ตอนที่ 1682 ความแข็งแกร่งของซ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

หุบเขาตะวันคล้อยอลหม่านปั่นป่วน กลิ่นคาวเลือดอบอวล

เหล่ามกุฎอริยะแท้อย่างพวกเจ้าคางคก อาหลู่ เซ่าเฮ่า รั่วอู่จัดการผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองทั่วไปพวกนั้นได้ราวกับเด็ดผักหั่นแตง ตลอดทางไม่มีอุปสรรคแม้แต่น้อย

ด้านเจ้านกดำยิ่งละทิ้งการสังหารศัตรูไปนานแล้ว เงาร่างราวกับสายลมคลั่ง ตักตวงสมบัติในหุบเขาตะวันคล้อยอย่างลับๆ ล่อๆ

เห็นท่าทางของมันแล้ว เหมือนกับขุนนางทุจริต แทบอยากจะกวาดสมบัติในที่นี้ให้เรียบ

ทันใดนั้นฟ้าดินสั่นสะเทือน กลิ่นอายน่ากลัวสายหนึ่งระเบิดออกมาจากบริเวณที่ต้นเทพฝูซางตั้งอยู่ ทำให้กฎระเบียบของฟ้าดินแถบนี้บิดเบี้ยวไปหมด

“หืม? นี่คือพลังอะไร มีกลิ่นอายที่ทำลายกฎระเบียบของฟ้าดินราวกับจักรพรรดิมาเยือน!”

“บัดซบ เผ่าอีกาทองใช้พลังมรรคจักรพรรดิแล้วหรือ”

พวกเจ้าคางคกต่างขนพองสยองเกล้า จิตวิญญาณเหมือนถูกภูเขาเทพหมื่นกาลกดทับ รู้สึกเพียงฟ้าดินถูกพลังที่น่ากลัวสายหนึ่งอัดแน่น จิตวิญญาณล้วนมีสัญญาณว่าจะสั่นคลอน

“ฆ่า!”

ขณะเดียวกันหน้าต้นเทพฝูซาง อูเหิงเทียนตวาดลั่น

กลางอากาศ ประกาศิตที่ม้วนแผ่ออกมามีประกายสลัวรางไหลวน พลังเจตจำนงของระดับจักรพรรดิแท้อบอวลเหมือนจักรวาลแรกกำเนิด

ตูม!

ในประกาศิตมีอักษรโบราณมรรคจักรพรรดิแถวหนึ่งพุ่งออกมา แต่ละตัวราวหล่อจากทองเทพ เจิดจรัสส่องประกาย กลายเป็นดาบสวรรค์สีทองเล่มหนึ่ง พิฆาตลงไปที่หลินสวิน

หลินสวินพลันมุ่นคิ้ว เหวี่ยงกระบี่อเวจีในมือขึ้นมาทันที ฟาดผ่าลงไปอย่างดุดันเรียบง่าย

เคร้ง!

กระบี่อเวจีและดาบสวรรค์สีทองปะทะกัน ละอองแสงสาดกระจายสะเทือนทั่วทิศ ทำให้แขนของหลินสวินชาไปหมด ร่างพลันซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว

“ฮึ ก็แค่เจตจำนงสายหนึ่งเท่านั้น ข้ากลับอยากลองดูว่าเจ้าจะยืนหยัดได้นานแค่ไหน”

หลินสวินแค่นเสียงเย็นชา

เขาโบกสะบัดกระบี่อเวจี ไม่ถอยไม่หลีกกลับพุ่งขึ้นไปรับ กระบี่อเวจีถูกเขาใช้ฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง ทุกกระบวนท่าล้วนเรียบง่ายถึงขีดสุด

แต่ปราณกระบี่แต่ละสายต่างมีอานุภาพสะเทือนฟ้าดิน กำจัดเทพผี แม้แต่ตัวกระบี่อเวจียังดำสนิท ส่องประกายยิ่งกว่าเดิม ส่งเสียงดังกึกก้อง สะท้านทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

ทุกคนต่างอึ้งงันแล้ว

ลูกตาของพวกอูเหิงเทียนแทบถลนออกมา นั่นเป็นถึงประกาศิตที่มหาจักรพรรดิอีกามารเหลือทิ้งไว้ ประทับกลิ่นอายสูงส่งของมรรคจักรพรรดิ สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิได้

แต่ตอนนี้หลินสวินกลับประจัญบานกับมัน กำลังปะทะกับเจตจำนงของมหาจักรพรรดิ นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!

“เจตจำนงของมหาจักรพรรดิใช่สิ่งที่มดปลวกตัวจ้อยอย่างเจ้าต้านทานได้หรือ ฆ่า!”

อูเหิงเทียนตะเบ็งลั่น

จิตวิญญาณของเขาเชื่อมกับประกาศิต ก็เห็นอักษรโบราณมรรคจักรพรรดิมากมายปรากฏออกมา กลายเป็นทวนศึก กระบี่เทพ ประทับใหญ่ เจดีย์เก่าแก่สีทอง…

พุ่งพิฆาตไปที่หลินสวินพร้อมกัน!

เพียงพริบตาฟ้าดินแถบนี้ต่างปั่นป่วน อานุภาพกดดันของมรรคจักรพรรดิที่น่ากลัวโหมกระหน่ำ พูดอย่างไม่เกินจริง เวลานี้ถ้ามีอริยะคนไหนกล้าเข้ามาใกล้ง่ายๆ ก็จะถูกฆ่าทันที

พลังเช่นนี้น่ากลัวเกินไป ถึงขั้นทำให้พลังกฎระเบียบของฟ้าดินแถบนี้มีสัญญาณว่าจะแบกรับไม่อยู่

แต่ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีดุเดือดเช่นนี้ การตอบสนองของหลินสวินกลับเรียบง่ายมาก

เงื้อกระบี่อเวจีขึ้นมา

ฟาดฟันอย่างหนักหน่วง!

แต่ละกระบี่ล้วนเรียบง่ายถึงขีดสุด แต่ก็ดุดันน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

ตึง! ตึง! ตึง!

เสียงกัมปนาทอึกทึกสนั่นหูดังก้องขึ้น เสียงปะทะกันแต่ละครั้ง สะเทือนจนในสมองของสัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยเหมือนมีเสียงดังหึ่งๆ เบื้องหน้าพร่าเลือน ยากจะรับจนเกือบกระอักเลือด

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่อาจยอมรับ หรือควรบอกว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ตกตะลึงก็คือ หลินสวินในยามนี้ถึงกับไม่ถูกกำจัดทันที กลับกลายเป็นว่าส่องประกายไปทั้งตัว ถือกระบี่ฆ่าฟัน มีท่าทางหยิ่งทะนงที่ชักกระบี่ออกมามองโดยรอบแล้วไร้ผู้ต่อกร

ทุกคนต่างขนพองสยองเกล้า

นี่… ยังใช่คนอยู่ไหม

แม้แต่เจตจำนงของมหาจักรพรรดิยังต้านได้ ใครจะกล้าเชื่อ

ถ้ากึ่งจักรพรรดิบนโลกอยู่ที่นี่ เกรงว่าคงละอายจนก้มหน้า ยอมรับว่าสู้ไม่ได้ ด้วยแม้แต่กึ่งจักรพรรดิก็ถูกลิขิตให้ไม่อาจหลบการโจมตีของเจตจำนงมหาจักรพรรดิได้

แต่มกุฎมหาอริยะคนหนึ่งอย่างหลินสวินกลับกำลังสกัดกั้นอยู่ ทั้งท่าทียังแข็งกร้าว เงื้อกระบี่ขึ้นมาฟาดฟันอย่างหนัก ฝีมือดูหยาบกระด้าง แต่กลับมีอานุภาพกระเทือนใจคน

“หรือคนในที่ลับซึ่งคอยช่วยเจ้าหนุ่มนี่… จะเป็นมหาจักรพรรดิคนหนึ่งจริงๆ”

“ไม่! กฎระเบียบฟ้าดินของดินแดนรกร้างโบราณไม่อาจรองรับพลังของมหาจักรพรรดิได้แน่ บนโลกนี้ไม่มีทางมีระดับจักรพรรดิเช่นกัน!”

“ถ้าเช่นนั้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

เวลานี้ราชันอริยะอย่างพวกอูเฟิงจื่อ อูหลิงจื่อต่างหน้าเปลี่ยนสี เผยความตกตะลึงให้เห็น ล้วนไม่กล้าเชื่อ

“ฆ่า!”

อูเหิงเทียนตาแทบถลน เกือบจะหลั่งเลือด เหี้ยมเกรียมน่ากลัว

วู้ม!

กลางอากาศประกาศิตมรรคจักรพรรดิซัดโหม อักษรโบราณมรรคจักรพรรดินับไม่ถ้วนแผ่คลุมดั่งแสงเจิดจ้าหลายสาย ปั่นป่วนไปทั่ว ถักทอออกมาเป็นกฎเกณฑ์เจตจำนงมรรคจักรพรรดิ

ในความรางเลือน ราวกับมีร่างสูงตระหง่านผิดธรรมดาร่างหนึ่งปรากฏ นัยน์ตาเยียบเย็นล้ำลึก กลิ่นอายสูงส่งครอบจักรวาล เหมือนนายเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่

มหาจักรพรรดิอีกามาร!

พริบตานี้สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างอูเฟิงจื่อ อูหลิงจื่อต่างตื่นเต้นจนเกือบหลั่งน้ำตา

กี่ปีแล้วที่ไม่ได้เห็นความน่าเกรงขามของบรรพชน ยามนี้ต่อให้เป็นแค่สิ่งที่พลังเจตจำนงสร้างขึ้น แต่ยังคงทำให้พวกเขาจิตใจปั่นป่วนอยู่เหมือนเดิม

ตูม!

มายาของมหาจักรพรรดิอีกามารยื่นมือออกไป พลังปานฟ้าถล่มดินทลายแผ่ออกมา บดขยี้การโจมตีทุกอย่างของหลินสวินจนแหลกละเอียด ซัดร่างเขาลอยออกไปตรงๆ จนมุมปากกระอักเลือด เกือบจะร่วงคะมำกลางอากาศ

“เยี่ยม!”

สัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าอีกาทองพวกนั้นตื่นเต้นจนตะโกนลั่น นี่ก็คืออานุภาพที่แท้จริงของเจตจำนงจักรพรรดิ แข็งแกร่งจนราวกับนายเหนือหัว!

“อย่างนี้สิค่อยน่าสนใจหน่อย”

ห่างออกไปหลินสวินเอ่ยปาก แววตาเฉยชา

เขาพลันทะยานขึ้นเหนือเมฆ กระบี่อเวจีในมือสร้างนรกใหญ่ดำสนิทหนึ่งออกมาทันใด ร้อยถักขึ้นมาจากปราณกระบี่พันหมื่นสาย สยบพิฆาตลงมา

มองจากไกลๆ ก็เหมือนเปิดทางเข้าขุมนรก!

ตูม…

ฟ้าดินราวกับจะทรุดตัวลง แบกรับพลังชั้นยอดที่กระบี่นี้สำแดงออกมาไม่อยู่ ทั้งหมดล้วนโจมตีไปที่มายาของมหาจักรพรรดิอีกามาร

ที่นั่นฝนกระบี่ราวน้ำตก ปราณกระบี่ดั่งคุกคุมขัง เสียงสะเทือนใต้หล้าเหมือนดวงดาวมากมายระเบิดออก

ปึง!

มายาของมหาจักรพรรดิอีกามารสั่นคลอน ถึงกับไม่อาจทำอะไรนรกกระบี่นี้ได้ในทันที

เขาตวาดเสียงเย็น ร่างกายที่เหมือนภาพมายาแผ่กลิ่นอายราวกับไม่เสื่อมสูญ ส่องประกายต่อเนื่อง ออกหมัดสังหาร แต่ละหมัดล้วนมีอานุภาพแผดเผาโลก

หลินสวินตวัดกระบี่ฟาดฟัน กระบี่อเวจีสร้างขุมนรกออกมาเป็นชั้นๆ เฉียบคม น่ากลัว มืดมิด ทำให้เวิ้งฟ้าต่างสั่นคลอน

เพียงพริบตาบริเวณนั้นก็อลหม่านอย่างสมบูรณ์ ถูกภาพการทำลายล้างเข้ามาเติมเต็ม

ทุกคนในที่นั้นจิตใจสะท้านไหว ดวงตาแสบแปลบ ไม่อาจสังเกตภาพการต่อสู้ได้อย่างสิ้นเชิง ด้วยพลังนั้นสูงส่งเกินไป!

ตู้ม ครืน…

เงาร่างของมหาจักรพรรดิอีกามารกำลังโอนเอนไปมา แต่ยังคงความแข็งแกร่งของอานุภาพจักรพรรดิอยู่เหมือนเดิม ทุกการโจมตีทำให้ฟ้าดินม้วนตลบ สรรพสิ่งกลายเป็นจุณ

หุบเขาตะวันคล้อยที่กว้างใหญ่สั่นสะเทือนรุนแรง สิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ไม่รู้เท่าไรพังทลาย ทั้งไม่รู้ว่ามีภูเขาต้นไม้มากเท่าไรกลายเป็นฝุ่นผง

เดิมที่นี่เป็นอาณาเขตของเผ่าอีกาทอง เป็นแดนพิสุทธิ์เร้นอริยะแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงของดินแดนรกร้างโบราณ แต่ตอนนี้ทุกหนแห่งล้วนเป็นภาพพังทลาย มลายล้าง!

สีหน้าหลินสวินเยียบเย็นยิ่งกว่าเดิมแล้ว ตวัดกระบี่อย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยเร็วเกินไปกระบี่อเวจีจึงซัดเงากระบี่ขึ้นมาไม่รู้กี่ชั้น กลิ่นอายที่แผ่ออกมากลายเป็นทะเลกระบี่นรกที่เหมือนไม่เสื่อมสูญ

ในที่สุดเมื่อเสียงกัมปนาทดังขึ้น เงาร่างของมหาจักรพรรดิอีกามารก็เซถอยหลัง ร่างกายสลัวจางไปไม่น้อย

หลินสวินฟาดฟันอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก ราวกับนรกขุมแล้วขุมเล่าปรากฏขึ้นบนโลก หมายจะกำราบทุกสรรพสิ่ง

ในการต่อสู้ทั้งสองต่างไหวสะท้านไม่หยุด ปะทะกันอย่างต่อเนื่อง เสียงที่ระเบิดออกมาราวกับทวยเทพกำลังท่องสวด ทำให้ผู้คนหวั่นหวาด

มายามหาจักรพรรดิอีกามารเลือนรางยิ่งกว่าเดิมแล้ว แสงประกายสลัวลงยิ่งกว่าเดิม มีแนวโน้มว่าใกล้จะดับมอดพังทลายอยู่รางๆ

พวกอูเฟิงจื่อต่างมุมปากสั่นเทิ้ม พลังนี้ต้องน่ากลัวแค่ไหนถึงต้านเจตจำนงของจักรพรรดิได้

ตูม!

ทันใดนั้นบนตัวหลินสวินพลันเปล่งแสงที่เหมือนไม่เสื่อมสูญออกมา ส่องท้องนภาสว่างไสว กลิ่นอายแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมแล้ว เขาเก็บกระบี่อเวจีลงไปทันใด ก่อนยกมือขึ้นบิดนิ้ว

การเคลื่อนไหวผ่อนคลายสบายๆ แต่กลับมีประกายวาววามหมื่นชั้นปรากฏ วิวัฒน์เป็นแท่นมรรคเก่าแก่แท่นหนึ่งที่เหมือนกำราบปวงสวรรค์ไว้ ด้วยส่องประกายเจิดจ้าเกินไปทำเอาผู้คนไม่อาจมองตรงๆ

“ทลาย!”

คำพูดหนึ่งดังขึ้นเบาๆ จากนั้นแสงเจิดจ้าไร้สิ้นสุดก็พุ่งขึ้นมาจากแท่นมรรคนั่น เข้าปกคลุมไปที่มหาจักรพรรดิอีกามาร

เสียงปะทะดังขึ้น ยามนี้ฟ้าดินเหมือนอลหม่าน ตกอยู่ในสภาพยุ่งเหยิง มองอะไรไม่เห็น และสัมผัสไม่ได้

ทุกคนต่างใจสั่นระรัว เบื้องหน้าพร่าเลือน ถูกกลิ่นอายน่ากลัวกระตุ้นจนขวัญหนีดีฝ่อ ราวตกสู่หุบเหวลึก

เมื่อทุกอย่างสลายหายไปทั่วสารทิศก็เงียบสงัด

ในที่นั้นไม่เห็นเงาร่างของมหาจักรพรรดิอีกามารแล้ว และไม่เห็นประกาศิตจักรพรรดิสายนั้นแล้วเช่นกัน

ในบรรยากาศที่เงียบสงัด ร่างของหลินสวินยืนตระหง่าน ณ ที่นั้นราวกับคงอยู่มาแต่โบราณ เยียบเย็นหยิ่งทะนง มีมาดสง่างามหยิ่งผยอง

“เจตจำนงจักรพรรดิ… ถูกทำลายแล้วรึ”

มีคนอึ้งงันตื่นตระหนก พึมพำเสียงหลง

“ไม่…!”

ไม่นานในที่นั้นก็มีเสียงตะโกนโหยหวนของอูเฟิงจื่อดังขึ้น ทั้งตัวราวกับคลุ้มคลั่ง

“เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร…”

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นก็เกือบจะพังทลาย แบกรับการโจมตีเช่นนี้ไม่อยู่ แต่ละคนว้าวุ่นไปหมด ราวสูญพ่อสิ้นแม่

เจตจำนงจักรพรรดิสายนี้เป็นไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหุบเขาตะวันคล้อย และเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งเผ่าอีกาทองมีด้วย

แต่ตอนนี้กลับถูกทำลายจนสิ้นซากแล้ว นี่ก็เหมือนกับฟ้าถล่ม!

‘หลังจากนี้ถึงตาเจ้าลงมือแล้ว’

หลินสวินหันกลับมาทันใด มองไปที่ใต้ต้นเทพฝูซางแล้วสื่อจิตออกไป

น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลง ก็เห็นพลังเร้นลับยากหยั่งถึงบนร่างหลินสวินนั้นพลันหายไป ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่เดิมเยียบเย็นหยิ่งทะนงก็จางหายไปด้วย

เวลานี้ในที่สุดหลินสวินก็กลับมาควบคุมร่างกายได้แล้ว เพียงแต่จิตใจของเขายังมึนงงไปพักหนึ่ง

ก่อนหน้านี้แม้ว่าหญิงลึกลับ ‘ซี’ จะแบ่งพลังส่วนหนึ่งมาช่วยเขาต่อสู้ แต่ทุกรายละเอียดของการต่อสู้ล้วนถูกหลินสวินรับรู้ได้อย่างชัดเจน

ประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้หยั่งถึงนัยเร้นลับของการต่อสู้ระดับจักรพรรดิล่วงหน้า น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง

นี่ต้องเป็นประสบการณ์ล้ำค่าอย่างหนึ่งที่หาได้ยากยิ่ง มอบประโยชน์อเนกอนันต์ในหนทางฝึกปราณภายหน้าของเขา

พวกอูเฟิงจื่อที่กำลังโศกเศร้า เดือดดาล ตื่นตระหนกล้วนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายหลินสวินได้ตั้งแต่พริบตาแรก พวกเขาชะงักไปก่อน พลังที่คอยช่วยเจ้าหมอนี่หายไปแล้วหรือ

จากนั้นพวกเขาต่างก็เผยไอสังหารมืดทะมึนน่ากลัวออกมา!

เจตจำนงจักรพรรดิไม่อยู่แล้ว แต่เช่นเดียวกัน พลังซึ่งเป็นที่พึ่งของเจ้าหนุ่มนี่ก็หายไปด้วย นี่คือโอกาสหาได้ยากอย่างไม่ต้องสงสัย

เพียงแต่ยังไม่รอให้พวกเขาลงมือ ต้นเทพฝูซางพลันส่งเสียงกัมปนาท พื้นดินตรงนั้นระเบิดทันที เงาร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกมา

“ฮ่าๆๆ ผ่านกาลเวลามาชั่วกัปกัลป์ ในที่สุดตอนนี้ข้าก็ได้เจอแสงตะวันอีกครั้ง!”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะร่า ไอพลังอำมหิตที่ร้ายกาจน่ากลัวสายหนึ่งก็แผ่กระจายตามมา

เงาร่างนั้นราวกับเทพดุร้ายดึกดำบรรพ์ แหงนมองฟ้าหัวเราะร่า เสียงสะท้านจักรวาล บ้าระห่ำไม่ด้อยไปกว่าเมื่อปีนั้นเลย!