ตอนที่ 2865 ไร้ค่าใด!
เย่หยวนและหวังเหยียนนั้นกำลังพูดคุยกันอยู่แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของเฟิงเสี่ยวเถียนตะโกนขึ้นมา “พี่น้องทั้งหลายที่รู้วิชาค่ายกลเชิญมาทางกำแพงเมืองทิศใต้หน่อย!”
“ข้ารู้!”
“ข้าด้วย!”
“ท่านเจ้าเมืองต้องการเรา เราต้องรีบไปแล้ว!”
…
พริบตาเดียวนั้นมันก็มีคนที่รู้วิชาค่ายกลมากมายพุ่งตัวไปยังกำแพงเมืองทิศใต้อย่างต่อเนื่อง
เย่หยวนนั้นได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าระเบียบกองทัพในตอนนี้เอง
การได้รับใช้เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นมันถือเป็นเกียรติอย่างหนึ่งของคนเมืองนี้
“ข้าคงอยู่คุยกับเจ้าไม่ได้แล้ว ข้าเองก็เป็นจอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับห้าคนหนึ่งเหมือนกัน ท่านเจ้าเมืองเฟิงเรียกเช่นนี้ข้าคงมีแต่ต้องไปแล้ว!” พูดจบหวังเหยียนนั้นก็พุ่งตัวทิ้งเย่หยวนไปทันที
เดิมทีแล้วค่ายกลป้องกันเมืองเช่นนี้มันย่อมจะไม่ต้องใช้จอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับห้าเข้าไปช่วยเหลือใดๆ
แต่ตอนนี้เฟิงเสี่ยวเถียนเห็นชัดเจนว่ากำลังคนมันไม่พอ เย่หยวนเองก็ไม่ลังเลที่จะวิ่งตามหลังกลุ่มจอมเทพค่ายกลสวรรค์ทั้งหลายไป
“อ่าว น้องเย่เจ้าเองก็รู้วิชาค่ายกลหรือ?” หวังเหยียนถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเย่หยวนวิ่งตามหลังมา
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าพอรู้อยู่บ้าง”
หวังเหยียนนั้นพยักหน้ารับกล่าวตอบไป “อืม ในวินาทีคับขันเช่นนี้ใครที่มีอะไรก็ต้องมาช่วยเหลือกันเท่านั้นแล้ว หลังจบเรื่องตรงนี้แล้วเราไปนั่งดื่มกันหน่อย เจ้าอยากรู้อะไรถามข้าได้หมดเลย”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เช่นนั้นคงต้องรบกวนพี่หวังแล้ว”
ไม่นานจากนั้นจอมเทพค่ายกลสวรรค์นับพันๆ ก็ได้มาเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบที่กำแพงเมืองทางใต้มีทั้งระดับหกและระดับห้าผสมกันไป
ส่วนพวกจอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับเจ็ดและแปดนั้นต่างทำงานซ่อมแซมกำแพงเมืองอยู่ก่อนหน้าแล้ว
เฟิงเสี่ยวเถียนยกมือขึ้นคารวะคนทั้งหลายก่อนจะกล่าว “พี่น้องทั้งหลาย ทุกท่านเองก็คงเห็นว่ากำแพงเมืองของเรานั้นมันเสียหายอย่างหนักหนาแค่ไหนจนแทบไม่อาจใช้งานได้แล้ว เผ่าเลือดนั้นมันนับวันยิ่งโจมตีเราหนักหน่วงมากขึ้น ในเวลาอีกไม่ถึงสามวันนั้นมันคงจะเข้ามาบุกโจมตีเราอีกแน่ หากไม่มีค่ายกลป้องกันแล้วมันคงเป็นเรื่องยากที่จะป้องกันมหานครฉีใต้นี้ต่อไป เพราะฉะนั้นเฟิงคนนี้ถึงอยากให้ทุกคนช่วยเหลือในงานนี้ด้วย!”
เหล่าจอมเทพค่ายกลสวรรค์ทั้งหลายนั้นต่างพยักหน้ารับออกมา “ได้รับใช้ท่านเจ้าเมืองมันถึงเป็นเกียรติของเราแล้ว!”
เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นต้องกัดฟันแน่นด้วยดวงตาเศร้าโศกก่อนจะก้มหัวลงต่อหน้าจอมเทพค่ายกลสวรรค์ทั้งหลายนับพันนี้
พวกเขานั้นบ่มเพาะไปได้แค่ระดับห้าหรือหกเท่านั้น เพราะฉะนั้นการซ่อมแซมค่ายกลระดับนี้มันจึงเป็นงานที่เสี่ยงอันตรายมากๆ กับพวกเขาทั้งหลาย
พลาดไปเพียงนิดเดียวนั้นมันจะทำให้พวกเขาถูกคลื่นกำเนิดของค่ายกลดูดกลืนชีวิตไป
แต่เฟิงเสี่ยวเถียนเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น
เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ถึงอารมณ์ในทุกคำพูดของเขา!
เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นเรียกรวมตัวคนและคนนับพันนี้ก็มารวมตัวกันอย่างไม่มีใครลังเลแม้แต่น้อย
นี่มันคือเรื่องที่จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยในนิกายยาสุดล้ำ
เพราะนี่มันเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย!
“เฟิงผู้นี้…ต้องฝากทุกคนด้วยแล้ว!” เฟิงเสี่ยวเถียนกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่ติดขัด
“ท่านเจ้าเมืองเฟิงไม่ต้องกังวลไปหรอก นี่มันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว!” คนทั้งหลายตอบกลับไปเป็นเสียงเดียวกัน
เฟิงเสี่ยวเถียนคนนี้เป็นคนที่มากเสน่ห์น่าติดตามจริงๆ
ทุกการกระทำของเขานั้นมันทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกซาบซึ้งและนับถือ ที่สำคัญไปกว่านั้นเย่หยวนยังสัมผัสได้ว่าท่าทางของเฟิงเสี่ยวเถียนนั้นมันไม่ได้เป็นการเสแสร้งแต่เกิดขึ้นมาจากใจจริง
ไม่นานจากนั้นเหล่าจอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับเจ็ดก็ก้าวขึ้นมาและพาคนนับพันๆ นั้นไปลงหน้างาน
เพราะจุดที่จอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับห้าและหกช่วยซ่อมแซมได้นั้นมันมีไม่มาก แต่พวกเขานั้นมีความแข็งแกร่งที่จำนวนทำให้การซ่อมแซมมหาค่ายกลในภาพรวมนั้นรวดเร็วขึ้นไม่น้อย
“จอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับหกพาจอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับห้าสิบคนไปแยกเป็นหน่วย สิบจอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับหกตามข้าไปสู่จุดซ่อมแซมมหาค่ายกล สิ่งใดที่ข้าสั่งเจ้าก็ทำเสีย แต่อย่าได้ทำอะไรที่เกินเลยที่ข้าสั่ง เข้าใจหรือไม่?” จอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับเจ็ดคนหนึ่งเดินมาหยุดที่หน้าพวกเย่หยวนและพาคนทั้งร้อยสิบคนนั้นไป
กลุ่มอื่นๆ เองก็มีจอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับเจ็ดมาพาไปเช่นกัน
นี่มันคือการแบ่งหน่วยเพื่อลดจำนวนการสูญเสียให้ได้มากที่สุด
“ข้านั้นได้แบ่งค่ายกลสวรรค์ระดับเจ็ดไว้เป็นจุดแล้ว พวกเจ้าทั้งสิบเอ็ดหน่วยจงไปตามจุดนี้เสีย! จำไว้ว่าจงระวังให้มาก อย่าได้ทำความผิดพลาดแม้แต่นิด!”
จอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับหกคนหัวหน้าหน่วยของเย่หยวนกล่าวรับขึ้น “ขอรับท่านฉีลี่!”
คนผู้ตอบรับไปนั้นคือหลิวอี้ผู้มีวิชาค่ายกลเหนือล้ำไม่น้อยเช่นกัน
คำสั่งของฉีลี้ใดๆ นั้นเย่หยวนกลับไม่ได้คิดสนใจและหันหน้ามาศึกษาดูมหาค่ายกลที่สูงใหญ่เสียดฟ้านี้แทน!
เพราะเย่หยวนนั้นก็ได้บันทึกวิชาค่ายกลออกมาจากวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตเช่นกัน ทำให้เขานั้นมีความรู้เหนือล้ำแตกต่างจากคนทั้งหลายนี้อย่างสิ้นเชิง
มหาค่ายกลที่ป้องกันเมืองนี้มันแตกต่างจากมหาค่ายกลป้องกันทั่วๆ ไปมากเพราะว่ามันขึ้นไปถึงระดับต้นกำเนิดและอยู่ห่างจากมหาค่ายกลกำเนิดแท้ไปแค่ไม่มากเท่านั้น
นอกจากนั้นมันยังเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้ช่องว่าง มิใช่สิ่งที่จอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับเก้าทั่วๆ ไปจะทำได้เลย มันต้องเป็นงานที่เกิดจากความร่วมมือของจอมเทพค่ายกลสวรรค์นับไม่ถ้วนแน่นอน
มหาค่ายกลนี้มันเชื่อมต่อกับเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ด้วย ปิดช่องว่างใดๆ ไปสิ้นเชิง
หากเผ่าเลือดนั้นต้องการจะเจาะเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์พวกเขาก็ต้องผ่านมหานครฉีใต้นี้ไปให้ได้ก่อน
เพียงแค่ว่ามหานครฉีใต้นั้นเองก็ผ่านศึกมามากทำให้ตอนนี้มหาค่ายกลป้องกันนี้มันมีพลังและสภาพเหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบ
หลังจากศึกครั้งก่อนนั้นมันก็ยิ่งมีสภาพแย่ไปกว่านั้นอีก
แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเผ่าเลือดมันบุกโหดแค่ไหน
“อ้าก!”
ยังไม่ทันไรก็มีเสียงกรีดร้องหนึ่งดังขึ้นมาทำให้เย่หยวนสะดุ้งตัวตื่นทันที
จอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับห้าคนหนึ่งตายลงเพราะพลังของมหาค่ายกล…
แต่ว่าคนอื่นๆ กลับไม่คิดจะหันไปมองแม้แต่น้อย
มันมิใช่ว่าพวกเขานั้นชินชาอะไร แต่พวกเขานั้นต้องแข่งกับเวลา!
ในมหานครฉีใต้นี้มันมีคนตายกันมากมายเป็นเรื่องปกติ
อารมณ์ความเศร้านั้นมันไม่จำเป็นในสงคราม
หากมีคนตาย มันก็ต้องเก็บอารมณ์นั้นไว้ระบายใส่เผ่าเลือด!
การซ่อมแซมมหาค่ายกลนี้มันจะช่วยสังหารเผ่าเลือดได้มากขึ้น แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะใส่ใจกับเรื่องนี้เพื่อจะแก้แค้นให้ทุกคนได้!
“ไอ้หนู จะยืนหาอะไรอีก? ในมหานครฉีใต้นี้มันไม่มีเวลาให้เจ้ามาเสียใจหรอกนะ! รีบๆ ลงมือทำงานได้แล้ว!” หลิวอี้สั่งเย่หยวนขึ้นมา
เย่หยวนหันกลับไปมองและตอบ “ซ่อมเช่นนี้ต่อไปอย่าว่าแต่ห้าวัน ต่อให้จะห้าสิบวันมันก็คงไม่เสร็จได้แน่ๆ”
หลิวอี้ขมวดคิ้วแน่นได้แต่คิดในใจว่าไอ้เด็กนี่มันปากมากเสียจริง!
ผู้ใหญ่เขาก้มหน้าก้มตาทำงานกันแต่เจ้า จักรพรรดิเซียนกลับมาอวดอ้างตัวว่ารู้เหนือคนอื่นหรือ?
“เรื่องนั้นมันมิใช่เรื่องให้เจ้าต้องกังวล! เจ้าสนใจแค่ซ่อมไปก็พอ ไม่ต้องไปคิดเรื่องอื่นตอนนี้!”
แต่เย่หยวนนั้นกลับยังไม่คิดจะหยุดและตอบกลับไป “คนแค่พันกว่าคนนี้มันไม่พอจะทำอะไรได้เลย หลังจากคนทั้งหลายตายลงสิ้นแล้วมันก็คงไม่มีใครมาซ่อมแซมค่ายกลอีก แต่ถึงตอนนั้นค่ายกลนี้มันก็คงต้านการโจมตีไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว ทำเช่นนี้มันมีแต่จะเสียเวลาและชีวิตกันเปล่าๆ”
หลิวอี้ร้องลั่นตอบกลับไปอย่างไม่พอใจทันที “หึๆ เช่นนั้นเจ้าจะยืนรอความตายอย่างไม่ทำอะไรหรือ? ไอ้เด็กใหม่ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าจะเก่งมาจากไหนแต่ในมหานครฉีใต้นี้เจ้ามีหน้าที่แค่ต้องรับคำสั่ง! เจ้าจะทำหรือไม่? ไม่ทำก็ไสหัวกลับไปให้พ้นๆ หน้าข้าเสีย!”
เย่หยวนนั้นไม่ได้มีอารมณ์ไม่พอใจใดๆ และตอบกลับไปอย่างเรียบเฉย “ให้เวลาข้าชั่วโมงหนึ่ง ข้าจะซ่อมแซมค่ายกลฐานนี้ให้หมดเอง”
จุดที่เย่หยวนชี้ไปนั้นมันไม่ใช่แค่ของหน่วยพวกเขาสิบคนแต่เป็นของคนทั้งร้อยสิบคน
สิ่งที่ต้องใช้จอมเทพค่ายกลสวรรค์ร้อยสิบคนซ่อมแซมนั้นมันกินพื้นที่กว้างกว่าหมื่นกิโลเมตร
ต่อให้จะซ่อมอย่างไม่พักใดๆ แต่ชั่วโมงเดียวมันก็คงไม่อาจทำอะไรได้แม้แต่น้อย
เวลานี้เย่หยวนนั้นกลับมีหน้ามาบอกว่าจะซ่อมให้เสร็จในวันเดียว นี่มันเล่นตลกหรือไม่?
หลิวอี้หัวเราะลั่นขึ้นมา “ไอ้หนู ข้าว่าเจ้าไม่ได้มาเพื่อซ่อมแซมค่ายกลแต่มาเพื่อสร้างปัญหาใช่หรือไม่? ไสหัวไป! ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า!”
หวังเหยียนเองก็คิดว่าเย่หยวนโม้มากจนเกินไป
เจ้าคิดมามหานครฉีใต้นี้เพื่อโม้โดยเฉพาะอย่างนั้นหรือ?
แต่เจ้าก็น่าจะรู้ว่าที่นี่มันมิใช่ที่ที่จะโม้ได้ง่ายๆ นะ?
เพราะที่นี่คำสั่งคือที่สุด!
“เย่หยวน ที่นี่มิใช่นิกายยาสุดล้ำนะ! เจ้าต้องดูสภาพด้วยก่อนจะพูดอะไรออกมา” หวังเหยียนพยายามกล่าวขึ้นห้าม
เย่หยวนตอบกลับไปอย่างเหนื่อยใจ “ข้าไม่ได้โม้ มันทำได้หรือไม่นั้นรอแค่ชั่วโมงเดียวมันก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ? นอกจากนั้นข้ายังอยากจะให้รีบๆ หยุดใช้วิธีเช่นนี้ซ่อมแซมเสียที เพราะมันเสียชีวิตเปล่าๆ ไร้ค่าใด!”
“เฮอะ ไอ้หนู ช่างเป็นคำพูดที่สวยหรูจริงนะ! ให้คนเป็นพันหยุดงานชั่วโมงหนึ่งเจ้าคิดว่ามันจะทำให้การซ่อมแซมช้าลงแค่ไหน? เจ้ารับผิดชอบไหวหรือ?”
“ใช่ แม้แต่จอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับเก้าท่านจื่อหยางเองนั้นยังไม่อาจหาทางทำอะไรได้นอกจากทางนี้ เจ้าจะบอกว่าจักรพรรดิเซียนตัวน้อยอย่างเจ้านี้มีปัญญาเหนือเขา?”
“รีบๆ ไสหัวไปได้แล้ว หากยังมาทำให้คนเขาเสียเวลาเช่นนี้อีกเราจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”
…
เวลานี้มันมีเสียงด่าเย่หยวนดังขึ้นมารอบด้าน
…………