บนโลก

สำนักงานใหญ่สตาร์สกายเทคโนโลยี

หยางฟางฟางมองดูลู่เสี่ยวเฉียวที่จัดการงานทางการและอดไม่ได้ที่จะถามเสียงเบาว่า

“เขาพูดอะไรกับเธอก่อนที่เขาจะไป?”

“เขาฝากฝังสตาร์สกายเทคโนโลยีไว้กับฉัน แล้วขอให้ฉันโอนเงินหนึ่งแสนล้านเครดิตในบัญชีของเขาไปที่บัญชีกองทุนพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็ง”

หยางฟางฟางสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“หนึ่งแสนล้าน… เขาบริจาคเงินทั้งหมดเลยเหรอ?”

“อืม” ลู่เสี่ยวเฉียวพยักหน้าเบาๆ “เขาบอกว่าสิ่งของอย่างเงินเป็นแค่ของชั่วคราว เนื่องจากว่าเขาไม่ต้องการมันแล้ว เขาหวังว่ามันจะถูกใช้เพื่อสร้างคุณค่ามากขึ้น”

งานของกองทุนพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็งไม่ใช่แค่ช่วยผู้พักตัวแช่แข็งให้ปรับตัวเข้ากับสังคมปัจจุบันได้อย่างรวดเร็ว และมีการลงทุนในด้านแพทยศาสตร์แล้วให้ความช่วยเหลือกับคนที่ไม่สามารถจ่ายเงินค่าพักตัวแช่แข็งได้

จากที่เขาบอกไว้ ความตั้งใจดั้งเดิมของเขาในการสร้างกองทุนนี้ขึ้นมาคือให้โอกาสที่สองกับคนที่น่าจะเสียชีวิตไปแล้วในยุคนี้

ไม่ว่าจะยากจนหรือร่ำรวย ทุกคนควรมีโอกาสเท่ากันในการใช้ชีวิต เทคโนโลยีไม่ควรเป็นอภิสิทธิ์ของคนรวยบางกลุ่มเพียงเท่านั้น

เอาจริงแล้วกองทุนพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็งได้ทำตามปรัชญานี้มากว่าร้อยปีแล้ว

ไม่เช่นนั้นมันคงไม่เป็นองค์กรสวัสดิการสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโลก และไม่ถูกเชิญให้เข้าร่วมพิธีประกาศโครงการพันธมิตรมนุษย์

“แต่นี่เป็นเงินหนึ่งแสนล้าน…” หยางฟางฟางยังรู้สึกไม่ค่อยโชคดีแทนเพื่อนเธอ

ท้ายที่สุดแล้วเธอควรได้รับเงินจำนวนมากนี้เป็นมรดก

แต่เมื่อลู่เสี่ยวเฉียวได้ยินที่เพื่อนพูด เธอแค่ยิ้มและพูดเรียบๆ

“ไม่ว่าจะเป็นเงินแสนล้านหรือล้านล้าน มันก็เป็นทรัพย์สินของเขา วิธีที่เขาอยากจะจัดการมันเป็นสิทธิ์ของเขา ในฐานะทายาท สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือทำตามที่เขาต้องการ… ถึงฉันจะไม่มีอำนาจมากเท่าเขา มันยังมีหลายสิ่งที่ฉันยังทำได้”

ยกตัวอย่างเช่น ทำตามความปรารถนาสุดท้ายที่ทำให้สตาร์สกายเทคโนโลยีเป็นบริษัทที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและนำมนุษยชาติไปสู่โลกที่ห่างไกลมากขึ้นต่อไป

แม้ว่าเธอไม่ใช่นักวิชาการที่ยอดเยี่ยมเหมือนเขา ในฐานะผู้ประกอบการที่รับผิดชอบต่อสังคม เธอเชื่อว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่เธอทำได้

หลังจากทำงานเอกสารเสร็จ ลู่เสี่ยวเฉียวนั่งพักที่เก้าอี้และยืดหลัง

ในขณะที่เธอค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้และกำลังจะไปกินอาหารกลางวันที่โรงอาหาร มีอีเมลจากบอร์ดบริหารของกองทุนพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็งปรากฏขึ้นในกล่องข้อความ

“การเข้ารหัสโปรเจกต์ระดับ S ถูกยกเลิก?”

หลังจากอ่านข้อความประหลาดบรรทัดนี้ ลู่เสี่ยวเฉียวเลิกคิ้วขึ้น

เนื่องจากว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตรและประเด็นวิจัยอ่อนไหว ถึงแม้ว่ามันเป็นองค์กรสวัสดิการสาธารณะ กองทุนนี้ยังคงรักษา ‘ความลับธุรกิจ’ ระดับวงในไว้

มีแค่ประธานบอร์ดสามารถดำเนินการกับการเข้ารหัสโปรเจกต์ระดับ S ได้

โดยทั่วไป การเข้ารหัสจะไม่ถูกยกเลิกจนกว่าจะบรรลุเงื่อนไขพิเศษ

“การเข้ารหัสในปี 2025… มันต้องนานขนาดนั้นเลย?”

ถ้าเธอจำไม่ผิด กองทุนพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็งเพิ่งถูกก่อตั้งขึ้นช่วงปี 2020

เมื่อลู่เสี่ยวเฉียวคิดว่ามันอาจจะเป็นความลับจากประธานคนก่อน เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากรู้

เธอไม่ลังเลอีกต่อไปแล้วเลือกปุ่มถอดรหัสทันที

แต่สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจคือสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเธอไม่ใช่ความลับเปลี่ยนโลกอะไร มันกลับเป็นกระบวนการแช่แข็งพิเศษ

สาเหตุที่มันพิเศษเป็นเพราะว่าข้อตกลงนี้ไม่จำเป็นต้องมีระยะพักตัวที่เจาะจง มันใช้การเริ่มต้นล่าอาณานิคมนอกระบบสุริยะเป็นจุดเริ่มต้นการปล่อยการแช่แข็ง

และชื่อของบุคคลนี้เป็นฮีโร่หญิงในสารคดี ‘นักวิชาการ’ บุคคลที่ทวดของทวดไม่มีวันลืม…

ลู่เสี่ยวเฉียวมองดูข้อตกลงแช่แข็งในมือตัวเอง และเธอคิดถึงเหตุผลที่ลู่โจวไปเทาเซติและรู้สึกเต็มไปด้วยอารมณ์

การข้ามกำแพงเวลา หรือชีวิตและความตาย ในยุคที่ไม่คุ้นเคยนี้ สองคนที่เดินบนคนละเส้นทางได้พบกันด้วยปาฏิหาริย์อีกครั้งในที่สุด

แต่สิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก เธอยิ้มด้วยความโล่งอก

“เขา… โชคดีใช่ไหม?”

นี่หรือคือความรักที่คนยุคนั้นมี?

โรแมนติกจัง…

เธอไม่เคยสนใจเรื่องความรัก แต่เธอกลับรู้สึกอิจฉาขึ้นมาดื้อ

หลายปีต่อมาเมื่อเขาครุ่นคิดถึงชีวิต ลีโอนาร์ดอดไม่ได้ที่จะคิดถึงชื่อของบุคคลนั้น

ฟอสซิลที่ถูกใส่ไว้ในช่องกระเป๋าได้เปลี่ยนมุมมองของชุมชนโบราณคดีต่อดาวอังคารไปโดยสิ้นเชิง และเมื่อเขาไปที่อยู่ที่ลู่โจวบอกเขาได้เผยความลับของอารยธรรมดาวอังคารต่อโลก…

ลีโอนาร์ดปิดงานวิชาการในมือลงอย่างแผ่วเบา นิ้วชี้ของเขาลูบปกหนังวัวในขณะที่ตาของเขามีแววโหยหา

“ห้าสิบปีแล้ว… เวลาผ่านไปเร็วมาก”

นิ้วของเขาแตะบนชื่อผู้เขียน ปากแห้งและแตกของเขาเผยอเล็กน้อย แล้วพูดคำที่ตัวเองได้ยินออกมา

“ห้าสิบปี… จากการช่วยเหลือของคุณ ผมได้เติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของพ่อในที่สุด แนวความคิดของศาสตราจารย์เวอร์นัลจะอยู่รอดต่อไปในโลกนี้ ถึงแม้ว่าผมไม่เคยได้ประสบกับยุคมหัศจรรย์นั้น มันน่าจะมีหน้าในประวัติศาสตร์ที่เป็นของผม…”

มีเสียงฝีเท้าอยู่นอกห้องทำงาน ตามมาด้วยเสียงเปิดประตู

หนุ่มหน้าละอ่อนยืนอยู่ตรงหน้าเขา

“พ่อ!”

นี่คือลูกของเขา

ลีโอนาร์ดทุ่มเทวัยเยาว์ให้วิชาการเหมือนพ่อตัวเอง แต่ในช่วงหลัง เขาได้สร้างทายาทของตัวเองผ่านจานเพาะเชื้อสังเคราะห์

บางครั้งเขารู้สึกว่าเทคโนโลยีนี้ให้ตัวเลือกกับเขามากกว่า ถึงแม้ว่ามันไม่สามารถแก้ปัญหาของมนุษย์ได้ทั้งหมด

ลีโอนาร์ดเห็นเด็กหนุ่มวิ่งเข้าห้องทำงานมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น เขาจึงยิ้มให้และพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“มีอะไรกัน? มีความสุขเรื่องอะไรล่ะ?”

“ผมได้รับข้อเสนอจากสตาร์สกายเทคโนโลยี! ผมจะทำงานที่อาณานิคมเทาเซติเดือนหน้า!”

ลีโอนาร์ดยิ้มให้และพยักหน้า เขาพูดเสียงเบา “อย่าลืมดูแลตัวเองให้ปลอดภัยนะ พ่อได้ยินว่าสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่นั่นไม่เป็นมิตรเท่าสัตว์บนโลก”

“พวกเราคือนักสัตววิทยาเอเลี่ยน นี่คือสิ่งที่พวกเราถนัด!”

ชายหนุ่มตีอกตัวเองด้วยความภูมิใจ ในขณะที่เขายิ้มออกมาอย่างลึกซึ้ง

ลีโอนาร์ดมีรอยยิ้มพึงพอใจ

ชายหนุ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงภูมิใจ “พ่อไม่ผิดหวังใช่ไหมที่ผมไม่ได้ทำตามเจตนารมณ์แล้วทำวิจัยโบราณคดีต่อ?”

“ไม่เลย การสอนของพ่อไม่จำเป็นต้องสืบทอดโดยใครคนหนึ่งที่เจาะจง ตั้งแต่มันเกิดขึ้นมา มันได้สร้างความมหัศจรรย์ที่ไม่อาจลบเลือนได้บนโลก” ลีโอนาร์ดพูดเสียงเบา “ลูกไม่จำเป็นต้องสืบทอดอะไรเพื่อพ่อ ลูกเพียงแค่ต้องทำตามสิ่งที่ตัวเองสนใจและเลือกชีวิตที่ต้องการ… มันคือจุดประสงค์ของชีวิตไม่ใช่เหรอ?”

“ผมไม่อยากฟังพ่อพูดเรื่องปรัชญา” เด็กหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเหลืออด “ลูกของพ่อจะเดินทางไกลเร็วๆ นี้ เราพูดเรื่องอะไรที่จรรโลงใจไม่ได้เหรอ?”

ลีโอนาร์ดถาม “อย่างเช่นอะไรล่ะ?”

“ก็อย่างเช่น เทาเซติ!” สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นทันที เขามองดูพ่อวัยชราและพูดต่อ “ผมได้ยินมาตลอดว่าพ่อเคยเจอกับนักวิชาการลู่?”

ลีโอนาร์ดยิ้มแปลกๆ ออกมา หลังจากนั้นสักพักเขาก็พูดว่า

“พ่อไม่ได้แค่เจอเขา…”

ลีโอนาร์ดเป็นคนที่ขุดนักวิชาการลู่ผู้ทรงเกียรติออกมาจากซากปรักหักพัง…

“เล่าเรื่องเขาให้ผมฟังหน่อย” เด็กหนุ่มนั่งลงที่โซฟาและพูดว่า “รวมถึงการที่เขาโปรโมตพันธมิตรและการสำรวจเทาเซติ! พระเจ้า… เขาเป็นตำนานเลยตอนนั้น”

“พันธมิตรมนุษย์และการสำรวจเทาเซติ?”

มีความทรงจำล่องลอยในความคิดของลีโอนาร์ด

หลังจากผ่านไปนานเขาก็ถอนหายใจอย่างเปี่ยมอารมณ์ จากนั้นเขาอ้าปากเล็กน้อยและเริ่มพูด

“ลูกรัก มันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานมากๆ แล้ว…”