนเหรอ?”

“เกี่ยวกับอนาคต”

ลู่โจวยื่นนิ้วชี้ไปแตะเทอร์มินัลส่วนตัว จากนั้นเขามองดูหน้าจอโฮโลแกรมตรงหน้า และเลือกเอกสารตรงกลางหน้าจอ และเปิดมันต่อหน้าลู่เสี่ยวเฉียว

เมื่อลู่เสี่ยวเฉียวเห็นเอกสารลอยต่อหน้าเธอ เธอรู้สึกอึ้งเล็กน้อย เธอมองดูลู่โจวด้วยความสับสนในดวงตา

“แล้วในนั้นมีอะไร…?”

ลู่โจวตอบว่า “มันเป็นข้อตกลงที่คล้ายกับกองทุนครอบครัว ไม่นานมานี้ผมได้ปรับธุรกิจของสตาร์สกายเทคโนโลยีขึ้นมาใหม่ มันจะเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการแลกเปลี่ยนอวกาศและการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการบินใหม่… คุณคือผู้จัดการคนแรก”

ลู่โจวคิดเรื่องนี้มานานแล้ว

เขายังจำได้ว่าครั้งแรกที่เขามีไอเดียนี้คือตอนที่เขาและซิงเปียนกำลังตรวจสอบโปรเจกต์บลัดไลน์และเจอกล่องแหวน

เมื่อนานมาแล้ว เมื่อเขาเพิ่งค้นพบซากยานในเดอะเกทส์ออฟเฮลล์ เขาได้คาดการณ์แล้วว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นเหมือนนายพลเรนฮาร์ท ซึ่งคือการอยู่อาศัยในที่ห่างไกลจากบ้านเกิด

ดังนั้น เขาต้องจัดสรรทรัพย์สินให้เรียบร้อยก่อนจะจากไป

จากมุมมองนี้ เขาน่าจะรู้สึกซาบซึ้งใจกับโปรเจกต์บลัดไลน์นี้ อย่างน้อยที่สุด มันช่วยให้เขาเจอผู้สืบทอดที่เหมาะสม

สักวันหนึ่งในอนาคต ครอบครัวนี้อาจจะให้กำเนิดนักวิชาการที่ยอดเยี่ยมซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเขา

ถ้ามันลงเอยแบบนี้ เขาจะรู้สึกพึงพอใจ

“ฉันเหรอ?” ลู่เสี่ยวเฉียวรู้สึกอึ้งเล็กน้อย เธอพูดว่า “แต่ว่าฉัน… เหมาะสมจริงๆ เหรอ? ความผิดพลาดด้านธุรกิจของเราเกือบทำสตาร์สกายเทคโนโลยีล้มละลาย”

“ล้มละลายก็ไม่เป็นไร บริษัทเป็นสิ่งนอกกาย ทุกคนมีภารกิจของตัวเองอยู่แล้ว บริษัทเองก็เหมือนกัน สตาร์สกายเทคโนโลยีได้ทำภารกิจของมันเสร็จเมื่อร้อยปีก่อน มันได้ทำตามที่ผมคาดหวังไว้แล้ว”

เมื่อเห็นว่าลู่เสี่ยวเฉียวมีสีหน้างง ลู่โจวยิ้มเบาๆ และพูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่ง

“แล้วมันไม่ใช่ความผิดของคุณ พ่อของคุณเป็นคนทำ ผมเชื่อว่าคุณต่างไปจากเขา สถานะร่ำรวยของกองทุนพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็งในยุคนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถของคุณ เอาตามตรงมันเป็นเรื่องเสียเวลาจริงๆ ที่จะปล่อยให้ชื่อของสตาร์สกายเทคโนโลยีอยู่ในพิพิธภัณฑ์แบบนี้”

“ถ้าคุณอยากได้ตามความคาดหวังของผม ก็ปลุกไฟมันขึ้นมาอีกครั้งในยุคนี้”