เสิ่นปิงหยูเห็นศึกการต่อสู้เมื่อก่อนหน้านี้กับตาตนเองเลย น่าจะทราบอยู่ว่าศักยภาพของเขาเป็นอย่างไร มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ เสิ่นปิงหยูผู้นี้ก็ยังไม่กล้าเป็นฝ่ายเสนอร่วมมือกับตน แสดงให้เห็นว่านางน่าจะมีที่พึ่งพิงและไพ่เด็ดในมืออยู่

หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตำหนักปีศาจหลอมนั่น เพราะนั่นเป็นของขลังที่จักรพรรดิเทพมหาวาลทิ้งไว้ แม้กระทั่งตำหนักปีศาจเพลิงที่เทียบเท่ากึ่งจักรพรรดิเทพยังถูกมันกดอัดดิน ไม่สามารถหลุดพ้นจากความลำบากมาเป็นเวลายาวนานอย่างหาที่สุดไม่ได้ เป็นสมบัติแข็งแกร่งที่มีพลานุภาพสูงถึงระดับที่ไม่สามารถคาดเดาได้ชิ้นหนึ่งจริง ๆ

“ศักยภาพของผู้เพื่อนยุทธ์เย่แข็งแกร่ง ปิงหยูเคยพบเห็นเองกับตา หากสามารถร่วมมือกับเจ้าได้ละก็ โอกาสในการสำเร็จก็ต้องมีเพิ่มมากขึ้นอยู่แล้ว ไฉนจะไม่เห็นดีด้วยเล่า?”

เสิ่นปิงหยูขบขำเบา ๆ “ของชิ้นอื่น ๆ ปิงหยูล้วนสามารถให้ผู้เพื่อนยุทธ์เย่เป็นผู้เลือกก่อนได้ ทว่าทหารจักรวรรดิที่อาจารย์ปู่ทิ้งไว้ ข้าจำเป็นต้องเอากลับไป”

สำหรับเรื่องการร่วมมือกันที่เสิ่นปิงหยูเสนอขึ้นมา หลัวซิวตอบตกลงโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย

ทหารจักรวรรดิที่จักรพรรดิเทพมหาวาลทิ้งไว้เป็นสมบัติที่ไม่สามารถประมาณราคาได้ก็จริง แต่สำหรับหลัวซิวแล้ว มันกลับไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้น อีกทั้งแม้เขาจะสามารถแก่งแย่งทหารจักรวรรดิมาได้ นอกเสียจากว่าอนาคตเขาจะเปลี่ยนไปฝึกเคล็ดฟ้าดินมหาวาล มิเช่นนั้นเขาก็จะไม่สามารถปล่อยพลานุภาพของทหารจักรวรรดิออกมาถึงขีดสุดได้

เนื่องจากทหารจักรวรรดิมรรคผลที่จักรพรรดิเทพมหาวาลฝึกเซ่น เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับวรยุทธ์ที่ตัวจักรพรรดิเทพมหาวาลฝึกอย่างแน่นอน

สำหรับนักยุทธ์ตระกูลจู้ที่มาพร้อมกับเสิ่นปิงหยูนั้น หลัวซิวแค่มองเขาด้วยสายตาที่เรียบนิ่งรอบหนึ่งแล้วก็ไม่สนใจอีกเลย ส่วนพวกจู้เทียนหลงนั้นต้องไม่กล้าพูดอะไรอยู่แล้ว ภาพเหตุการณ์ที่เขาสังหารหลิวเทียนลู่เมื่อก่อนหน้านี้ ทำให้คนเหล่านี้รู้สึกช็อกถึงขั้นที่ไม่อาจมีสิ่งใดมาเทียบเทียมได้จริง ๆ

หลิวเทียนลู่ตายไปแล้ว ระฆังเซียนดำทมิฬนั่นก็ต้องตกอยู่ในกำมือหลัวซิวเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ในอดีตอาจารย์ปู่ของสำนักเซียนเทียนหยุนเคยค้นพบสถานที่นั่งฌานละสังขารของจักรพรรดิเทพมหาวาลบนดาราแห่งกาลเวลา แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้สำรวจ ก็เกิดการปะทะครั้งยิ่งใหญ่กับบรรพบุรุษของเสิ่นปิงหยูก่อน จึงส่งผลให้บอบช้ำทั้งสองฝ่าย

ต่อมาพวกเขาทั้งสองก็ไม่สามารถตามหาร่องรอยของดาราแห่งกาลเวลาได้อีกเลย ทว่ายังคงนำวัตถุดิบของตัวมันเองมากลั่นเป็นสมบัติภัณฑ์ล้ำจ้าวมหาเทพได้อยู่ ซึ่งเป็นสมบัติที่มีมูลค่าสูงมาก ๆ

นอกเหนือจากนี้แล้วยังมีแหวนเก็บของของหลิวเทียนลู่อีก ภายในแค่ฮู้ระดับจักรพรรดิต่าง ๆ ก็มีเป็นกองแล้ว ทรัพยากรในการฝึกตนต่าง ๆ ยิ่งมีพร้อมครบทุกสิ่งเท่าที่ควรมี ราชาแห่งศัสตราวุธชั้นยอดสิบกว่าชิ้น มีแม้กระทั่งศัตราวุธราชาสองสามชิ้น เรียกได้เลยว่าร่ำรวยมากถึงมากที่สุด

แต่ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งเหล่านี้แล้ว สิ่งที่หลัวซิวใส่ใจมากกว่าคือความทรงจำของหลิวเทียนลู่ที่เขาได้รับมาจากวัฏสงสาร

ประวัติความเป็นมาของหลิวเทียนลู่ผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย เป็นทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าสำนักสำนักเซียนเทียนหยุนในมหาโลกายอดอัมพร ด้วยเหตุนี้เขาจึงทราบความลับบางอย่างที่เกี่ยวกับสำนักเซียนเทียนหยุน ซึ่งหนึ่งในความลับนั้นก็คือสำนักเซียนเทียนหยุนถือเป็นสายจ่างเทียนเต้า

ในส่วนของเซี่ยหานคนนั้นของเขานั้น ก็คือสาวชุดแดงที่จับกุมตัวเหล่าญาติพี่น้องของหลัวซิวไปนั่นเอง นางมีนามว่าหลิวเซี่ยหาน เป็นเทพธิดาของสำนักเซียนเทียนหยุน เทพธิดาเซี่ยหาน

ดูจากความทรงจำของหลิวเทียนลู่ หลิวเซี่ยหานนั่นใช้วิชาพิเศษคิดคำนวณว่าตัวเขาอยู่ในโลกะดาราอัมพรเทวและโลกะดาราคุนหลุนผ่านความทรงจำของพวกเหยียนซีโรว่และเหยียนเยว่เอ๋อร์

เพราะฉะนั้นนางจึงจัดวางกลอุบายต่าง ๆ ก็เพื่อล่อให้หลัวซิวปรากฏตัว ซึ่งภายในกลอุบายทั้งหมดนั้นก็รวมทั้งเรื่องที่ช่าจื่อเยียนถูกนำมาประมูลในฐานะเตากลั่นยาอัคคีด้วย ครั้นเมื่ออยู่ในงานค้าขายหลิวเทียนลู่ได้เปิดเผยว่าบนตัวเสี่ยวเจียงหมิงมีความลับของบำเพ็ญพลิกทมิฬ

“ดูท่าครั้นเมื่อข้าประมูลพี่จื่อเยียนมาในงานประมูล ก็น่าจะถูกหมายตาไว้แล้ว ฉะนั้นทันทีที่ข้าออกมาจากงานประมูล ก็ถูกคนตามสะกดรอยทันที ฝ่ายตรงข้ามดูเหมือนมุ่งแสวงทรัพย์สินเงินทอง ทำร้ายชีวิตผู้คน แท้จริงแล้วพวกมันน่าจะมีจุดประสงค์อื่น”