เสิ่นปิงหยูนิ่งเฉยต่อแววตาที่ดูเคารพยำเกรงของทุกคนที่อยู่รอบ ๆ มาก ใช้สายตากวาดมองกลุ่มคนแล้วขมวดคิ้วลงเล็กน้อย เนื่องจากนางไม่พบร่องรอยของเย่ห้าวหราน

เรือรบดาราแต่ละลำเริ่มทยอยออกเรือ หลัวซิวอยู่ในฐานะผู้บำเพ็ญตนอิสระคนหนึ่ง ขอเพียงจ่ายด้วยแก้วเทวก็จะสามารถนั่งเรือรบของกองกำลังอื่น ๆ ย้อนกลับไปยังเมืองมังกรครามยักษ์ได้

หลัวซิวไม่ได้หยุดพักอยู่ในเมืองมังกรครามยักษ์แต่อย่างใด เป็นการมุ่งหน้าตรงไปยังโลกะดาราคุนหลุนโดยตรง

โลกะดาราคุนหลุนคือจุดศูนย์กลางของธาตุดาราแห่งนี้ และเป็นโลกาจ้าวมหาเทพเพียงหนึ่งเดียวเช่นกัน หากอยากมุ่งหน้าจากโลกามนุษย์ไปยังมหาโลกในโลกาชั้นฟ้า ก็ต้องผ่านทางนี้เท่านั้น

ถึงแม้การมุ่งหน้าไปยังโลกามหาวาลพร้อมกับเสิ่นปิงหยูเป็นวิธีที่รวดเร็วมากที่สุด ทว่าหลัวซิวกลับไม่อยากพัวพันกับนางและวังมหาวาลมากนัก

หลัวซิวตามหาสถานที่ปิดขังในละแวกเมืองอัคคีนภาจนพบ แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือช่าจื่อเยียนไม่ได้ฝึกตนอยู่ภายในวิชาห้ามค่ายกลแต่อย่างใด เพียงแต่ทิ้งม้วนหยกเอาไว้หนึ่งชิ้น

จากข่าวคราวที่บันทึกอยู่ภายในม้วนหยก หลัวซิวทราบมาว่าเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ช่าจื่อเยียนก็ข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้าพิโรธสำเร็จบรรลุถึงแดนเทพฟ้าแล้ว นางไม่ได้รอหลัวซิวอยู่ที่นี่ แต่เป็นการเลือกที่จะออกไปฝึกฝนสั่งสมประสบการณ์ข้างนอกคนเดียว นางหวังว่าจักต้องมีสักวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้ที่ตนสามารถฝึกถึงแดนที่สูงยิ่งขึ้นได้ด้วยความพยายามของตัวเอง

หลัวซิวยิ้มอย่างขมขื่นพลางส่ายหน้า แม้ช่าจื่อเยียนจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ทว่าอุปนิสัยของนางกลับเป็นคนที่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง ในขณะเดียวกันนางก็เป็นคนไม่ยอมคนมาก ๆ เช่นกัน สาเหตุที่นางจากไปตัวคนเดียวนั้น ด้านหนึ่งเป็นเพราะนางไม่อยากพึ่งพิงผู้อื่น ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือไม่อยากกลายเป็นตัวถ่วงของหลัวซิว

“บางทีการไม่รับรู้เรื่องการตายของเสี่ยวเจียงหมิง ณ บัดนี้นั้น มันอาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับนางก็ได้”หลัวซิวถอนหายใจ เดิมทีที่เขากลับมาในครั้งนี้นั้น เขาก็เตรียมพร้อมที่จะนำข่าวการตายของเสี่ยวเจียงหมิงแจ้งให้ช่าจื่อเยียนทราบเช่นกัน

หลังจากตัวมรณาบอกกับเขาว่าสามารถฟื้นคืนชีพเสี่ยวเจียงหมิงได้ หลัวซิวก็เริ่มปลงต่อเรื่องนี้แล้ว มิเช่นนั้นเขายังต้องจมดิ่งอยู่ในความทุกข์ใจอยู่อีกแน่นอน และไม่ยอมให้อภัยตัวเองตลอดไป

ขอแค่สามารถฟื้นคืนชีพได้ เช่นนั้นการตายของเสี่ยวเจียงหมิงก็เป็นเพียงการแยกจากกันชั่วคราว ทว่าความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ได้และความเจ็บปวดจากการตายก็ยังทำให้หลัวซิวรู้สึกเจ็บใจอยู่ดี

หลัวซิวไม่ได้ถอนวิชาห้ามค่ายกลที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ออกแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามเขากลับอาศัยฝีมือค่ายกลที่บรรลุถึงระดับ 9 ในปัจจุบันของตนเอง ยกระดับวิชาห้ามค่ายกลเหล่านี้ขึ้นไปถึงระดับ 9

เขาพลิกมือหยิบม้วนหยกออกมาหนึ่งชิ้น นำสิ่งที่ตัวเองอยากพูดเก็บไว้ภายในม้วนหยกแล้ววางไว้ที่นี่

ในม้วนหยก เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องของเสี่ยวเจียงหมิง เนื่องจากเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าหากช่าจื่อเยียนรู้ว่าเสี่ยวเจียงหมิงตายไปแล้ว เช่นนั้นถึงแม้จะบอกกับนางว่าตัวเองมีวิธีฟื้นคืนชีพเสี่ยวเจียงหมิง ช่าจื่อเยียนก็ต้องรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งแน่นอน

แต่ทว่าหลัวซิวฝากคำพูดไว้ในม้วนหยกว่าตัวเองเตรียมพร้อมที่จะมุ่งหน้าไปยังมหาโลกายอดอัมพร หากช่าจื่อเยียนมีโอกาสพบเห็นม้วนหยกชิ้นนี้ละก็ สามารถหาโอกาสมุ่งหน้าไปยังมหาโลกายอดอัมพรเพื่อไปรวมตัวกับเขาได้

ไม่นานนัก หลัวซิวก็กลับมาถึงเมืองอัคคีนภาอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าฉียู่หรงไปที่ใดแล้ว หลัวซิวพบเห็นอิงบูเฉิงในงานประมูลในเมืองอัคคีนภาอีกครั้ง ดูเหมือนกับว่าเขาจะได้รับของดี ๆ จากดาราแห่งกาลเวลามาไม่น้อยเลย ผลการฝึกตนดีเยี่ยมและลึกซึ้งกว่าที่ผ่านมามาก ๆ คาดว่าใช้เวลาอีกไม่นานก็คงสามารถบรรลุถึงแดนราชาเทพขั้น 8 แล้ว

หลัวซิวไม่ได้เปิดเผยตัวตนของตัวเองแต่อย่างใด และไม่ได้ไปติดต่อกับอิงบูเฉิงในงานประมูลอัคคีนภาด้วย แต่เป็นการไปยังห้องใต้หลังคาที่ไม่ค่อยโดดเด่นอะไรในเมือง

ด้านบนประตูใหญ่ของห้องใต้หลังคาแห่งนี้มีป้ายที่ดูไม่ค่อยโดดเด่นอะไรแขวนอยู่หนึ่งป้าย ซึ่งด้านบนเขียนไว้ว่าหอกวนโห

หอกวนโหนี้ดูเหมือนจะไม่โดดเด่นอะไร แต่ในความเป็นจริงมันก็เป็นหนึ่งในกองกำลังชั้นยอดของโลกะดาราคุนหลุนเช่นกัน ซึ่งหน้าที่หลัก ๆ ของกองกำลังดังกล่าวก็คือวางแผนและจัดการบริหารข่าวคราวประเภทข่าวกรอง รวมไปถึงการจัดเสนอบริการต่าง ๆ ให้แก่นักยุทธ์

เดินเข้าไปในหอกวนโห ภายในห้องโถงใหญ่ว่างเปล่ามาก ไม่มีคนเลยแม้แต่คนเดียว