ตอนที่ 1772: นางฟ้าเฮายู่ฟื้นคืน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1772: นางฟ้าเฮายู่ฟื้นคืน

เทือกเขาเมฆดำนั้นอยู่ห่างออกไปหลายล้านกิโลเมตรจากสุสานของราชาเทพต้วนมู่ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้เจี้ยนเฉินต้องเดินทางนานนัก เขาใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะมาถึงสุสานของราชาเทพต้วนมู่

ทางเข้าสุสานได้ถูกเปิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นภายในสุสานกว่าครึ่งยังคงไม่ถูกสำรวจนานหลายปีก่อนที่จะถูกเปิดเผยต่อผู้คน ทุกคนสามารถเข้าและออกได้โดยไม่มีสิ่งใดมาขวาง

แต่เดิมไม่มีพลังงานดั้งเดิมภายในสุสานของราชาเทพต้วนมู่ แต่เมื่อทางเข้าเปิดขึ้น พื้นที่ภายในก็เชื่อมต่อกับโลกภายนอกอีกครั้ง พลังงานดั้งเดิมที่หนาแน่นของโลกภายนอกได้หลั่งใหลเข้ามาในบ้านพักทำให้ภายในตอนนี้เต็มไปด้วยพลังงานดั้งเดิม ในอดีตมันมีแค่พลังเซียนธาตุแสงที่อยู่ภายในเท่านั้น

เจี้ยนเฉินปิดบังตัวตนของเขาและยืนอยู่นอกบ้านด้วยสถานะคนธรรมดา เขาจ้องมองไปรอบ ๆ

แม้ว่าสุสานของราชาเทพต้วนมู่นั้นเปิดมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ด้านนอก คนเหล่านี้มีตั้งแต่ขอบเขตดั้งเดิมจนถึงขั้นเทพ โดยไม่มีข้อยกเว้น ผู้คนมักจะเหลียวมองไปที่ทางเข้าเป็นครั้งคราวและแม้ว่าพวกเขาจะพูดคุยกับคนอื่นที่อยู่ข้าง ๆ พวกเขา พวกเขาก็ยังคงให้ความสนใจกับทางเข้า

เจี้ยนเฉินลอยอยู่บนฟ้า มีคนรอบ ๆ ตัวเขาและผู้คนที่คอยเข้าออกเป็นครั้งคราว ดังนั้นการมาถึงของเจี้ยนเฉินจึงไม่มีอะไรพิเศษและไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คน

นี่เป็นเพราะมีคนมาถึงหรือออกจากสุสานอย่างต่อเนื่อง

เจี้ยนเฉินเหลือบมองไปรอบ ๆ จนติดเป็นนิสัย แต่ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในไม่ช้า แม้ว่าหลายคนเดินไปเรื่อย ๆ เขาก็สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีคนบางคนยืนอยู่โดยไม่เดินออกไปไหน ดูเหมือนจะอยู่ในตำแหน่งที่ใช้พลังกฏบางอย่างราวกับว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในค่ายกลขนาดใหญ่

“มีบางคนกำลังวางกับดักอยู่หรือ ? ” เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจอยู่ภายใน เขาสังเกตอย่างรอบคอบว่าผู้คนเหล่านั้นยืนอยู่ตรงไหนโดยไม่เคลื่อนไหวใด ๆ และมันก็ได้ยืนยันความคิดของเขามากขึ้น ผู้คนที่ยืนอยู่เฉย ๆนั้นเป็นหนึ่งในตำแหน่งค่ายกล

“ค่ายกลนี้รู้สึกคุ้น ๆ ทำไมถึงดูเหมือนค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะไกล…” เจี้ยนเฉินค่อนข้างเคร่งเครียด หลังจากที่ตรวจสอบอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็ยืนยันได้ว่ามีคนกำลังยืนอยู่ในค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะไกล ในขณะที่เขาศึกษาการการเคลื่อนย้ายระยะไกลในทวีปเทียนหยวนเพียงเล็กน้อย เขาก็สามารถรับรู้ได้อย่าวรวดเร็วแม้ว่าเขาจะไม่ชำนาญด้านค่ายกล

“ใครบางคนกำลังวางแผนต่อต้านนางฟ้าเฮายู่หรือขั้นเหนือเทพในสุสาน เมื่อผู้คนเข้ามาในค่ายกล พวกเขาจะถูกพาไปที่อื่น มันต้องเป็นสถานอันตรายอย่างมากหรือดินแดนอันตราย” สีหน้าของเจี้ยนเฉินดูน่าเกลียดทันทีขณะที่เขารู้สึกโล่งใจที่เขามาทันเวลา ไม่อย่างนั้นอาจจจะมีคนซุ่มโจมตีนางฟ้าเฮายู่เมื่อนางโผล่ออกมาจากที่สุสาน

นางฟ้าเฮายู่มีพลังมากในชีวิตก่อนของนาง นางเป็นจอมยุทธขอบเขตตั้งต้น แต่เจี้ยนเฉินไม่เชื่อนางจะฟื้นฟูพลังของนางกลับมาอยู่ในจุดสูงสุดด้วยสมบัติของราชาเทพต้วนมู่เพียงอย่างเดียว

ในเวลาเดียวกันขั้นเหนือเทพกว่า 30 คน ได้โจมตีชั้นพลังของกฏในส่วนลึกของสุสาน ชั้นพลังของกฏนั้นทรงพลังอย่างมาก แต่มันก็ถูกทำลายไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะมันไม่มีวิธีไหนที่จะฟื้นฟูพลังของตัวเอง เป็นผลทำให้ชั้นพลังมีความเปราะบางอย่างมากหลังจากที่ทนการโจมตีมาเป็นเวลานาน

นางฟ้าเฮายู่ไม่ได้เป็นวิญญาณราง ๆ อีกต่อไปแล้ว นางได้มีร่างกายหลังจากที่ฟื้นฟูด้วยวิถีบ่มเพาะของนาง นางมีพลังเท่าขั้นเทพสูงสุด นางเหลือเพียงก้าวเดียวก็จะเป็นขั้นเหนือเทพ

ราชาเทพต้วนมู่ที่อยู่ข้าง ๆ นางหายไปและแทนที่ด้วยกองขี้เถ้า

“เร็วๆ ทุกคนต้องใช้พลังเพิ่มขึ้น ชั้นพลังกำลังจะแตกและสมบัติของราชาเทพต้วนมู่กำลังจะอยู่ในมือของเรา..”

ขั้นเหนือเทพช่วงปลายตะโกนออกในหมู่เหนือเทพเพื่อเร่งการโจมตีชั้นพลัง เขาพุ่งออกไปด้วยพลังที่รุนแรงที่สุดของเขาและกระแทกชั้นพลังอย่างหนัก

ขั้นเหนือเทพคนอื่น ๆ ทั้งหมดรวบรวมพลังงานของพวกเขาเช่นกันและโจมตีด้วยพลังเต็มที่ แม้ว่านางฟ้าเฮายู่จะแย่งแหวนมิติของราชาเทพต้วนมู่ไปจริง ๆ พวกเขาจะต้องกลัววิญญาณที่เพิ่งสร้างร่างกายพร้อมกับพรรคพวกของเขาที่เป็นคนหมู่มากอีกงั้นหรือ ?

ตูม !

ท้ายที่สุดชั้นพลังก็แตกสลายหลังจากที่อดทนต่อการโจมตีเต็มที่ของทุกคนและมันก็กระจัดกระจายออกไปอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นนางฟ้าเฮายู่ที่ถูกปกป้องอยู่ภายใน

ทันทีที่พลังจากฏหายไป ขั้นเหนือเทพช่วงปลายหยางไคก็กลายเป็นภาพเงาและพุ่งเข้าหานางฟ้าเฮายู่อย่างรวดเร็ว ด้วยมือที่ทรงพลังของเขาได้จดจ้องไปที่แหวนมิติซึ่งอยู่ในมือของนางฟ้าเฮายู่โดยตรงพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยไฟลุกโชน

ทุกคนในตอนนี้รู้สึกว่านางฟ้าเฮายู่เป็นเพียงแค่ขั้นเทพช่วงปลายเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจนางมากนัก

ไม่นานหลังจากที่หยางไคเคลื่อนไหว ขั้นเหนือเทพช่วงปลายคนอื่น ๆ ก็พุ่งเข้าหานางฟ้าเฮายู่เช่นกันและไม่ได้ช้าไปกว่าหยางไค

ข้างหลังพวกเขาคือขั้นเหนือเทพช่วงกลางและยังมีขั้นเหนือเทพช่วงต้นอีกสองสามคน พวกเขายังคงช้า ดังนั้นพวกเขาจึงถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

แม้ว่าพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งไม่เท่ากับขั้นเหนือเทพตอนนี้ พวกเขาก็ไม่รู้สึกกลัวเลย พวกเขาตัดสินใจที่จะเข้าร่วมต่อสู้เพื่อแหวนมิติ

มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าพอที่จะยั่วยุขั้นเหนือเทพช่วงปลายในเวลาอื่น ๆ แต่พวกเขาละทิ้งความกลัวไปแล้วเมื่อได้เห็นสมบัติของราชาเทพต้วนมู่อยู่ตรงหน้าของเขา

“เจ้ากล้าดียังไง ! ” ในเวลานี้ดวงตาของนางฟ้าเฮายู่เปิดออกพร้อมกับเสียงตะโกนของนางที่นั่งอยู่บนอากาศ นางจ้องไปยังเหล่าเหนือเทพอย่างดุเดือดและเย็นชาพร้อมกับใบหน้าที่ดูสง่างามของนาง

ในเวลานั้นนางดูราวกับเป็นขั้นเทพผู้ยิ่งใหญ่ราวกับว่าผู้คนในสายตาของนางเป็นเหมือนมด แม้แต่การจ้องมองไปยังขั้นเหนือเทพก็เหมือนกับว่านางกำลังมองมดอยู่และสามารถขยี้มันด้วยเพียงปลายนิ้ว

ขั้นเหนือเทพสั่นสะท้านจากนางกวาดตามอง แม้ว่านางฟ้าเฮายู่จะยังไม่ฟื้นฟูดี แต่นางก็ยังมีท่าทางที่สง่างาม เพียงแค่แว่บเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ขั้นเหนือเทพรู้สึกหนาวสั่น

อย่างไรก็ตามนางยังไม่ได้ฟื้นฟูพลัง เหล่าเหนือเทพรู้ว่านางเป็นแค่ขั้นเทพช่วงปลาย ดังนั้นนางจึงไม่อาจขัดขวางพวกเขาได้

ใบหน้าของนางฟ้าเฮายู่เย็นชา แม้ว่าตอนนี้นางจะฟื้นฟูจนมาถึงขั้นเทพช่วงปลายในตอนนี้ นางก็ไม่รู้สึกกลัวเหนือเทพมากกว่าสามสิบคน นางเพียงยกนิ้วขึ้นและพระจันทร์เต็มดวงที่ส่องสว่างก็ปรากฏขึ้นมาในเวลาเดียวกัน