ในกล่องสกินแคร์นี้ ขนาดเหมือนกระเป๋าหนังทำงาน ใช้สีดำทองเป็นเบส ทั้งดูหรูหราแต่ก็คลาสสิก

เย่เฉินอดแปลกใจไม่ได้ว่า “ทั้งชุดใหญ่ขนาดนี้เลย?”

เฉินจื๋อข่ายรีบอธิบายว่า “คุณชาย ชุดสกินแคร์ที่ผมเลือกนี่เป็นชุดที่แพงที่สุดของประเทศเขาแล้ว ราคา 388,888 หนึ่งชุดมีสินค้าทุกชนิดของพวกเขา รวมถึงครีมและครีมทาตาที่เป็นซิกเนเจอร์ของพวกเขาอีก เรียกได้ว่าเป็นชุดพิเศษสุดเลย”

เย่เฉินพยักหน้า “ลำบากคุณแล้วนะ”

เฉินจื๋อข่ายรีบอธิบายว่า “คุณชายครับ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ!”

เย่เฉินรับคำหนึ่งทีพลางว่า “จริงสิเหล่าเฉิน อาทิตย์หน้าผมจะไปเย่นจิงสักหน่อย เรื่องทางด้านจินหลงฝากคุณกับหงห้าดูแลละกันนะ โดยเฉพาะด้านภรรยาผม ต้องให้คนแอบคอยคุ้มกันนะ จนถึงตอนนี้ตระกูลอู๋ยังพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้าย ผมเดาว่าพวกเขาไม่ยอมเลิกราง่ายๆแน่”

เฉินจื๋อข่าวอุทานอย่างตกใจ “คุณชาย คุณจะไปเย่นจิง? กลับตระกูลเย่หรือครับ?”

เย่เฉินส่ายหัวพลางว่า “ตอนนี้ผมยังไม่คิดกลับไป”

เฉินจื๋อข่าวถามอย่างสงสัยว่า “คุณชาย อย่าหาว่าผมปากมากเลย ครั้งนี้คุณไปเย่นจิงทำไมหรือครับ? ถ้าคุณไม่กลับไปตระกูลเย่ งั้นคุณต้องระวังเจ้าคุณชายขงของตระกูลขงให้มากๆนะครับ! ผมได้ยินมาว่า มันผ่าตัดเสร็จและพักรักษาตัวที่บ้านครึ่งเดือนแล้ว ตอนนี้เกลียดคุณเข้ากระดูกดำเลย!”

“เกลียดผมเข้ากระดูกดำ?” เย่เฉินยิ้มเย็นพลางว่า “แค่คุณชายตระกูลขงเท่านั้น ก็กล้ามาทำปากกล้าต่อหน้าผม ผมไปเย่นจิงครั้งนี้มีเรื่องต้องไปทำ ถ้าเขายังตาไม่ดีและกล้ามาหาเรื่องผม ผมไม่ให้เขาอยู่สบายๆแน่”

เฉินจื๋อข่าวถามอีก “คุณชาย งั้นให้ผมแจ้งที่บ้านไหมครับ พวกเขาจะได้คอยต้อนรับคุณทางโน้นด้วย คุณจะได้สะดวกสบายหน่อย”

“ไม่ต้องหรอก” เย่เฉินบอก “ผมไปครั้งนี้ไม่อยากให้คนตระกุลเย่รู้ ดังนั้นคุณต้องช่วยผมเก็บเป็นความลับด้วยล่ะ”

“ครับคุณชาย”

เย่เฉินพยักหน้าพลางว่า “เหล่าเฉิน ผมถามคุณเรื่องหนึ่งสิ”

เฉินจื๋อข่ายรีบตอบ “คุณชายถามได้เลยครับ”

เย่เฉินถามว่า “คุณรู้เรื่องการตายของพ่อแม่ผมตอนนั้นไหมว่ามันเป็นยังไงกันแน่?”

เฉินจื๋อข่ายตอบอย่างกระดากว่า “คุณชาย ตอนพ่อแม่คุณเสีย ผมยังไม่ได้มาทำงานกับตระกูลเย่ครับ ตอนนั้นผมเรียนหนังสืออยู่ พอเรียนจบ ถึงได้มาทำงานในบริษัทหนึ่งของเครือตระกูลเย่ จากนั้นก็ได้รับเลือกเป็นพรีเซนเตอร์จินหลิง เรื่องพ่อแม่คุณ ตอนนั้นเป็นหัวข้อต้องห้ามที่ห้ามคนวิพากษ์วิจารณ์กันเลยของตระกูลเย่ ตอนนั้นพวกที่อยู่มานานกว่าผมยังปิดปากกันเงียบ ดังนั้นผมเลยไม่ได้สืบสาวราวเรื่องอะไรเลย”

เย่เฉินขมวดคิ้วแน่น พยักหน้าแผ่วเบา

เท่าที่ดู เรื่องพ่อกับแม่ตอนนั้นน่าจะต้องมีเงื่อนงำแน่ เพียงแต่ว่ามันอาจจะเป็นความลับสุดยอดของตระกูลเย่ ด้วยฐานะอย่างเฉินจื๋อข่าย น่าจะยากที่จะได้รับรู้

ดังนั้นเขาเลยไม่รุกถามต่อ ได้แต่กำชับว่า “เหล่าเฉิน เรื่องที่เราคุยกันเมื่อกี้ ห้ามไปคุยกับใครเด็ดขาด ถ้าคนตระกูลเย่ถาม ก็อย่าแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด”

เฉินจื๋อข่ายสีหน้าขึงขังขึ้นมาทันที โพล่งออกไปว่า “คุณชายวางใจได้ครับ! ผมจะไม่พูดออกไปแม้แต่คำเดียวเลย!”

ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่เย่เฉินจะฆ่าล้างราชาบู๊ทั้งแปดที่ใต้ภูเขาฉางไบ ในใจเฉินจื๋อข่ายคงจะเอนเอียงไปทางตระกูลเย่มากกว่า เพราะเย่เฉินเป็นแค่คุณชายคนหนึ่งที่เร่ร่อนนอกตระกูลเย่ ส่วนคนตระกูลเย่ถึงเป็นเจ้านายตนที่แท้จริง

แต่พอเขาเห็นกับตาถึงฝีมืออันน่ากลัวของเย่เฉินที่ใต้ภูเขาฉางไบ เขาก็ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า ชีวิตนี้จะตามติดเย่เฉิน!

เรียกได้ว่า ในสายตาเฉินจื๋อข่ายในตอนนี้ เขามีเจ้านายแค่คนเดียว นั่นก็คือเย่เฉิน

ถ้าวันไหนเย่เฉินให้เขาหันดาบเข้าหาคนตระกูลเย่ เขาก็จะทำตามอย่างไม่ลังเลเลย

…..

พอบอกลาเฉินจื๋อข่าย เย่เฉินขับรถออกจากโรงยิมจินหลิงโดยลำพัง

เขาไม่ได้มุ่งตรงกลับบ้าน แต่โทรหาเซียวฉางควนซึ่งเป็นพ่อตาตนก่อน พลางถามเขาว่า “พ่อครับ พ่ออยู่ไหนน่ะ?”

เซียวฉางควนหัวเราะร่าบอก “ลูกเขยที่รัก พ่ออยู่ที่มหาวิทยาลัยผู้สูงอายุแน่ะ งานอภิปรายที่พวกเราจัดประสบความสำเร็จมากเลย ตอนนี้ทุกคนกำลังโต้วาทีกันดุเดือด ลูกไม่รู้อะไร บรรยากาศในงานดีมากเลยนะ!”