ตอนที่ 1765: ได้ยินเกี่ยวกับลัทธิอีกครั้ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1765: ได้ยินเกี่ยวกับลัทธิอีกครั้ง

“เกราะดี ! ” เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะชมออกมา เขาเอาแต่จ้องมองเกราะของหญิงสาว เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าเกราะนี้เป็นสมบัติด้านการป้องกันระดับสูงมาก แม้แต่ขั้นเหนือเทพที่เข้ามาในสุสานของราชาเทพต้วนมู่ก็ไม่ได้มีอะไรแบบนี้

หญิงสาวคนนี้มีทักษะด้านกฏถึงสองอย่างและพลังการต่อสู้ของนางก็ทรงพลังมาก นางเป็นอัจฉริยะแน่นอน เมื่อรวมเข้ากับวิธีการที่นางกล้าพอมาที่จะตามตงเทียนแบบนี้ ทุกอย่างชี้ให้เห็นว่านางมีเบื้องหลัง

เจี้ยนเฉินได้รู้มาเนิ่นนานแล้วว่าทั้งสองโลกระหว่างโลกเซียนและโลกอมตะ มีนิกายหรือตระกูลอัจฉริยะขนาดใหญ่ บุคคลใดสามารถเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถพิเศษ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากตระกูลหรือนิกายของพวกเขา อัจฉริยะก็จะมีพลังการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ จะมีใครเป็นคู่ต่อสู้กับพวกเขาได้ในระดับการบ่มเพาะเดียวกัน พวกเขาแทบจะไร้พ่ายในระดับเดียวกัน

อัจฉริยะหลายคนมีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งกว่า เขามักจะสังหารจอมยุทธที่มีระดับบ่มเพาะสูงกว่าเสมอโดยไม่มีปัญหาใด ๆ

ไม่แปลกใจเลย ที่สตรีชุดแดงคนนี้จะเป็นอัจฉริยะ เห็นได้ชัดว่านางเป็นขั้นเทพช่วงปลาย แต่นางก็มีพลังเทียบเท่ากับเหล่าขั้นเหนือเทพช่วงต้นในระดับหนึ่ง แม้ว่ามันจะแทบจะไม่อาจเทียบได้ แต่ก็ยังน่าประทับใจ

สายตาของสตรีชุดแดงเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ นางยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อได้ยินว่าเจี้ยนเฉินชมเชยเกราะของนาง นี่เป็นการยั่วยุใจสายตาของนาง นางรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังบอกว่านางจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหากไม่ใช้เกราะป้องกันชุดนี้

“ข้าจะจำเจ้าไว้ มารอดูกัน ครั้งต่อไปจะไม่มีใครช่วยเจ้าได้” หญิงสาวพูดอย่างเย็นชา นางรู้ว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจี้ยนเฉิน ตัวของนางเต็มไปด้วยเพลิงและพุ่งออกไปโดยไม่เหลียวกับมา นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ตงเทียน ไอ้สารเลว เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถหลบข้าได้เพราะเจ้าอยู่กับคนอื่นงั้นหรือ ? หืมม มีเพียงที่ราบเมฆา แม้ว่าเจ้าจะหนีจากข้าที่นี่ได้ ข้าก็ยังหาเจ้าเจอ ข้าสาบาน เมื่อข้าจับเจ้าได้ ข้าจะถลกหนังเจ้าทั้งเป็น….”

เจี้ยนเฉินมองสตรีชุดแดง เขาแอบส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่น่าแปลกใจที่ตงเทียนถอนหมั้นด้วยความต้องการของเขาเอง สตรีชุดแดงเป็นสาวงามที่น่าหลงใหล อย่างไรก็ตามอารมณ์ของนางนั้นน่ากลัวอย่างมาก แต่นางก็มีพลังมากกว่าใคร ใครก็ตามที่แต่งงานกับนางจะเจอกับโชคร้าย

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินลุกขึ้นและมองท้องฟ้าก่อนที่จะออกจากที่นั่น หลังจากที่บินมาได้ระยะหนึ่งเขาก็พบกับเมือง ๆ หนึ่งและใช้เหรียญผลึกเพื่อซื้อแผนที่ เขาพบตำแหน่งของเขาและขมวดคิ้วทันที

ตอนี้เขาอยู่ใกล้กับเขตแดนของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นวดาราและอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยา อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนนั้นอยู่อีกด้านหนึ่งของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นวดารา หากเขาต้องการกลับไปแล้ว เขาต้องข้ามอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นวดาราไป

อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นวดารานั้นกว้างใหญ่มาก แม้ว่าเขาจะเดินทางเป็นเส้นตรงก็ยังมีระยะทางหลายพันล้านกิโลเมตร !

“ดูเหมือนว่าระยะเวลาเดินทางจะพอ ๆ กับเดือนหนึ่งเพื่อที่จะกลับไปยังแคว้นตงอัน ลุงฉินของตงเทียนนั้นน่ากลัวเกินไป ข้าหมดสติไปเพียง 3 ชั่วยามเท่านั้น แต่เขาก็พาข้ามาที่นี่จากสุสานราชาเทพต้วนมู่” เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้สึกหมดหนทางมาก ระยะทางที่พวกเขาเดินทางนั้นน้อยกว่า 2 ชั่วยามในขณะที่เขาใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนเพื่อที่จะไปถึง

ทันใดนั้นแสงสีขาวก็พุ่งผ่านท้องฟ้าในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นวดาราในระดับความสูงหลายหมื่นเมตร มันเหมือนกับสายฟ้าที่เคลื่อนผ่านด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ มันข้ามทั้งภูมิภาคเพียงแว่บเดียวก็หายไป

สายฟ้าที่พุ่งผ่านเมื่อมองจากระยะไกล ในสายฟ้านั้นมีหนุ่มชุดขาวที่ปกคลุมไปด้วยแสง เขาใช้ความเร็วดุจสายฟ้าเพื่อเดินทางระยะไกล

ชายหนุ่มคนนั้นคือเจี้ยนเฉิน ที่เดินทางผ่านอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นวดารา

“การเดินทางด้วยอสนีบาตนั้นมีประโยชน์อย่างมาก ข้าสามารถเดินทางมาได้ระยะทางไกล ๆ เพียงชั่วขณะเดียว ถ้าข้ายังคงรักษาความเร็วนี้ ระยะเวลาที่ข้าต้องกลับไปที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนนั้นจะลดลงไปมาก” เจี้ยนเฉินพูดพึมพำขณะที่เขารู้สึกเหนื่อย เขาไม่อาจใช้อสนีบาตต่อไปได้อีก หรือไม่ก็เขาไม่อาจจะทนต่อความเหนื่อยล้าได้

การเดินทางผ่านอาณาจักรศักดิ์สิทธ์นวดาราของเขานั้นไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เขาไม่เพียงเจอโจรตามเส้นทางเท่านั้น แต่เขายังต้องต่อสู้กับนกหรือสัตว์อสูรที่ทรงพลังอีกด้วย มันยากมากที่จะเดินทางได้อย่างปลอดภัยโดยปราศจากความแข็งแกร่งขั้นเทพ

โดยเฉพาะกับนกและสัตว์อสูรที่มีสติปัญญา แม้ว่าจะไม่เหมือนมนุษย์ พวกมันก็เดินทางเป็นกลุ่ม ซึ่งแม้แต่ขั้นเทพก็ยังต้องหนีด้วยความหวาดกลัวเมื่อเจอกับพวกมัน

อาจมีเพียงขั้นเหนือเทพเท่านั้นที่สามารถเดินทางข้ามอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างราบรื่น

ในตอนนี้จู่ ๆ ดวงตาของเจี้ยนเฉินก็หรี่ลง เขาต้องมองคนจำนวนมากที่ปรากฏออกมาบนท้องฟ้าจากระยะไกล พวกเขามีพลังเทียบเท่ากับขั้นเทพหรือแม้แต่คนที่อ่อนแอก็อยู่ในขอบเขตดั้งเดิม จากระยะไกลดูเหมือนว่าพวกมันจะมีเมฆสีดำขนาดใหญ่ เคลื่อนผ่านท้องฟ้าพุ่งเข้าไปยังอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นวดารา

“นั่นเป็นกลุ่มคนหลายสิบล้านหรือมากกว่านั้น มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นงั้นหรือที่ทำให้พวกเขาต้องอพยพ ? อะไรที่ทำให้คนจำนวนมากขนาดนี้ต้องเดินทาง ? ” เจี้ยนเฉินอยากรู้อยากเห็น เขาเปลี่ยนทิศทางและบินตามไปทันที

“พี่ชาย ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ? ” เจี้ยนเฉินหยุดขั้นศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นชายกลางคนและถาม

ชายกลายคนดูโหดเหี้ยมและเหมือนกับวิญญาณร้าย เขาเงยหน้าจ้องมองมาที่เจี้ยนเฉินก่อนที่เขาจะไม่สนใจเขาและเดินทางต่อไป

เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขาต้องมองกลุ่มที่ผ่านเข้ามาและหยุดขั้นเทพช่วงกลาง เขาแผ่รังสีออกมาอย่างคลุมเครือที่เต็มไปด้วยแรงกดดันจากจิตวิญญาณกระบี่และถามออกมาด้วยคำถามเดิม

ใบหน้าของขั้นเทพช่วงต้นเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขารู้สึกถึงแรงกดดันจากเจี้ยนเฉิน เขาตอบอย่างสุภาพ “พี่ชาย เราทุกคนเป็นคนในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยา กองทัพที่เก้าของลัทธิปีศาจชั้นฟ้ากำลังจู่โจมอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้และทุกแห่งที่กองทัพที่เก้าเดินผ่านสิ่งมีชีวิตจะหายไป อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยาไม่อาจยื้อไว้ได้ต่อไปและจะถูกทำลายในไม่ช้า เราทุกคนหนีมายังอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นวดาราเพื่อหวังจะหลบเลี่ยงหายนะครั้งนี้”

“ลัทธิปีศาจชั้นฟ้าอีกแล้ว” เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วทันทีและรู้สึกถึงลางร้าย

ลัทธิปีศาจชั้นฟ้าได้บุกโจมตีอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยาแล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ใกล้กับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนแล้ว

อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินก็เริ่มสงสัยในไม่ช้าหลังจากนั้น ลัทธิปีศาจชั้นฟ้าเป็นองค์กรที่ทรงพลัง ทำไมเขาต้องโจมตีอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยา ?

เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยา มันเป็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ในระดับเดียวกับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน จอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาเป็นเพียงราชาเทพ ดังนั้นการพูดกันด้วยเหตุผลกับองค์กรที่มีเพียงราชาเทพมันก็ไม่ควรดึงดูดความสนใจของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า