บทที่ 2349 ผู้หญิงขี้อ้อนชีวิตดีที่สุด + ตอนที่ 2350 เปลี่ยนแปลงยีน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2349 ผู้หญิงขี้อ้อนชีวิตดีที่สุด

เหมยเหมยเองก็หัวเราะด้วยคน “อู่เชาเหมาะกับงานด้านนี้มาแต่เกิดแค่รูปลักษณ์แย่ไปหน่อยเท่านั้น ไม่งั้นคงเดบิวต์เป็นดาราได้แล้ว”

บางทีอาจจะเพราะการปรากฏตัวของเธอเลยทำให้สยงมู่มู่กับอู่เชาเริ่มทำงานก่อนเวลาหลายปี ในเวลานี้ของชาติที่แล้วอู่เชายังเป็นเพียงหนุ่มวัยรุ่นเจ้าบทเจ้ากลอนที่ยังสับสนกับชีวิตอยู่ สยงมู่มู่ได้ก่อตั้งวงดนตรีที่มหาวิทยาลัยและเริ่มต้นชีวิตบนเส้นทางด้านดนตรีของเขาแล้ว

ไม่เหมือนตอนนี้ที่อู่เชาได้ออกหนังสือกว่าสิบเล่มและเริ่มย่างก้าวสู่วงการบันเทิงกลายเป็นพิธีกรที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง

ส่วนสยงมู่มู่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ปล่อยอัลบั้มเพลงแล้วเพลงเล่าและจัดคอนเสิร์ตครั้งแล้วครั้งเล่าดังเป็นพลุแตกดั่งดวงตะวันค้างฟ้า

เหมยเหมยรู้สึกภูมิใจหน่อย ๆเพราะการกลับชาติมาเกิดใหม่ของเธอถึงทำให้สองคนนี้ได้แสดงความสามารถสุดทึ่งก่อนเวลา

“พวกนายต้องขอบคุณฉันนะ ถ้าไม่ใช่ฉัน ตอนนี้นายกับอู่เชายังไม่รู้ไปหมุดตัวอยู่ไหนเลยด้วยซ้ำ!” เหมยเหมยแค่นเสียงอย่างเย่อหยิ่ง

“แน่นอนสิ เธอเป็นแม่พระมาโปรดของเราเชียว มีความดีความชอบใหญ่หลวงเลยละ” สยงมู่มู่พูดชมจากใจจริง พอนึกถึงอดีตทีไรก็สลดใจทุกที

แม้เขาจะชื่นชอบดนตรีแต่ถ้าไม่ได้กำลังใจจากเหมยเหมยเขาคงไม่มีทางเริ่มตามความฝันของตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ แบบนี้หรอก บางทีอาจจะเริ่มหลังเข้าเรียนมหาวิทยาลัยละมั้ง?

บางทีอาจจะนานกว่านี้อีกหน่อย!

อู่เชาก็ด้วยเช่นกัน

บางทีสิ่งที่ขาดหายไปก็คือก้าวเล็ก ๆนั่นไม่ใช่หรือ?

เขารู้สึกขอบคุณเหมยเหมยมากจริง ๆ เพื่อนที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันก็คือเหมยเหมย และเป็นเพื่อนที่ดีตลอดไปของเขา

“อยากดังก็ต้องรีบหน่อย จางอ้ายหลิงพูดไว้ไม่มีผิด แบบนี้เราจะได้เกษียณไวกว่าคนอื่นสักสิบปีได้”

สิ่งที่เหมยเหมยตกตะกอนจากคำพูดประโยคนี้ของจางอ้ายหลิงก็คือรีบทำตามความฝันให้ได้อิสระทางการเงินและเวลาอย่างรวดเร็ว เช่นนี้จะได้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเพื่อชีวิตทั้งที่อายุมากแล้ว

“ใช่ ๆ…โอ้โห ถึงตอนนี้ฉันเพิ่งสังเกตว่าที่แท้ในบรรดากลุ่มเราคนที่ฉลาดมากที่สุดก็คือเหมยเหมยนี่เอง!” สยงมู่มู่เหมือนค้นพบเรื่องใหญ่โตจึงตะโกนออกมาเสียงดังเกินจริง

เซียวเซ่อพยักหน้ารับ “ฉลาดแต่ดูโง่ไปหน่อย!”

เหมยเหมยถลึงตาใส่พวกเขาสองคนแวบหนึ่งพลางหันไปมองเหยียนหมิงซุ่น เหยียนหมิงซุ่นแกะกุ้งตัวหนึ่งใส่ปากเธอก่อนจะพูดปลอบเสียงเรียบ “พวกเขากำลังอิจฉาเธอ”

“นั่นสิ ตอนนี้ฉันเป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิตนะ มีสามีมีลูก พวกเขาสองคนยังโสดอยู่ต้องไม่พอใจอยู่แล้ว เราไม่ถือสาพวกเขาแล้วกัน พี่ ฉันจะทานปู…”

ประโยคสุดท้ายเหมยเหมยลากเสียงยาวหวานหยดย้อยจนคนฟังตัวอ่อนระทวย

สยงมู่มู่กับเซียวเซ่อตัวสะท้านกันอย่างพร้อมเพรียงแล้วเบะปากอย่างรังเกียจก่อนจะก้มหน้าทานข้าวต่อ

“ปูเป็นอาหารฤทธิ์เย็น เธอทานไม่ได้ เด็กดีนะ…ทนอีกหน่อย เราทานกุ้งกัน”

เหยียนหมิงซุ่นปฏิเสธคำขาด คนท้องทานอาหารฤทธิ์เย็นไม่ได้ซึ่งเขาได้ท่องจำข้อต้องห้ามพวกนี้จนขึ้นใจแล้ว

“อืม…งั้นพี่ก็ทานไม่ได้…”

เหมยเหมยเองก็แค่ออดอ้อนเท่านั้นและแน่นอนว่าเธอก็หิวเช่นกัน เมื่อก่อนบนโต๊ะอาหารที่บ้านไม่มีวันปรากฏอาหารที่เธอทานไม่ได้ เหยียนหมิงซุ่นจะทานอาหารสำหรับคนตั้งครรภ์ไปพร้อมกับเธอซึ่งถ้าไม่เห็นก็ย่อมไม่อยากอยู่แล้ว

แต่ตอนนี้กลับวางอยู่ตรงหน้าเธอเหมยเหมยจึงทนไม่ไหว รู้ดีว่าทานไม่ได้แต่ก็อดออดอ้อนไม่ได้ เช่นนี้เธอถึงจะรู้สึกสบายใจสักหน่อย

“ไม่ทาน…ห้ามใครทานทั้งนั้น”

เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือดึงจานปูตรงหน้าสยงมู่มู่มาแล้วให้ป้าฟางยกออกไป

สยงมู่มู่ ‘…ให้ตาย…เขาไม่ได้ท้องสักหน่อย!’

แต่เขาไม่มีความกล้าขัดขืนจึงได้แต่ก้มหน้าทานปลาแล้วตวัดตามองเหมยเหมยเป็นพัก ๆ

ยิ่งโตก็ยิ่งงี่เง่า ทำไมเมื่อก่อนดูไม่ออกเลยว่าเหยียนหมิงซุ่นมีรสนิยมแบบนี้นะ?

……………………..

ตอนที่ 2350 เปลี่ยนแปลงยีน

สยงมู่มู่กับเซียวเซ่อพวกเขาสองคนทานจนอิ่มท้อง พอรู้สึกหนำใจแล้วก็เตรียมขอตัวกลับ

“สยงมู่มู่นายไม่กลับบ้านเหรอ?” เหมยเหมยถามด้วยความห่วงใย

จ้าวอิงหนานกับสยงฉูฉู่ต่างอาศัยอยู่เมืองทะเล นับตั้งแต่คุณย่าจากไปจ้าวอิงหนานก็กลับเมืองหลวงน้อยครั้งมาก ต่อให้มาก็มาค้างไม่กี่วันเพื่อเยี่ยมเยียนคุณปู่ ส่วนเวลาอื่นก็ไปท่องโลกกับสยงฉูฉู่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายสำราญใจ

“ไปทำบ้าอะไร พ่อแม่ฉันไปที่อื่นตั้งนานแล้ว ฉันกลับไปก็ตัวคนเดียวอยู่ดี” สยงมู่มู่บ่นอย่างไม่พอใจ

คนอื่นมีแต่รำคาญที่พ่อแม่เข้มงวดเกินไปจนไม่มีอิสระในชีวิต แต่พ่อแม่ของเขาไม่สนใจชีวิตเขาเลยสักนิด

เขาชักสงสัยจริง ๆแล้วว่าระหว่างพ่อแม่นั้นเป็นรักแท้ แต่การปรากฏตัวของเขาเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้นหรือเปล่า

แม้บางทีจะรู้สึกสลดใจบ้างแต่พอเห็นเพื่อนบางคนถูกพ่อแม่คุมเหมือนนักโทษเขาก็รู้สึกโชคดีเหลือเกิน พ่อแม่ของเขาเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว

“พรุ่งนี้ก็คืนส่งท้ายปีเก่าแล้ว พวกเธอจะฉลองอย่างไร?” เหมยเหมยถามอีก

เซียวเซ่อตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ควร ใช้ชีวิตยังไงก็ใช้ชีวิตต่อไปอย่างนั้น”

สยงมู่มู่เอ่ยเสริม “นั่นสิ ก็แค่คืนส่งท้ายปีเก่านี่นา ฉันฉลองคืนส่งท้ายปีเก่าคนเดียวมาตั้งกี่ปีแล้ว?”

หลังจากเขาไปเรียนต่อต่างประเทศก็ฉลองคืนส่งท้ายปีเก่าคนเดียวมาโดยตลอด ประเด็นเพราะคนต่างชาติไม่ฉลองคืนส่งท้ายปีเก่ากัน เขาก็คร้านจะฉลองไปด้วย

“งั้นพรุ่งนี้พวกนายมาทานข้าวที่บ้านฉันสิ ไม่งั้นพรุ่งนี้พวกนายต้องต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแหง เพราะร้านอาหารส่วนมากก็ปิดร้านกันหมด”

เหมยเหมยตัดสินใจแทนพวกเขา สองคนนี้ทำอาหารไม่เป็นซึ่งปกติก็เรียกแต่อาหารเดลิเวอรี่ หากเป็นช่วงเวลาปกติก็ว่าไปอย่าง แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงปีใหม่ร้านอาหารแทบทุกร้านก็ปิดกันหมด ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็หาซื้อไม่ได้ ทานได้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้นแหละ

“ได้!”

พวกเขาตอบรับอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง เซียวเซ่อถลึงตาใส่สยงมู่มู่อย่างรังเกียจแวบหนึ่งก่อนจะสะบัดหน้าหันกลับไปอย่างเท่ ๆ “ไปละ!”

สยงมู่มู่รีบตามไปแล้วหันมาโบกมือให้เหมยเหมยอีกครั้ง “พรุ่งนี้ฉันยังเอาเมนูอย่างวันนี้เหมือนเดิมนะ ปูนั่นก็ไม่ต้องเอาแล้วนะ!”

อย่างไรเสียเอามาเขาก็ไม่ได้ทานอยู่ดี

เหมยเหมยส่ายหน้า สองคนนี้มันคู่กัดกันโดยแท้เลย

“หมิงต๋าจะกลับมาฉลองปีใหม่กับเราพรุ่งนี้”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยต่อคุณย่าหยางกับคุณปู่เหยียน ทั้งคู่นิ่งชะงักไปก่อนจะหัวเราะเสียงดัง คุณย่าหยางวุ่นจนมือเป็นระวิงบอกว่าจะเตรียมอาหารอร่อย ๆไว้ให้เหยียนหมิงต๋า

“เหยียนหมิงต๋าตรวจร่างกายปกติดีไหม?” เหมยเหมยแอบถาม

“ตอนนี้ทุกอย่างปกติ แต่หนึ่งเดือนหลังจากนี้ยังต้องไปตรวจอีกที”

เหยียนหมิงซุ่นก็ดีใจมากเช่นกัน เหยียนหมิงต๋าสุขภาพร่างกายแข็งแรงมากซึ่งค่าดัชนีบางตัวสูงกว่าเมื่อก่อนอีกต่างหาก สมรรถภาพร่างกายบอกได้เลยว่าสมบูรณ์แบบ ฉะนั้นผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นจึงแปลกใจเหลือเกินจึงเตรียมทำการตรวจสอบอีกขั้น

ดังนั้นวันนี้เหยียนหมิงต๋าเลยไม่ได้กลับมาพร้อมเขาเพราะยังตรวจสุขภาพอย่างละเอียดอยู่ที่โรงพยาบาล

แต่เท่าที่ดูตอนนี้ทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดี ซึ่งนับว่าเป็นของขวัญวันปีใหม่ที่ดีที่สุด

สิ่งเหล่านี้เขาไม่ได้ปิดบังเหมยเหมย

“พี่ว่าจะเป็นเพราะรังสีเปลี่ยนแปลงยีนบางอย่างในร่างกายเหยียนหมิงต๋าเหมือนประเทศญี่ปุ่นที่มีพืชบางชนิดก็เติบโตได้ดีและมีขนาดใหญ่มาก ได้ข่าวว่าเป็นเพราะกัมมันตภาพรังสีนะ” เหมยเหมยสงสัยอย่างมาก

อย่างเช่นเมล็ดพันธุ์พืชบางชนิดที่ถูกพาไปตะลอนนอกอวกาศหนหนึ่งกลับมาก็มีผลผลิตขนาดใหญ่เพราะแรงจากสนามแม่เหล็ก ความจริงกัมมันตภาพรังสีก็เป็นผลพวงจากสนามแม่เหล็ก คิด ๆดูแล้วคงสามารถเปลี่ยนแปลงยีนในร่างกายมนุษย์ได้

เหยียนหมิงซุ่นเงียบไปอึดใจก็พยักหน้า “มีความเป็นไปได้ คอยสังเกตไปตามสถานการณ์แล้วกัน หวังว่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี”

วันเวลาได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่เหมยเหมยคาดเดาถูกต้อง ยีนในร่างกายของเหยียนหมิงต๋าเปลี่ยนแปลงไปจริง ๆซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสีย แต่สรุปก็ยังมีผลดีมากกว่าผลเสีย ซึ่งถือว่าเป็นบุญมากแล้ว!

……………………