บทที่ 1490 ฉันเชื่อในตัวคุณ

The king of War

เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่เจียงสง หยางเฉินก็ลืมตาขึ้นทันที

และหลี่เจียงสงที่สบตากับหยางเฉินก็ถึงกับต้องสะดุ้งแล้วก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว

หยางเฉินถามขึ้นว่า “คุณแน่ใจใช่ไหมว่ากษัตริย์ซ่านกวนให้คนมาส่งข่าวแบบนี้?”

ในเวลานี้ ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึก ออร่าที่น่าเกรงขามแผ่ออกมาจากตัวเขา ทำให้หลี่เจียงสงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นและได้แต่ตอบด้วยเสียงที่สั่นเท่า “เป็นคำพูดของคนในราชวงศ์ซ่านกวนจริงๆ ครับ ผมแค่เป็นคนส่งข่าว”

“เหอะ!”

หยางเฉินแสยะยิ้มออกมา “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมขอไปพบกษัตริย์ซ่านกวนดูก่อนว่ากษัตริย์ซ่านกวนจะหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ ไหม”

หลังจากนั้น เขาก็ลุกขึ้นเดินไปข้างหน้า กระทั่งก้าวออกจากประตูห้อง แต่ทันใดนั้น เขาหยุดลงแล้วพูดอย่างเย็นชาโดยที่ไม่ได้หันกลับมามองว่า “เดี๋ยวเพื่อผมฟื้น ช่วยส่งเธอไปที่เมืองเยี่ยนตูที”

“รับทราบครับ!” หลี่เจียงสงรีบตอบทันที

ในขณะนี้ รถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งได้จอดรออยู่ที่ประตูแล้ว ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันเป็นรถที่ตระกูลหลี่ตั้งใจจะส่งหยางเฉินไปที่ราชวงศ์ซ่านกวน

จากนั้นรถแล่นไปตลอดทาง หยางเฉินก็นั่งอยู่บนที่นั่งอย่างเงียบๆ แม้สองตาของเขาจะหลับลง แต่ในความคิดของเขานั้นกำลังเคลื่อนไหวอย่างดุเดือด

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กษัตริย์ซ่านกวนยังจะพบเขาอย่างกะทันหันแบบนี้ หยางเฉินรู้สึกว่ามันผิดปกติมาก และหลังจากที่ลองใจเมื่อครู่นี้ เห็นได้ชัดว่าหลี่เจียงสงตื่นเต้นไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าเพราะกลัวเขาหรือกลัวเพราะกำลังโกหกเขาอยู่

แต่เขาเชื่อว่ามีแนวโน้มว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังโกหกเขาอยู่ เพราะในเมื่อกษัตริย์ซ่านกวนตั้งใจจะให้ตระกูลหลี่ปล่อยเขาไปแล้ว คงไม่ออกคำสั่งโดยการเรียกตัวเขาไปพบกษัตริย์ซ่านกวนด้วยน้ำเสียงแบบนี้หรอก

ที่สำคัญตระกูลหลี่ยังไม่รู้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของเขาฟื้นตัวแล้วหรือไม่ และถ้าหากตระกูลหลี่รู้ความจริง เกรงว่าคงลงมือกับเขาไปนานแล้ว

ในเมื่อตระกูลหลี่ไม่กล้าแตะต้องเขาในขณะที่ยังไม่รู้ความจริง ราชวงศ์ซ่านกวนก็คงไม่ต่างอะไรกันแน่นอน

รถยังคงแล่นไปตลอดทาง ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น รถก็ค่อยๆ ขับเข้าไปจอดลงตรงหน้าประตูคฤหาสน์ราชวงศ์ซ่านกวน

“คุณหยางครับ เรามาถึงคฤหาสน์ราชวงศ์ซ่านกวนแล้วครับ แต่รถของเขาเข้าไปไม่ได้ คงต้องรบกวนคุณเดินเข้าไปแล้วนะครับ” หลี่เจียงสงพูดอย่างระมัดระวัง

หยางเฉินเหลือบมองไปที่หลี่เจียงสงแล้วย้ำว่า “จำที่ผมบอกด้วยนะ หลังจากอ้ายหลินตื่นแล้วส่งเธอกลับไปที่เมืองเยี่ยนตู”

“รับทราบครับคุณหยาง!” หลี่เจียงสงขานตอบทันที

จากนั้นหยางเฉินก็ลงจากรถและเดินเข้าไปในคฤหาสน์ราชวงศ์ซ่านกวน

อันที่จริง เขาสามารถพาอ้ายหลินมาที่ราชวงศ์ซ่านกวนด้วย เพียงแต่ว่าความสามารถในการต่อสู้ของเขายังไม่ฟื้นตัว และเขาไม่รู้ว่าการมาราชวงศ์ซ่านกวนในครั้งนี้มันจะมีอันตรายหรือไม่ ดังนั้นจึงไม่อยากตกอยู่ในภัยอันตรายเหมือนกับอยู่ในบ้านตระกูลหลี่อีก

“คุณหยางคะ ตระกูลหลี่ปล่อยคุณออกมาแล้วเหรอ?”

ในขณะนั้นเอง ซ่านกวนโหรวก็เดินออกมาอย่างกะทันหัน และเมื่อเห็นหยางเฉิน เธอก็รีบพูดอย่างประหลาดใจ

เมื่อเห็นความประหลาดใจของซ่านกวนโหรว หยางเฉินก็พยักหน้าเบาๆ แล้วยิ้มพูดกับเธอ “ตระกูลหลี่บอกว่ากษัตริย์ซ่านกวนต้องการให้ผมมาพบ ดังนั้นจึงส่งผมมาที่นี่”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ซ่านกวนโหรวก็ขมวดคิ้วพูดขึ้น “นี่ตระกูลหลี่ตั้งใจจะหาเรื่องงั้นเหรอ!”

หยางเฉินที่เห็นสีหน้าความโกรธของซ่านกวนโหรวก็แทบจะมั่นใจได้ว่านี่เป็นการกระทำโดยตั้งใจของตระกูลหลี่

หยางเฉินจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้นครับ?”

ซ่านกวนโหรวลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงจะตอบเขาว่า “ท่านปู่ของฉันสัญญาว่าจะไปรับคุณที่บ้านตระกูลหลี่ แต่ท่านไม่ได้สั่งให้คุณมาพบทันทีนะ ตอนนั้นฉันอยู่ในวังราชวงศ์เย่ด้วย ฉันรับประกันได้ว่าท่านปู่ไม่ได้พูดแบบนั้นจริงๆ”

“ได้สิ ไอ้บ้านตระกูลหลี่ กล้าหลอกเรานักใช่ไหม!” หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

หยางเฉินถือว่ารู้จักซ่านกวนโหรวมานานแล้ว ฉะนั้นเขาจึงรู้จักนิสัยของผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างดี เธอเป็นคนให้ความสำคัญต่อคนรอบข้างมาก ถึงแม้จะให้ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่เธอไม่เคยโกหกใครเหมือนลูกเศรษฐีคนอื่นๆ

“คุณหยาง ฉันได้ข่าวว่าคุณได้รับบาดเจ็บสาหัสที่เมืองราชวงศ์เย่ แล้วคุณสลบไปสามวันสามคืนและเพิ่งฟื้นขึ้นมาใช่ไหม?”

ซ่านกวนโหรวพูดด้วยสีหน้ากังวลทันที “และฉันก็ได้ยินมาว่าความสามารถในการต่อสู้ของคุณก็ถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ข่าวทั้งหมดนี้มาจากตระกูลหลี่นะ”

หยางเฉินยิ้มและมองไปถามซ่านกวนโหรวว่า “คุณก็คิดอย่างนั้นด้วยเหรอ?”

ซ่านกวนโหรวส่ายหัวตอบ “ฉันคิดว่ามันเป็นข่าวปลอมนะ ต่อให้คุณถูกทำลายความสามารถในการต่อสู้ แต่มันก็เป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น ด้วยพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของคุณ วันหนึ่ง คุณจะกลับไปอยู่ในระดับสูงสุดของศิลปะการต่อสู้ได้อีกครั้ง ฉันมีความเชื่อมั่นใจตัวคุณมาก”

เมื่อเห็นสีหน้าความจริงจังและไม่มีการเสแสร้งของซ่านกวนโหรว หยางเฉินก็ยิ้มพูดอย่างขมขื่นว่า “คุณชมผมมากไปแล้ว ผมในตอนนี้ ก็แค่คนไร้ประโยชน์ที่ไม่มีทักษะการต่อสู้แม้แต่น้อยเลย”

“ว่าไงนะ?”

ซ่านกวนโหรวถึงกับตกใจ “เป็นไปได้ไง? หลี่จ้ง เหล่าจู่ของตระกูลหลี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณเลยด้วยซ้ำ แล้วใครจะทำลายความสามารถในการต่อสู้ของคุณได้?”

“ผู้พิทักษ์ของราชวงศ์เย่ เขาแข็งแกร่งเกินไป ผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยด้วยซ้ำ ครั้งนี้ผมประเมินศัตรูต่ำไป ผมท้าทายเขาโดยที่ไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาเลย ผมพลาดเอง”

หยางเฉินไม่ได้ปิดบังอะไร และพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา

ใช่ว่าเขาไว้ใจในซ่านกวนโหรว แต่เขาจงใจพูดเช่นนี้มากกว่า เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในราชวงศ์เย่นั้น ต่อให้เขาจะเก็บความลับได้เก่งแค่ไหน มันก็ไม่มีทางปิดข่าวนี้ได้แน่นอน

และด้วยอิทธิพลของราชวงศ์ซ่านกวนแล้ว พวกเขาต้องรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในวันนั้นแน่นอน

เพียงแต่พวกเขาอาจไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริงเท่านั้น และหากบ้านตระกูลหลี่กักตัวเพื่อนของหยางเฉินไว้ มันจึงจะเป็นที่สงสัยของผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ แน่นอน

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ หากหยางเฉินยิ่งเงียบ ยิ่งไม่ยอมรับความจริง มันจะยิ่งดูเหมือนไม่จริงใจมากเท่านั้น

และการที่เขาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา มันจะทำให้เหล่าตระกูลมหาเศรษฐีคิดว่านั่นเป็นกับดักของเขาเพื่อจะทดสอบบางตระกูล

เพราะหยางเฉินในตอนนี้มีตระกูลพันธมิตรมากมายแล้ว

ซ่านกวนโหรวจบอยู่กับความคิดของตนอยู่สักพัก แต่เธอเชื่อในคำพูดของหยางเฉิน และหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็มองไปที่หยางเฉินแล้วพูดด้วยสีหน้าซับซ้อนว่า “คุณหยางคะ คุณห้ามบอกคุณปู่ฉันนะว่าคุณสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปแล้ว ไม่สิ ไม่ใช่แค่คุณปู่ของฉัน ไม่ว่าจะเป็นใครในราชวงศ์ซ่านกวนคุณก็ห้ามบอกพวกเขาเช่นกัน”

“หืม?”

หยางเฉินแสร้งทำเป็นตกใจแล้วถามว่า “หรือว่าราชวงศ์ซ่านกวนก็จะเล่นงานผมด้วย?”

ซ่านกวนโหรวส่ายหัวและตอบอย่างเคร่งขรึม “พูดตามตรงนะ ฉันเดาใจคุณปู่ของฉันไม่ได้เลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้แกคิดอะไรอยู่”

“แต่สิ่งที่ฉันแน่ใจก็คือ ถ้าคุณสูญเสียคุณค่าของคุณ คุณก็จะสูญเสียความเป็นมิตรภาพกับราชวงศ์ซ่านกวนด้วยเช่นกัน ราชวงศ์ซ่านกวนจะรังแกคุณ เขาจะคิดหาวิธีต่างๆ ในการล้วงความลับจากคุณ”

หยางเฉินถึงกับตกใจที่ได้ยินซ่านกวนโหรวพูดเช่นนี้ เขาไม่คาดคิดเลยว่าซ่านกวนโหรวจะพูดเรื่องนี้กับเขา

หยางเฉินจึงถามขึ้นทันทีว่า “คุณ ทำไมต้องบอกเรื่องนี้กับผมด้วย?”

ซ่านกวนโหรวส่ายหัวด้วยสีหน้าขมขื่น “เป็นความคิดของฉันเองที่ให้ราชวงศ์สั่งให้พาคุณออกมาจากบ้านตระกูลหลี่ ฉันไม่อยากเป็นต้นเหตุที่จะทำให้คนมีพรสวรรค์อย่างคุณต้องสูญเสียความสามารถไป”

“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ฉันเชื่อในตัวคุณ! ต่อให้คุณต้องสูญเสียพลังไปหมด ฉันก็เชื่อว่ามันเป็นเรื่องชั่วคราวสำหรับคุณเท่านั้น ฉันเชื่อว่าวันหนึ่งคุณจะกลับไปยังจุดสูงสุดได้อีกครั้ง”