บทที่ 2347 กลับชาติมาเกิดหรือผีเข้าสิง + ตอนที่ 2348 เรื่องช่วยชีวิตเป็นอย่างไรกันแน่

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2347 กลับชาติมาเกิดหรือผีเข้าสิง

“ฉันเจอเฮ่อเหลียนเช่อกับลูกชายของเขาที่ฮ่องกง เจ้าตัวเล็กนั่นวานฉันเอามาให้เธอ”

เซียวเซ่อหยิบเอาโปสการ์ดปึกหนึ่งจากกระเป๋ายื่นให้เหมยเหมย

เหมยเหมยทำหน้าดีใจ “ที่แท้พวกเสี่ยวเป่าถึงฮ่องกงแล้วเหรอ มิน่าถึงไม่ติดต่อฉันมาหลายวันแล้ว โอ้ย…โปสการ์ดพวกนี้สวยจริง ๆ…”

หลายเดือนมานี้เฮ่อเหลียนเช่อพาเสี่ยวเป่าเดินทางไปทั่วประเทศ เสี่ยวเป่าจะส่งโปสการ์ดมาให้เธอหนึ่งใบเป็นระยะ ๆหรือบางทีก็จะโทรหา พอได้ยินเสียงน่ารักของเสี่ยวเป่าเหมยเหมยก็มีความสุขไปได้หลายวันเลย

แต่เธอไม่ได้รับโทรศัพท์เสี่ยวเป่ามากว่าครึ่งเดือนแล้วและไม่ได้รับโปสการ์ดเช่นกัน กำลังกังวลอยู่เลยไม่คิดว่าเซียวเซ่อจะเอาข่าวดีมาด้วย

โปสการ์ดมีสิบกว่าใบ เสี่ยวเป่าจะส่งโปสการ์ดมาให้จากทุกที่ที่ไป เพียงแต่เจ้าตัวเล็กยังเขียนตัวหนังสือไม่เป็นจำต้องวานเฮ่อเหลียนเช่อช่วยเขียนที่อยู่ให้เขา

เห็นทีเฮ่อเหลียนเช่อคงเตรียมจะไปตามหาเหมยซูหานที่ต่างประเทศแล้ว เหมยเหมยถอนหายใจเบา ๆเฮือกหนึ่ง

สยงมู่มู่ถาม “เจ้าตัวเล็กหน้าตาน่ารักนั่นลูกอู่เยวี่ยเหรอ?”

“ใช่ เขาคือเสี่ยวเป่า ฉลาดมาก น่ารักมาก เป็นคนจิตใจดีมาก…” เหมยเหมยเอ่ยชมสุดฤทธิ์ ใครก็ดูออกถึงความชอบที่เธอมีต่อเสี่ยวเป่า

สยงมู่มู่กับเซียวเซ่อสบตากันด้วยความสงสัย พวกเขาไม่คิดเลยว่าเหมยเหมยจะใส่ใจกับลูกชายของอู่เยวี่ยขนาดนี้

“แล้วเฮ่อเหลียนเช่อจะพาเด็กตัวเล็กขนาดนั้นเตร็ดเตร่ไปทั่วทำไม?” เซียวเซ่อถาม

“เขาบอกว่าจะไปตามหาเหมยซูหาน”

สยงมู่มู่สีหน้าเปลี่ยนไปแล้วถามด้วยความแปลกใจ “เหมยซูหานตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เขาจะไปตามหาผีที่ไหน?”

แม้เขาจะไม่อยู่ในประเทศแต่ก็ติดต่อกับเหมยเหมยประจำเลยพอจะรู้เรื่องอยู่บ้าง

สำหรับการตายของเหมยซูหานสยงมู่มู่ก็ค่อนข้างเสียใจอยู่บ้าง เขาไม่ได้รู้สึกสะใจเหมือนคราวที่อู่เยวี่ยตาย

“เฮ่อเหลียนเช่อบอกว่าเหมยซูหานยังอยู่บนโลกใบนี้” ความจริงเหมยเหมยไม่ได้สงสัยคำพูดของเฮ่อเหลียนเช่อ

อย่างเธอก็ฟื้นจากการตายไม่ใช่หรือ?

สิ่งสำคัญที่สุดคือเหมยซูหานยังมีความทรงจำในอดีตชาติ ฉะนั้นเธอถึงคิดว่าความเป็นไปได้ที่เหมยซูหานจะฟื้นคืนชีพนั้นสูงมากเช่นกัน

ไม่แน่อาจจะฟื้นคืนชีพเป็นผู้หญิงคนหนึ่งก็ได้นะ ครั้งนี้เหมยซูหานจะได้สมหวังสักที!

ก่อนเหมยซูหานตายสิ่งที่น่าเสียดายมากที่สุดคือเขาไม่สามารถยืนเคียงข้างเฮ่อเหลียนเช่อได้อย่างเปิดเผย

สยงมู่มู่หัวเราะอย่างเกินจริง “เฮ่อเหลียนเช่อเสียใจจนเสียสติไปแล้วหรือเปล่า เหมยซูหานถูกเผาจนเป็นเศษขี้เถ้าไปแล้ว แล้วจะยังอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร!”

เซียวเซ่อส่ายศีรษะไม่เห็นด้วย “ก็ไม่แน่ นักวิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่าวิญญาณของมนุษย์ยังมีอยู่ ฉะนั้นวิญญาณของเหมยซูหานอาจจะยังล่องลอยอยู่บนโลกมนุษย์ หรือบางทีอาจจะสิงใครอีกคน เหตุการณ์แบบนี้ปกติก็เรียกกันว่าผีเข้าสิง”

สยงมู่มู่เป็นคนที่ยืนหยัดในทฤษฎีวัตถุนิยมจึงไม่เชื่อการมีอยู่ของภูตผีวิญญาณ แต่เพราะเซียวเซ่อเคยผ่านเรื่องราวประหลาดเกี่ยวกับวิญญาณกับตัวมาหลายครั้ง ฉะนั้นเธอจึงไม่คิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะคิดไปเองเสียทีเดียว

เธอคิด ๆแล้วก็พูดเสริม “ความจริงก็มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง กลับชาติมาเกิด…”

เหมยเหมยพยักหน้าแรง ๆ “ใช่”

ตลอดหลายปีมานี้เธอก็ตามค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาไม่น้อยเลยรู้สึกเหมือนคล้ายคลึงกับสถานการณ์ของเธอมาก

เซียวเซ่อไม่คิดว่าเหมยเหมยจะศึกษาเรื่องพวกนี้เช่นกันพลันก็เริ่มสนอกสนใจขึ้นมา กำลังคิดจะถกประเด็นกับเหมยเหมยสักหน่อยให้หนำใจแต่โทรศัพท์ดังขัดขึ้นก่อน

เซียวเซ่อคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่กี่วินาทีตั้งแต่ต้นจนวางสาย “ไม่ตายก็ดี นอกจากค่ารักษาห้ามจ่ายเกินแม้แต่หยวนเดียวนะ”

“ใครเข้าโรงพยาบาลเหรอ?” เหมยเหมยถามด้วยความฉงน

“เมื่อกี้ระหว่างทางชนหมาตัวเมียเข้าน่ะ” เซียวเซ่อพูดเสียงเรียบนิ่ง

“อุ๊บ”

สยงมู่มู่ “…”

เหยียนหมิงซุ่น “…”

…………………………

ตอนที่ 2348 เรื่องช่วยชีวิตเป็นอย่างไรกันแน่

เหมยเหมยหลงคิดว่าเซียวเซ่อขับรถชนสุนัขตัวเมียเข้าจริง ๆเลยพูดอย่างไม่พอใจว่า “คนเลี้ยงหมาบางคนน่ารำคาญจริง ๆ ไม่ยอมล่ามหมาไว้ปล่อยให้มาขับถ่ายไปทั่ว แค่นี้ยังพอทน สิ่งที่น่าโมโหที่สุดคือบางคนแค่นึกอยากเลี้ยงด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เลี้ยงไปไม่กี่วันก็หมดความอดทนแล้วทิ้งไปง่าย ๆจนหมาจรจัดมีอยู่เต็มถนน พอฤดูร้อนก็มักจะเกิดเหตุการณ์หมาจรจัดกัดคนอยู่บ่อยครั้ง จะหาคนรับผิดชอบก็ไม่ได้”

อากาศร้อนคนก็โมโหฉุนเฉียวง่าย สุนัขก็เช่นกัน

คนในเมืองหลวงเลี้ยงสุนัขกันมากขึ้นเรื่อย ๆ สุนัขจรจัดก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นตามจนเกิดเหตุการณ์กระโจนทำร้ายคนมีมานับไม่ถ้วน ช่วงฤดูร้อนป้าฟางก็เคยเล่าให้เธอฟังอยู่หลายเรื่อง

สิ่งที่น่าปวดใจที่สุดคือเด็กทารกที่เพิ่งคลอดได้แปดเดือนนอนอยู่ในรถเข็นเด็กแล้วถูกสุนัขจรจัดตัวใหญ่คาบไป สภาพเละอนาถน่าสยดสยองมาก

ได้ข่าวว่าเด็กทารกที่น่าสงสารคนนี้ไม่สามารถรักษาหน้าตาให้หายดีเหมือนเดิมได้ ชีวิตเพิ่งเริ่มต้นแต่กลับได้รับเรื่องสะเทือนใจแบบนี้ แล้วเป็นความผิดใครกัน?

สุนัขมีความผิดก็จริง

แต่เธอคิดว่าคนที่ผิดมากที่สุดคือกลุ่มคนเลี้ยงสุนัขที่ทอดทิ้งมัน ตอนเลี้ยงเพราะอารมณ์ชั่ววูบแต่ตอนทอดทิ้งดันไม่มีความรับผิดชอบใด ๆ

เหมยเหมยเล่าเรื่องสุนัขจรจัดให้ฟัง สยงมู่มู่กับเซียวเซ่อก็โมโหไม่แพ้กัน

“ทางที่ดีรอวันไหนพวกเขาโดนหมากัดสักทีถึงจะสะใจ” สยงมู่มู่มือกำก้ามปูพร้อมด่าด้วยความสีหน้าขึงขัง แล้วยังต่อยอากาศไปหลายที ก้ามปูที่มีเศษเนื้อติดอยู่เล็กน้อยก็กระเด็นใส่หน้าคุณหนูใหญ่เซียวข้าง ๆเขา

เนื้อกระเด็นไปติดใบหน้าเซียวเซ่อ ทั้งยังมีหมูตุ๋นน้ำแดงมันเยิ้มอีกชิ้นลอยเข้าปากเธอ

“รนหาที่ตาย…”

เซียวเซ่อบันดาลโทสะพลางยกขาเตะไปที

“พลั่ก”

สยงมู่มู่ไม่ทันตั้งตัวเลยล้มตัวหงายหลังไปพร้อมเก้าอี้จนก้นจ้ำเบ้าเข้าอย่างจัง อีกทั้งเก้าอี้บ้านเหมยเหมยยังทำจากไม้แดงทนทานแข็งแรงอีกต่างหาก พอก้นกระแทกเข้าจึงเจ็บยิ่งกว่าโดนเตะที่เป้าด้วยซ้ำ!

“ยัยทอมเธอเป็นบ้าอะไรฮะ…โอ๊ย…”

สยงมู่มู่ทั้งเจ็บทั้งโมโห เขาลุกอยู่นานก็ลุกไม่ขึ้น เหยียนหมิงซุ่นทนดูต่อไม่ไหวเลยยื่นขาไปเกี่ยวตัวเขาขึ้นมา

“คราวหลังถ้าของกินบินเข้าปากฉันอีก ฉันจะตัดมือนายทิ้งซะ” เซียวเซ่อมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

“ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย…ทำไมถึงได้ใจแคบขนาดนี้ พวกไม่สำนึกบุญคุณ…หึ!”

ภายใต้สายตาเย็นชาของเซียวทำให้เซ่อสยงมู่มู่พูดเสียงเบาลงเรื่อย ๆ …สุดท้ายก็เหลือเพียงเสียงงึมงำจนไม่มีเสียงอะไรอีก แล้วนั่งลงแทะก้ามปูต่อแต่โดยดี

“แกร๊ก ๆ…”

เซียวเซ่อแค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่งแล้วทานเนื้อต่อซึ่งเนื้อสามจานใหญ่ที่พร่องไปเกือบทั้งหมดเพราะเธอคนเดียว

เหมยเหมยรู้สึกสงสัยอย่างมาก “เซ่อเซ่อ สยงมู่มู่ช่วยเธออย่างไรเหรอ? คนอ่อนหัดอย่างเขาเนี่ยนะ…”

สยงมู่มู่แสดงท่าทีไม่พอใจ “ฉันเก่งทั้งเรื่องศิลปะป้องกันตัวทั้งเรื่องหนังสือ การรู้หนังสือทำให้ปกครองประเทศได้ ส่วนศิลปะป้องกันตัวช่วยรักษาประเทศได้ เธอนี่มันตาบอดจริง ๆ…”

“เหอะ…” เหยียนหมิงซุ่นตวัดตาใส่สยงมู่มู่ กล้าด่าคนรักของเขาต่อหน้าเขาเหรอ

รนหาที่ตายหรือ?

สยงมู่มู่รีบสงบปากสงบคำแต่โดยดี เขากลัวเหยียนหมิงซุ่นตั้งแต่เด็กแต่พอโตขึ้นก็ยิ่งกลัว เจ้าหมอนี่คล้ายยมบาลขึ้นเรื่อย ๆไม่มีความเป็นคนเลยสักนิด ไม่รู้จริง ๆว่าเหมยเหมยทนอยู่กับผู้ชายเย็นชาเหมือนน้ำแข็งไม่มีความน่าสนใจแบบนี้ได้อย่างไร?

เซียวเซ่อไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้เลยพูดกลบเกลื่อนไปไม่กี่ประโยคก่อนจะพูดถึงเรื่องอัศจรรย์ใจที่เธอพบเจอที่ป่าอะเมซอนแทนเพื่อเปลี่ยนเรื่อง ไม่นานเหมยเหมยก็เริ่มสนใจขึ้นมาจึงไม่ถามไถ่ถึงเรื่องหนี้ชีวิตนั่นอีก

“ครั้งนี้พวกเธอจะอยู่นานแค่ไหน?” เหมยเหมยถาม

“ฉันจะปล่อยอัลบั้มเพลงใหม่แล้วยังต้องจัดคอนเสิร์ตด้วย คงอยู่อีกหลายเดือนเลย” สยงมู่มู่ทานกุ้งไปหนึ่งตัวแล้วพูดพร้อมกลั้วหัวเราะ “ฉันยังรับปากว่าจะไปออกรายการของเจ้าอ้วนอีกแหนะ ไม่คิดว่าเจ้าอ้วนจะเป็นพิธีกรได้ดีเหมือนกัน”

……………………