ในขณะที่กองกำลังทั้งหลายเตรียมพร้อมที่จะกลับไปอยู่นั้น ออร่าอันแข็งแกร่งที่มากมายมหาศาลก็บังเกิดขึ้นกะทันหัน ผนึกห้วงดาราบริเวณรอบ ๆ เอาไว้

มีรอยแตกหนึ่งจุดปรากฏท่ามกลางความมืดที่ไร้ขอบเขตเหนือศีรษะของทุกคน เหมือนดวงตาที่เบิกกว้าง เผยให้เห็นลูกตาที่ใหญ่โตมโหฬารดั่งดวงดาวดวงหนึ่ง

ภายใต้การถูกดวงตาข้างดังกล่าวจ้องมอง ทุกคนล้วนรู้สึกเหมือนตัวเองถูกมองจนทะลุปรุโปร่งยังไงอย่างนั้น ความลับทุกอย่างล้วนไม่สามารถอำพรางได้

“เจ้าฆ่าคนไป ยังจะให้ข้าเก็บกวาดเช็ดขี้ให้เจ้าอีกหรือ”

มีเสียงบ่นว่าของตัวมรณาดังขึ้นมาในตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว “เจ้าคิดว่าสังหารศิษย์ใจกลางของกองกำลังใหญ่เหล่านั้นไปแล้วเรื่องก็จะจบอย่างนั้นหรือ? เสี้ยววินาทีที่สังหารหลิวเทียนลู่นั่น ตราประทับหนึ่งก็ได้ปรากฏบนร่างเจ้าแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิตใจของหลัวซิวก็เข้มงวดขึ้นมา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเจ้าของดวงตาที่อยู่ในห้วงดาราเหนือศีรษะนี่ น่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งในสำนักเซียนเทียนหยุนใช้มหาอิทธิฤทธิ์ทะลุมิติย่างกรายมาถึงที่นี่

“ผู้ใดสังหารบุตรกู!”

เสียงตะคอกอันโกรธเกรี้ยวดังก้องในห้วงดารา ถัดจากนั้นพลังออร่าที่น่าสยดสยองพลังหนึ่งก็บังเกิดขึ้น กดอัดเรือรบสิบกว่าลำจนแตกสลายเป็นฝุ่นผงคาที่ ทุกคนที่อยู่บนเรือรวมไปถึงผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเทพ ต่างตายจนตายซ้ำไม่ได้แล้ว

“ผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวมหาเทพ คนดังกล่าวคือพ่อของหลิวเทียนลู่!”รูม่านตาของหลัวซิวหดลงไปเล็กน้อย โชคดีที่ตัวมรณาช่วยเขาลบล้างตราประทับนั่นไปในช่วงเวลาที่สำคัญ มิเช่นนั้นเกรงว่าเขาในตอนนี้คงถูกสังหารคาที่ไปแล้ว

“พวกมึงทุกคนสมควรตาย ตายเป็นสหายบุตรกูไปซะเถอะ!”

มีไฟโกรธและจิตสังหารที่สูงเทียมฟ้าแผ่ออกมาจากดวงตากลางห้วงดารานั่น ถัดจากนั้นดวงตาดังกล่าวก็หายไป สิ่งที่เข้ามาทดแทนคือฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่จุติลงมาจากสวรรค์ นักยุทธ์จำนวนมากที่มาจากธาตุดาราอย่างอัมพรเทวและคุนหลุนล้วนอยู่ภายใต้การแผ่คลุมของฝ่ามือขนาดใหญ่นี้

ทันใดนั้นเอง หลัวซิวก็เห็นว่าเสิ่นปิงหยูบีบม้วนหยกชิ้นหนึ่งแตก ก่อนจะมีเงาลวงของมนุษย์คนหนึ่งปรากฏออกมาจากม้วนหยก ซึ่งคนดังกล่าวคือยายแก่ที่ถือไม้เท้าคนหนึ่ง

ยายแก่คนดังกล่าวเป็นเพียงเงาลวงตัวสำนึกร่างหนึ่งเท่านั้น มิใช่ร่างแท้แต่อย่างใด รอบกายไม่มีออร่าที่แข็งแกร่งเคลื่อนไหว นางมองดูฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้านั่นด้วยสีหน้าท่าทางที่เรียบนิ่ง

“ไม่ว่าเจ้าเป็นผู้ใดก็ตาม หากฝ่ามือนี้ร่วงลงมา วังมหาวาลจะทำลายล้างทั้งสำนักเจ้าแน่!”

ยายแก่ไม่ได้ลงมือ แค่พูดอย่างเยือกเย็นคำหนึ่ง ฝ่ามือที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่นั่นจึงหยุดชะงักลงกลางอากาศกะทันหัน

“วังมหาวาล? ใช่สำนักจักรพรรดิในโลกามหาวาลหรือไม่?”มีเสียงสอบถามเสียงหนึ่งดังสะท้อนออกมาในห้วงดารา ทว่าสามารถฟังออกได้ชัดเจนเลยว่าภายในน้ำเสียงมีความเกรงกลัวแฝงซ่อนอยู่เล็กน้อย

เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าการลงมายังโลกามนุษย์ในครั้งนี้ของหลิวเทียนลู่ มาเพื่อมุ่งหน้าไปสถานที่นั่งฌานละสังขารของจักรพรรดิเทพมหาวาล และไม่นึกเลยว่าผู้คนในวังมหาวาลจะปรากฏตัวที่นี่ด้วย เขาจึงต้องพิจารณาให้รอบคอบอย่างอดไม่ได้

“ช่างเป็นจักรพรรดิเทพมหาวาลที่ดีมาก เรื่องนี้หลิวเฉิงข้าจำไว้แล้ว!”สุดท้ายแล้วฝ่ามือขนาดใหญ่นั่นก็ไม่ร่วงลงมาอยู่ดี ค่อย ๆ ชักมือกลับไปแล้วหายไปในส่วนลึกของห้วงดารา

หลิวเฉิงก็คือเจ้าสำนักสำนักเซียนเทียนหยุนนั่นเอง เป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานในแดนจ้าวมหาเทพ ภายใต้อารมณ์ที่โกรธเกรี้ยว เขาใช้มหาอิทธิฤทธิ์ทะลวงปริภูมิย่างกรายมาที่นี่ด้วยพลังออร่าเพียงเสี้ยวเดียว เดิมทีเขาจะล้างแค้นเพื่อลูกชายที่เสียชีวิตไปแล้ว กลับไม่นึกเลยว่าจะประสบพบเจอกับคนของสำนักจักรพรรดิมหาวาล

อีกทั้งหลิวเฉิงยังคิดเองเออเองว่าผู้ที่สังหารหลิวเทียนลู่คือวังมหาวาล

หลัวซิวต้องคิดจุดนี้ได้อยู่แล้ว และเสิ่นปิงหยูก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อเรื่องนี้เช่นกัน เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าเสิ่นปิงหยูจงใจช่วยเหลือเขา

“เป็นผู้หญิงที่มีกลอุบายเยอะมากจริง ๆ ด้วย ทำให้ข้าเป็นหนี้บุญคุณนางโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเลย”หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นในใจ

เงาลวงของยายแก่ค่อย ๆ จางหายไป ภายในเวลาชั่วขณะ ทุกคนที่โชคดีมีชีวิตรอดมาได้ต่างมองไปทางเสิ่นปิงหยู ณ วินาทีนี้ทุกคนจะยังไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าความเป็นมาของผู้หญิงคนดังกล่าวต้องน่ากลัวมากแน่นอน