“กระดูกกระบี่แต่กำเนิดพบเห็นได้น้อยครั้งนัก ต่อให้อยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา พรสวรรค์ระดับนี้ก็ถูกมองเป็นพรสวรรค์ขั้นอริยะชั้นยอด”
“โดยทั่วไปคนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้ มักจะถูกมองเป็นผู้ที่ได้รับการโปรดปรานบนวิถีกระบี่ เป็นผู้ฝึกกระบี่แต่กำเนิด ขอแค่ไม่ตายก่อนวัยอันควร จะบรรลุราชันหรืออริยะล้วนไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อแจ้งมรรคกลายเป็นจักรพรรดิก็จะได้เปรียบกว่าผู้แข็งแกร่งคนอื่น”
ยามฟังเสียงไพเราะราวกับเสียงจากธรรมชาติของอาหู หลินสวินมองเด็กหนุ่มรองเท้าฟางที่หลับคาโต๊ะอย่างตะลึงงัน ในใจพลันสับสน
อวิ๋นชิ่งไป๋ในปีนั้นก็เป็นเด็กหนุ่มยากจนในชนบทเช่นกัน แต่ด้วยครอบครองกระดูกกระบี่แต่กำเนิด จึงถูกกึ่งจักรพรรดิปาฉีที่มาจากดินแดนโบราณขุมอุดรหมายตา
ตั้งแต่นั้นมาอวิ๋นชิ่งไป๋ก็ได้เหยียบเส้นทางที่ชีวิตไม่ใช่ของตนอย่างไร้หนทางกลับ
จนถึงวันนี้หลินสวินยังจำประโยคที่อวิ๋นชิ่งไป๋กล่าวอย่างจริงจังหาใดเปรียบก่อนตายได้
‘ความจริงพวกเราล้วนเป็นคนแบบเดียวกัน เพียงแต่เจ้าเลือกได้ ส่วนข้า… เลือกไม่ได้…’
ใช่แล้ว กระดูกกระบี่แต่กำเนิด ใต้หล้าต่างตกตะลึง บุกตะลุยทั่วดินแดนรกร้างโบราณ ถูกมองเป็นผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งในหมู่คนรุ่นเยาว์ปัจจุบัน เปล่งประกายเจิดจรัสระดับใด
แต่หลินสวินที่รู้ความจริงเข้าใจดีว่า ตั้งแต่ตอนแรกที่อวิ๋นชิ่งไป๋ฝึกปราณก็ถูกบีบบังคับ…
ยามนี้เด็กหนุ่มที่ครอบครองกระดูกกระบี่อีกคนปรากฏตัวแล้ว ไม่ได้ถูกกึ่งจักรพรรดิปาฉีหมายตาเหมือนอวิ๋นชิ่งไป๋ เด็กหนุ่มรองเท้าฟางคนนี้ได้มาเจอกับตน
ก็เหมือนพรหมลิขิตที่ยากควบคุมกำหนด อวิ๋นชิ่งไป๋ถูกตนสังหาร และเด็กหนุ่มที่เหมือนอวิ๋นชิ่งไป๋อีกคนก็ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าตนหลังผ่านไปหลายปี
“จริงสิ เจ้าบอกว่ากระดูกกระบี่ในตัวเขามีจุดบกพร่องรึ”
หลินสวินพลันเอ่ยถาม
อาหูพยักหน้า ทอดถอนใจ “เด็กหนุ่มคนนี้น่าจะเคยได้รับบาดเจ็บเมื่อครั้งยังแบเบาะ ทำให้กระดูกกระบี่ที่สมบูรณ์ของเขาเกิดรอยแตกมากมาย”
“เดิมทีกระดูกกระบี่แต่กำเนิดจัดอยู่ในพรสวรรค์ขั้นอริยะ แต่เมื่อแตกหักเสียหายเช่นนี้ ภายหน้ายามฝึกปราณเป็นไปได้สูงว่าจะมีภัยใหญ่หลวงตามมา เป็นเรื่องร้ายไม่ใช่ดี”
สีหน้าหลินสวินดูแปลกไปเล็กน้อย
“เจ้าเป็นอะไรไป”
อาหูสังเกตเห็นอย่างฉับไว ความรู้สึกของหลินสวินดูผิดแปลกไปอยู่บ้าง
หลินสวินดื่มเหล้าจอกหนึ่ง เงียบไปครู่หนึ่งค่อยกล่าว “ข้าในปีนั้นเหมือนกับเขา พลังพรสวรรค์เคยถูกทำลายยามยังแบเบาะ เพียงแต่พรสวรรค์ของข้าถูกศัตรูแย่งชิงไป พูดเปรียบเทียบกันแล้ว เด็กหนุ่มคนนี้ยังนับว่าโชคดี”
พูดถึงตรงนี้หว่างคิ้วหลินสวินพลันเผยแววเลื่อนลอย
เด็กหนุ่มรองเท้าฟางคนนี้น่าสนใจจริงๆ มีชาติกำเนิดและพรสวรรค์เหมือนอวิ๋นชิ่งไป๋ แต่ก็มีประสบการณ์บางส่วนที่คล้ายตนในวัยเด็ก
ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น อารมณ์ของหลินสวินคงไม่มีทางปั่นป่วนเหมือนตอนนี้แน่
อาหูยิ้มกล่าว “ถ้าว่ากันตามนี้ เด็กหนุ่มนี่ก็มีวาสนากับเจ้าทีเดียว ไม่สู้ฉวยโอกาสนี้รับเป็นศิษย์ดีไหม”
หลินสวินชะงัก ตกสู่ห้วงคิด
บางทีพรสวรรค์ของเด็กหนุ่มรองเท้าฟางอาจถูกทำลาย แต่ใช่ว่าจะฟื้นฟูไม่ได้ หากเขาก้าวสู่หนทางฝึกปราณ จะกลายเป็นอวิ๋นชิ่งไป๋อีกคนหรือไม่
อวิ๋นชิ่งไป๋คนหนึ่งที่เลือกได้?
ในที่สุดหลินสวินก็ตัดสินใจ รอเด็กหนุ่มรองเท้าฟางตื่นแล้วค่อยพูดคุยกับเขาสักครั้ง
“จริงสิ เจ้าบอกว่ากระดูกกระบี่แต่กำเนิดเป็นพรสวรรค์ขั้นอริยะ เรื่องนี้แบ่งกันอย่างไรหรือ”
หลินสวินเอ่ยถาม
อาหูกล่าวง่ายๆ “บนทางเดินโบราณฟ้าดารา แบ่งพลังพรสวรรค์ทั่วหล้าเป็นดิน ฟ้า ราชัน ลึกลับ อริยะรวมห้าประเภทใหญ่”
“พรสวรรค์ขั้นดินต่ำสุด พรสวรรค์ขั้นอริยะสูงสุด”
“ในหมู่ผู้ฝึกปราณมากมายของดินแดนรกร้างโบราณนี้ ไม่ขาดแคลนอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ขั้นดิน ผู้ที่ครองพรสวรรค์ขั้นฟ้าก็มีไม่น้อย”
“แต่คนที่ครองพรสวรรค์ขั้นราชันมีน้อยมาก เรียกได้ว่าหายากดั่งขนหงส์เขากิเลน”
“หลายปีนี้ข้าเองได้รู้เรื่องราวในดินแดนรกร้างโบราณไม่น้อย เข้าใจโดยคร่าวว่าพวกที่ถูกคนบนโลกยกย่องให้เป็นผู้กล้าแห่งยุคอย่างผู้สืบทอดแกนหลักในสำนักเก่าแก่ เกือบทั้งหมดล้วนมีพรสวรรค์ขั้นราชัน”
“พรสวรรค์ขั้นลึกลับ ก็เป็นพวกอัจฉริยะที่เกิดมามีวาสนาแห่งฟ้าดินติดตัว ไร้หนึ่งในหมื่น ถูกมองเป็นผู้ได้รับการโปรดปรานจากสวรรค์ที่มหามรรคเข้าข้าง”
“เหมือนสัตว์ประหลาดยุคโบราณพวกนั้นที่จำศีลมาเนิ่นนานและตื่นขึ้นมาในกาลปัจจุบัน ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นเช่นนี้”
“สำหรับพรสวรรค์ขั้นอริยะ หากอยู่ในใต้หล้าฟ้าดาราล้วนเรียกได้ว่าหายาก คนจำพวกนี้ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย”
“ได้ยินว่าบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ‘เรือนมรรค’ เก่าแก่บางแห่งยังมีวิธีตัดสินพรสวรรค์ขั้นอริยะด้วย ส่วนจะจริงหรือเท็จก็ไม่อาจรู้ได้แล้ว”
เมื่อฟังจบหลินสวินก็เข้าใจกระจ่าง
ดิน ฟ้า ราชัน ลึกลับ อริยะ!
นี่เป็นแค่คำกล่าวถึงผู้ฝึกปราณที่มีพลังพรสวรรค์ แต่ทั่วหล้านี้ผู้ฝึกปราณที่มีพลังพรสวรรค์ สุดท้ายแล้วก็มีแค่ส่วนน้อย
เหมือนตอนนั้นที่ฝึกปราณอยู่ในค่ายกระหายเลือดของโลกชั้นล่าง หลินสวินก็เคยทำการทดสอบพรสวรรค์มาก่อน เพียงแต่มาตรฐานในตอนนั้นคลุมเครือเป็นอย่างยิ่ง
การแบ่งคุณลักษณะพรสวรรค์ในจักรวรรดิจื่อเย่าแบ่งเป็นแค่เก้าระดับ ขั้นหนึ่งต่ำสุด ขั้นเก้าสูงสุด แบ่งกันแบบหยาบๆ ไม่ชัดเจนกระจ่างเหมือนที่อาหูกล่าวมาอยู่มาก
ส่วน ‘กระดูกกระบี่แต่กำเนิด’ ถึงกับถูกประเมินเป็นพรสวรรค์ขั้นอริยะได้ ทำให้หลินสวินรู้สึกผิดคาดทันที และตระหนักได้ยิ่งกว่าเดิมว่าอวิ๋นชิ่งไป๋ในปีนั้นมีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ระดับใด
“ความจริงในการเสาะหามรรคา การมีพรสวรรค์ไว้ในครอบครองเป็นแค่ข้อได้เปรียบที่สวรรค์ประทานให้อย่างหนึ่ง ผู้ฝึกปราณเก้าส่วนบนโลกนี้ไม่มีพรสวรรค์อะไรติดตัวแต่กำเนิด แต่ในหมู่คนพวกนี้ก็มีผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า บุคคลในตำนานที่น่าชื่นชมมากมายเกิดขึ้นมาเช่นกัน”
อาหูกล่าว “สรุปง่ายๆ ก็คือพรสวรรค์เป็นแค่ความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งเท่านั้น บนการเสาะหามรรคา กล่าวกันถึงที่สุดแล้วจิตใจก็ยังสำคัญที่สุด”
หลายปีนี้หลินสวินผ่านเรื่องทางโลกมามาก ประสบการณ์จัดเจนหาใดเปรียบ ทั้งยังเป็นถึงมกุฎมหาอริยะ เขาย่อมรู้ดีเป็นธรรมดาว่า ‘จิตใจ’ ที่อาหูกล่าวถึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการฝึกปราณจริงๆ
บางคนมีแค่พรสวรรค์สะเทือนใต้หล้าติดตัว แต่จิตใจอ่อนแอ สุดท้ายก็ก้าวไปบนมรรคาได้ไม่ไกล
หลินสวินยิ้มกล่าว “ก็เหมือนเจ้าแม่นางอาหูที่เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดี ว่าต่อให้ไม่มีพรสวรรค์ก็ยังประสบความสำเร็จไม่ธรรมดาบนมหามรรคได้”
“พี่หลินชมเกินไปแล้ว”
อาหูยิ้มพราวเสน่ห์ บุคลิกที่งดงามดั่งเซียน เย้ายวนเหมือนมารนั้นสามารถทำให้ฟ้าดินต่างมืดสลัวไร้สี
นางกล่าว “หากพี่หลินสนใจพลังพรสวรรค์ รอเมื่อมุ่งหน้าไปที่ทางเดินโบราณฟ้าดาราแล้วก็ไปดู ‘กระดานพรสวรรค์ฟ้าดารา’ สักหน่อย บนนั้นมีชื่อเรียกและความเป็นมาของพลังพรสวรรค์ห้าขั้นใหญ่อย่างดิน ฟ้า ราชัน ลึกลับ อริยะที่มีชื่อเสียงที่สุดตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันไล่เรียงอยู่”
กระดานพรสวรรค์ฟ้าดารา!
หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้ “บนทางเดินโบราณฟ้าดาราเหมือนว่าจะมีกระดานอยู่ไม่น้อย อย่างเช่นกระดานยอดจรัสฟ้าดารา กระดานอริยะแท้ฟ้าดารา กระดานมหาอริยะฟ้าดารา…”
อาหูยิ้มน้อยๆ ริมฝีปากแดงอวบอิ่มงดงามเป็นอย่างยิ่ง “ง่ายมาก กระดานพวกนี้ล้วนเป็นบันทึกและบทประมวลที่รวบรวมโดย ‘เรือนมรรคโลกาสวรรค์’ หนึ่งในหกเรือนมรรคใหญ่ ด้วยอิทธิพลของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ กระดานพวกนี้จึงเป็นที่นิยมบนฟ้าดารา ถูกผู้ฝึกปราณในใต้หล้ายกย่องเป็นบรรทัดฐาน”
ได้ยินดังนี้ในใจหลินสวินก็ชี้ชัดได้แล้ว แม่นางอาหูที่ลึกลับและงดงามคนนี้ เป็นไปได้สูงว่าเคยเข้าไปในทางเดินโบราณฟ้าดารามาก่อน!
มิฉะนั้นมีหรือจะรู้เรื่องราวบนทางเดินโบราณฟ้าดาราเหมือนนับสมบัติในบ้าน
อาหูเก็บรอยยิ้ม สีหน้าเคร่งขรึมและยากจับต้อง กล่าวว่า “พี่หลิน อีกไม่ถึงครึ่งปี ทางเข้าของแหล่งสถานคุนหลุนก็จะปรากฏอีกครั้ง ครั้งนี้ข้ามาด้วยเหตุนี้”
หลินสวินพยักหน้า นำป้ายคำสั่งเซียนเหินป้ายหนึ่งออกมามอบให้อาหู “นี่เป็นป้ายคำสั่งของแม่นาง ภารกิจลุล่วง”
อาหูเก็บป้ายคำสั่งเซียนเหินลงไปแล้วกล่าว “ปีนั้นยามอยู่ที่สมรภูมิกระหายเลือด ข้าเคยบอกว่าขอแค่พี่หลินช่วยเป็นธุระเรื่องนี้ให้ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ข้าก็จะมอบของอย่างหนึ่งให้พี่หลิน สามารถทำให้ยามพี่หลินเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุนแล้วได้รับประโยชน์ที่คาดไม่ถึง”
หลินสวินนิ่งเงียบ “ตอนนั้นที่ช่วยเจ้า ข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้”
อาหูกล่าว “พี่หลินอย่าเพิ่งปฏิเสธ ของสิ่งนี้เจ้าต้องคาดไม่ถึงแน่”
นางพูดพลางพลิกฝ่ามือ สิ่งที่ขาวกระจ่างดุจหิมะ บางเหมือนเส้นผมสายหนึ่งปรากฏ ท่วงทำนองมรรคสลัวรางแผ่กระจาย
เป็นแค่เส้นไหมขาวดุจหิมะสายหนึ่งเท่านั้น แต่แค่เหลือบมองวูบหนึ่งก็ทำให้หลินสวินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ เก่าแก่ มหัศจรรย์
นัยน์ตาคู่งามดั่งคลื่นใบไม้ร่วงของอาหูเจือกลิ่นอายลึกล้ำเสี้ยวหนึ่ง กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “นี่คือ ‘ไหมแส้หางม้า’ มีความเกี่ยวข้องกับเขตหวงห้ามแห่งหนึ่งในแหล่งสถานคุนหลุน และมีความเกี่ยวข้องกับอาจารย์ของพี่หลินด้วย”
อาจารย์!
นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัด ชั่วขณะก็นึกถึงคีรีดวงกมลขึ้นมา
ไหมแส้หางม้า ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับเขตหวงห้ามแห่งหนึ่งของแหล่งสถานคุนหลุน ยังเกี่ยวข้องกับอาจารย์ของตนด้วย แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ของธรรมดา!
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินตกใจกว่าคือ อาหูดูเหมือนจะรู้จักอาจารย์ของตนอยู่ก่อนแล้ว
“พี่หลิน เจ้าไม่จำเป็นต้องสงสัยอะไรมาก ปีนั้นตอนที่พวกเราเจอกันครั้งแรกที่ทะเลกลืนวิญญาณนอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็จับกลิ่นอายของ ‘วิชาอริยะยุทธ์’ บนตัวพี่หลินได้แล้ว ถึงได้มาเจอและมอบยานขนส่งอวกาศ ช่วยพี่หลินให้ออกจากทะเลกลืนวิญญาณไปได้อย่างปลอดภัยด้วยตัวเอง”
อาหูยกจอกสุราขึ้นจิบเล็กน้อย กล่าวเสียงใส “ส่วนทำไมข้าถึงทำเช่นนี้ ยังไม่สะดวกบอกพี่หลินชั่วคราว ขอพี่หลินโปรดอภัย”
หลินสวินกล่าวอย่างจนปัญญา “ข้าติดหนี้เจ้ามากขนาดนี้ แม้ไม่อยากยกโทษให้ก็คงไม่ได้”
อาหูอดหัวเราะไม่ได้ ยิ้มมีเสน่ห์จับจิต “สรุปคือเจ้ากับข้าไม่ใช่ศัตรูกัน จำเรื่องนี้ไว้ก็พอแล้ว”
พูดจบนางก็ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย ลุกขึ้นกล่าว “พี่หลิน ช่วงเวลาก่อนที่จะไปแหล่งสถานคุนหลุนนี้ เจ้าต้องเตรียมตัวให้ดี ภายหน้าหากคิดจะกลับมาที่ดินแดนรกร้างโบราณ… อืม คงจะไม่ง่ายแล้ว”
“หมายความว่าอย่างไร” หลินสวินก็ลุกขึ้น
“ทางออกของแหล่งสถานคุนหลุน คือทางไปทางเดินโบราณฟ้าดารา”
อาหูยิ้มกล่าว “เจ้าน่าจะเข้าใจ”
นางพูดพลางลอยขึ้นไป เงาร่างกลายเป็นละอองแสงสายหนึ่งหายไปในอากาศ “พี่หลิน ก่อนที่แหล่งสถานคุนหลุนจะเปิด ข้าจะมารวมตัวกับเจ้า”
เสียงใสราวน้ำพุหลั่งรินเรื่อยเฉื่อย ไพเราะดุจเสียงจากธรรมชาติ หญิงสาวชุดเหลืองที่ลึกลับคนนี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
หลินสวินยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกลับไปนั่งที่หน้าโต๊ะใหม่อีกครั้ง ร่ำสุราเพียงลำพัง
ในหัวกลับสลัดภาพของอาหูไม่ออก ใช่ว่าชอบพอ หากแต่ผู้หญิงคนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนหมอกหนาพร่ามัว ลึกลับเกินคาดเดา ยากจะมองนางออก
สุดท้ายหลินสวินก็เก็บความคิด ในดวงตาดำผ่องแผ้วนิ่งสงบ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
เด็กหนุ่มรองเท้าฟางตื่นจากฝัน พอลืมตาขึ้นรู้สึกแค่จิตใจผ่อนคลาย สบายไปทั้งตัวอย่างบอกไม่ถูก
“เจ้าตื่นแล้วรึ”
เสียงนุ่มนวลอบอุ่นหนึ่งดังขึ้น เด็กหนุ่มรองเท้าฟางเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นหลินสวินนั่งอยู่หน้าโต๊ะเตี้ยตัวหนึ่งที่อยู่ห่างไปไม่ไกล กำลังอมยิ้มมองมาทางตน
เด็กหนุ่มรองเท้าฟางผุดลุกขึ้น ตอนนี้เขาถึงได้สร่างจากสภาพงัวเงียอย่างสมบูรณ์ รู้ว่าที่นี่คือทะเลหมากดารา เป็นที่พำนักของผู้อาวุโสหลินสวิน บุคคลในตำนานที่เขาเทิดทูนและชื่นชมที่สุด!