สัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม
สำหรับผู้คนที่อาศัยบนดาวอังคาร มันเป็นวันที่พิเศษจริงๆ
เนื่องจากวันนี้อีสต์เอเชียคอมมูนิเคชั่นส์ก็ประกาศข่าวใหญ่ขึ้นมากะทันหัน
เมื่อทำการแก้ไขบั๊กหลายวันหลายคืน ตัวประมวลผลเครือข่ายการสื่อสารควอนตัมที่ตักอยู่ในกลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีก็เปิดตัวและทำงานอย่างเป็นทางการ
มันเป็นเซิร์ฟเวอร์หลักตัวแรกของเครือข่ายการสื่อสารควอนตัม และประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนข้อมูลของเครือข่ายระดับโลกจะพุ่งทะยานโดยคาดไม่ถึง มันเป็นการสื่อสารอีกระดับเลยเมื่อเทียบกับโมเดลที่ผ่านมาถือว่าไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเลย
จากกรอบการทำงานของโมเดลคำนวณแบบกระจายของลู่ ข้อมูลแต่ละส่วนสามารถถูกจับคู่กับส่วนที่เกี่ยวข้องในเวลาสั้นที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ไม่ใช่แค่นั้น ความปลอดภัยของข้อมูลก็อาจจะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ
ครั้งสุดท้ายที่ข่าวใหญ่แบบนี้เกิดขึ้นในด้านวิศวกรรมสารสนเทศคือตอนที่เคเบิลออปติกควอนตัมใต้น้ำถูกสร้างเสร็จเมื่อศตวรรษก่อน เมื่อผ่านไปร้อนปี ผู้ก็คนได้พบกับ ‘ซอฟต์แวร์’ ที่สามารถเข้ากับ ‘ฮาร์ดแวร์’ ได้ในที่สุด
ไม่ว่ามันจะเป็นความบังเอิญหรือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ทางประวัติศาสตร์ สิ่งที่ทำให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสองครั้งนี้มาจากบุคคลคนเดียวกัน…
เมื่อเทียบกับความช็อกของนักวิชาการวิศวกรรมสารสนเทศต่อ ‘โมเดลคำนวณแบบกระจายของลู่’ คนส่วนใหญ่สนใจในสิ่งอื่นมากกว่า
นั่นคือเว็บไวด์เว็บที่ถูกโยงขึ้นใหม่นี้ มันไม่เพียงให้บริการแค่โลก แต่มันได้ขยายขอบเขตไปเหนือระบบโลก-ดวงจันทร์และรวมเมืองอาณานิคมบนดาวอังคารเข้าไปด้วย
นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้คนบนดาวอังคารจะไม่ต้องทนกับความล่าช้าหลายสิบนาทีจากการสื่อสารกับญาติมิตรบนโลก
ด้วยการช่วยเหลือจากเทคโนโลยีสตาร์เกทและภาพโฮโลแกรม พวกเขาไม่เพียงสามารถเดินทางบนเครือข่ายวิเศษเหมือนกับคนบนโลก แต่ยังสามารถสื่อสารแบบต่อหน้าในระยะที่ห่างไกลไปหลายร้อยล้านกิโลเมตร
หัวใจแห่งเอเชียที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งกลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเป็นสเตเดียมขนาดใหญ่กว่ามหาสมุทรแปซิฟิก ตอนนี้มันเต็มไปด้วยผู้คน
หลังจากเจรจาเป็นเวลาหลายเดือน จากการหารือร่วมกันของหลายพันธมิตรภูมิภาค ธรรมนูญของสหพันธ์สัมพันธมิตรมนุษย์ถูกร่างขึ้นในที่สุด
และในวันนี้ หลี่กวงหยาซึ่งเป็นประธานสหการพาน-เอเชียนจะเป็นตัวแทนของทั้งชุมชนพูดในช่วงเวลาที่สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์
“ถ้าเรามองดูสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทั้งสี่แห่งศตวรรษที่ 22 สองสิ่งมาจากเขา”
อู๋ชูฮวาถามว่า “สองสิ่งไหน?”
หลี่กวงหยาตอบว่า “เทคโนโลยีความเร็วกว่าแสงและเครือข่ายการสื่อสารควอนตัม”
สำหรับอีกสองสิ่ง หุ่นยนต์น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น และอีกสิ่งหนึ่งก็ต้องถกเถียงกัน มันมีเทคโนโลยีเยอะมากเกินที่จะถูกเลือกได้ ซึ่งรวมถึงรถแม็กเลฟ
แต่ในตอนนี้หลี่กวงหยาก็พบว่าในทางเทคนิค หุ่นยนต์ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับลู่โจวเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นระหว่างตอนที่เขาจำศีล บริษัทที่ให้ทุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนี้คือสตาร์สกายเทคโนโลยีและบริษัทย่อยอย่างบริษัทจ้งซานซินฉาย
“แล้วลิฟต์อวกาศล่ะ เขาก็สร้างมันนะ”
“มันคือสิ่งประดิษฐ์เหรอ? ผมคิดว่ามันเป็นเหมือนกำแพงเมืองจีนหรือพีระมิด… พวกนี้เป็นปาฏิหาริย์ในประวัติศาสตร์วิศวกรรม”
อู๋ชูฮวามองดูหลี่กวงหยาและจู่ๆ เธอมีสีหน้าแปลกไป
เธอยังจำได้ว่าเมื่อปีก่อนตอนที่ทั้งสองได้ยินข่าวเป็นครั้งแรกว่านักวิชาการลู่ยังมีชีวิตอยู่ ชายคนนี้พูดว่า “เราต้องใช้เขาเป็นมาสค็อต”
แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า ‘มาสค็อต’ คนนี้จะไม่เพียงแค่ใช้ชีวิตในยุคนี้ได้สมบูรณ์แบบ แต่ในอีกหนึ่งปีต่อมา เขาเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนทั้งโลกไปทั้งหมด
พันธมิตรมนุษย์ที่ล้มเหลวจากการหายไปของเขาในอดีตได้เกิดขึ้นอีกครั้งบนเวทีของชุมชนนานาชาติ
แม้ว่าเขาไม่เคยพูดแทนพันธมิตร แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะตัวเขา…
“มันเชื่อได้ยากว่าในแผนดั้งเดิมของเรา เราจะแก้ไขปัญหาเจ้าของโอลิมปัส มอนส์กับพันธมิตรอื่น แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า… เราจะเป็นชุมชนกันอีกครั้งโดยมีเป้าหมายร่วมกัน”
“ไม่มีใครคิดถึงเรื่องนี้ เหมือนกับที่ผมไม่เคยคิดว่านักวิทยาศาสตร์จากร้อยปีก่อนจะตื่นขึ้นระหว่างที่ผมดำรงตำแหน่งอยู่” หลี่กวงหยาพูดขึ้นพร้อมกับถอนหายใจ “อาจจะเป็นเหมือนที่ผมพูดไว้เมื่อปีก่อน”
อู๋ชูฮวาถามว่า “คุณพูดว่าอะไรล่ะ?”
“โชคชะตา”
อู๋ชูฮวามองเขาโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรตอบไป
เธอมองดูนาฬิกาข้อมือและไม่ได้สนใจเขา เธอกระแอมลำคอและพูดต่อ “เหลือเวลาอีกสิบนาทีก่อนงานแถลงข่าวจะเริ่ม… ท่านประธาน พร้อมไหมคะ?”
“แค่สิบนาทีเองเหรอ? เยี่ยมเลย การรอคอยที่นานนี้สิ้นสุดลงสักที”
หลี่กวงหยาลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาเดินไปที่กระจก ยิ้มเล็กน้อย และยื่นมือไปปรับคอเสื้อ
เขาพูดด้วยเสียงมั่นใจและผ่อนคลาย
“ไปกันเถอะ ไปเริ่มยุคใหม่กันเถอะ”
…
หลี่กวงหยาในชุดทางการเดินไปด้านหน้าเวทีโดยมีเสียงปรบมือรายล้อม
เขาคุ้นเคยกับทั้งหมดนี้ เขายืนบนเวทีแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน และเขารู้ดีกว่าใครว่าจะรับมืออารมณ์คนอย่างไร และทำให้ผู้คนส่งเสียงเชียร์ไอเดียเขาได้อย่างไร
ระหว่างที่เขาจ่อหน้ากับไมโครโฟน เขากระแอมลำคอและพูดด้วยน้ำเสียงยิ่งใหญ่และไพเราะเสนาะหู
“นับตั้งแต่เกษตรกรรมถางโคนและเผาป่า แม่น้ำแยงซี ไปถึงยูเฟรติสและไทกริส ยุคมืดของความไม่ชัดเจน ไปสู่ยุคศักดินา… จากเวลาหลายพันหลายหมื่นปี เราได้สร้างวัฒนธรรมที่งอกงาม อารยธรรมที่เกรียงไกรได้ถูกก่อตั้งบนดินแดนนี้”
“แต่เหมือนกับที่เงามืดตามติดแสงสว่างเสมอ เราได้ประสบความหิวโหย โรคภัย สงคราม และความขาดแคลนระหว่างช่วงเวลานี้”
“โชคดีที่พวกมันไม่อาจเอาชนะเราได้”
“ความทรงจำที่เจ็บปวดทำให้เราได้เติบโต เป็นหนึ่งและแข็งกล้ามากขึ้น ให้พวกเราได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความจำเป็นที่จะกำจัดการกดขี่ การเอาเปรียบ เพื่อหยุดยั้งสงคราม ความหิวโหย และปลดแอกผู้ถูกกดขี่ นั่นคือเป้าหมายหลักของอารยธรรมเรา ทุกอย่างที่ขวางกั้นไม่ให้เราค้นพบยูโทเปียคือศัตรูที่เรามีร่วมกัน”
“นี่คือพันธมิตรที่เหนือกว่าขอบเขตสายเลือดและเชื้อชาติ ไม่ว่าจะมีเผ่าพันธุ์และความเชื่อแบบไหน ด้วยอุดมการณ์ร่วมกันนี้ ชะตากรรมของเราถูกหลอมรวมด้วยกัน และอนาคตของเราจะถูกแบ่งปันกันและกัน”
“หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา เราพิสูจน์ด้วยการกระทำแล้วว่าการเติบโตที่สงบสุขเป็นเส้นทางที่เป็นไปได้ แม้ว่าในช่วงที่ลำบากที่สุด เรายังรักษาการอดกลั้นต่อกันได้ และไม่เคยใช้ความรุนแรงต่อกัน”
“และตอนนี้เรายินดีที่จะรวมประสบการณ์และวัฒนธรรมเพื่อแบ่งปันกับคุณ”
หลี่กวงหยาเหลือบมองทั่วห้องประชุม
ความรู้สึกตื่นเต้นและยิ่งใหญ่ท่วมท้นอยู่ในใจ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก พูดเสียงดังขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงกังวาน
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ยืนตรงนี้และร่วมฉันทามติกับพวกคุณทุกคนในประเด็นที่มีร่วมกันต่ออนาคตของพวกเรา”
“ถือเป็นเกียรติที่ได้ประกาศการมาถึงของช่วงเวลาที่เกรียงไกรนี้”
สายตาที่ตื่นเต้นทุกคู่จับจ้องไปที่เวที
เขาพูดต่อด้วยเสียงดังฟังชัด “นับตั้งแต่วันนี้”
“ในฐานะตัวแทน 233 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก รวมทั้งพันธมิตรภูมิภาค”
“ผมขอประกาศการจัดตั้งสหพันธ์สัมพันธมิตรมนุษย์!”