บทที่ 1492 เกือบสารภาพ

The king of War

ซ่านกวนฟู่พยักหน้า “อาจจะเป็นไปได้ ที่จะไม่มีออร่าวิถีบู๊ออกมาจากตัวของเขา แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าวิถีบู๊ของเขาจะถูกทำลายแล้วจริงๆ เพราะผู้แข็งแกร่งวิถีบู๊บางคน ก็สามารถปกปิดระดับบู๊ของตนเองได้”

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ กษัตริย์ซ่านกวนแอบตกใจเล็กน้อย แต่ตอนนี้เรื่องที่แน่ใจก็คือ หยางเฉินอาจจะแสดงละครอยู่ก็เป็นได้ อยากรู้เหมือนกันว่า ในตอนที่วิถีบู๊ของเขาหมด สุดท้ายแล้วจะมีสักกี่คนที่ยังจะยืนอยู่ข้างเขาอีก

กษัตริย์ซ่านกวนพูดขึ้นมาว่า “แผนของไอ้เด็กหนุ่มคนนี้ ซับซ้อนจริงๆ แม้แต่เสด็จอาท่านเองก็ถึงกับมองไม่ออก”

ซ่านกวนฟู่พูดว่า “ไม่ว่ายังไง ถ้ายังไม่มั่นใจว่าวิถีบู๊ของเขาถูกทำลายแล้วจริงๆ เราจะวู่วามและทำให้เขาไม่พอใจไม่ได้เด็ดขาด ถ้าวิถีบู๊ของเขายังเหลืออยู่ ก็จะกลายเป็นหายนะของกษัตริย์ซ่านกวน”

กษัตริย์ซ่านกวนพยักหน้า “อย่าเป็นกังวลไปเลยครับเสด็จอา ผมรู้ว่าต้องทำยังไงต่อ เมื่อกี้ผมได้ทำตามแผนที่วางไว้แล้วครับ เรื่องที่ให้ซ่านกวนโหรวแต่งงานกับตระกูลหลี่ และบอกไปว่าที่ซ่านกวนโหรวทำเพื่อเขา ขอแค่เขายังมีวิถีบู๊เหลืออยู่ รับรองว่าต้องยื่นมือเข้ามาขัดขวางอย่างแน่นอนครับ”

ถ้าหยางเฉินรู้เรื่องที่ทั้งสองคนคุยกัน เขาต้องตกใจและไม่มีทางปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นต่อไปได้อย่างแน่ ดังนั้นเขาต้องเปิดเผยเรื่องวิถีบู๊ที่หมดแล้วของตัวเองออกมา

ในตอนนั้นเอง เขาก็เข้าไปในคฤหาสน์สุดหรูของราชวงศ์ กับพ่อบ้านจาง

“คุณหยางครับ ต่อไปคุณจะต้องพักอยู่ตรงนี้สักพัก พวกนางจะคอยบริการคุณ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติม สั่งมาได้เลยนะครับ”

สาวสวยสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ พ่อบ้านจาง เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อบ้านจาง ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “คุณหยางสวัสดีค่ะ!”

หยางเฉินขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ผมไม่ต้องการให้คนมาบริการ ให้พวกนางออกไปเถอะครับ!”

พ่อบ้านจางลังเลเล็กน้อย ดูๆ แล้วผู้หญิงสองคนนี้อายุยังน้อย แต่ที่จริงแล้วคือวิถีบู๊ฝีมือดี ที่ถูกเขาส่งมาอยู่ใกล้ๆ หยางเฉิน ในขณะที่รับใช้หยางเฉิน และยังสามารถสังเกตการณ์กระทำทุกฝีก้าวของหยางเฉินได้อีกด้วย

“ทำไมเหรอครับ? ผมก็อยู่ในราชวงศ์ซ่านกวน จะไม่ให้ผมมีอิสระหน่อยเหรอครับ? ต่อให้ผมไม่ต้องการคนรับใช้ ก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะครับ?” หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

พ่อบ้านจางถึงกับตัวสั่นและพูดด้วยท่าทางที่หวาดกลัวว่า “ฝ่าบาทบอกว่า ต้องต้อนรับท่านเหมือนกับต้อนรับราชวงศ์ซ่านกวนสูงสุด ในเมื่อคุณหยางพูดขนาดนี้แล้ว อย่างนั้นผมจะรีบพาพวกนางออกไปเองครับ”

ทันทีที่พูดจบ พ่อบ้านจางก็รีบพาผู้หญิงทั้งสองคนออกไปอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่พวกเขาออกไป สีหน้าของหยางเฉินดูเป็นกังวลขึ้นมาทันที เขาจะไม่รู้ได้ไงว่า ที่พ่อบ้านจางพาผู้หญิงสองคนนั้นมาเมื่อกี้ เพื่อมาจับตาดูเขา

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ราชวงศ์ซ่านกวนก็ไม่ใช่ที่ปลอดภัย นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าก่อนที่เขาจะมาราชวงศ์ซ่านกวน เขาให้ตระกูลหลี่รอจนอ้ายหลินตื่นขึ้นมา และส่งเธอกลับไปที่เมืองเยี่ยนตู

เขาได้วางแผนเรื่องทั้งหมดไว้แล้ว ขอแค่อ้ายหลินกลับไปที่เมืองเยี่ยนตู ก็จะมีคนพาเธอไปในที่ที่ปลอดภัย

แต่ทว่า ตอนนี้ไม่รู้ว่าเฝิงเสียวหว่านกับเสี่ยวจิ้งอันหายตัวไปอยู่ไหน

จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวอะไรเลย ก็ถือว่าเป็นข่าวดีอย่างหนึ่ง หรือบางทีก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเฝิงเสียวหว่านพาเสี่ยวจิ้งอันออกจากเมืองราชวงศ์ซ่านกวนไปแล้ว

ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น และมีเสียงของซ่านกวนโหรวดังมาจากข้างนอกห้อง “คุณหยางคะ ฉันขอเข้าไปได้ไหมคะ?”

หยางเฉินพูดว่า “ประตูไม่ได้ล็อกไว้ เข้ามาได้เลยครับ!”

สักพัก ซ่านกวนโหรวก็เดินเข้ามาข้างหน้าของหยางเฉิน พร้อมกับยิ้มและพูดว่า “คุณชาย ฉันไม่ได้มารบกวนคุณใช่ไหม?”

หยางเฉินส่ายหัวไปมาพร้อมกับมองไปที่ซ่านกวนโหรวและถามว่า “เธอจะแต่งงานกับตระกูลหลี่งั้นเหรอ?”

ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ ซ่านกวนโหรวก็ดูหงุดหงิดขึ้นมาทันที แต่สักพักเธอก็เก็บอาการลงพร้อมกับยิ้มและพูดว่า “คุณรู้แล้วเหรอคะ!”

ซ่านกวนโหรวไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามอง เหมือนกับเด็กที่ทำเรื่องผิดมา

เมื่อเห็นซ่านกวนโหรวเป็นอย่างนั้น หยางเฉินก็รู้ขึ้นมาทันที แม้ว่ากษัตริย์ซ่านกวนจะไม่ได้พูดเรื่องจริงทั้งหมดออกมา แต่เรื่องที่ซ่านกวนโหรวไม่อยากแต่งงานกับตระกูลหลี่เป็นเรื่องจริง

“กษัตริย์ซ่านกวนบอกว่า ที่คุณรับปากไปว่าจะแต่งงานกับตระกูลหลี่ ก็เพื่อช่วยผมออกมาจากตระกูลหลี่ใช่ไหมครับ” หยางเฉินถาม

ซ่านกวนโหรวรู้ทันทีว่ากษัตริย์ซ่านกวนต้องเป็นคนบอกให้หยางเฉิน

เธอก็ไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง แต่ด้วยสายตาที่ลังเลของเธอ ทำให้หยางเฉินมั่นใจว่า ซ่านกวนโหรวยอมแต่งงานกับตระกูลหลี่ที่ทำไปก็เพราะเขา

ผ่านไปสักพัก จนซ่านกวนโหรวพูดขึ้นมาว่า “จริงๆ แล้ว มันไม่สำคัญหรอกค่ะว่าจะแต่งกับใคร ในเมื่อฉันเป็นคนของราชวงศ์ซ่านกวน จึงไม่มีสิทธิ์ในเรื่องการแต่งงานอยู่แล้ว อยากจะแต่งกับคนที่รัก ก็ทำไม่ได้อยู่แล้วค่ะ”

หลังจากพูดจบ เธอก็มองไปที่หยางเฉิน ราวกับว่าเธออยากเห็นอะไรบางอย่างจากใบหน้าของหยางเฉิน

และเห็นหยางเฉินขมวดคิ้วขึ้นมา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ในหัวของซ่านกวนโหรวถึงมีแต่ภาพของหยางเฉิน

เธอไม่เคยคิดว่าเธอจะตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่ง เพราะเธอรู้ตั้งแต่เด็กแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงของราชวงศ์ และในชาตินี้เธอจะไม่มีวันได้แต่งงานกับคนที่เธอรักแน่นอน

ฉะนั้น เธอจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจในการฝึกฝนวิถีบู๊และไฝ่หาความรู้ตั้งแต่เด็ก เพื่อพัฒนาตัวเองให้เก่งที่สุด และเพื่อราชวงศ์จะได้เห็นคุณค่าในตัวเธอ เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เธอถึงจะมีโอกาสในการปฏิเสธการแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบได้

ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องที่จะแต่งงานเลย และไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้เธอหวั่นไหวได้มาก่อน

จนกระทั่งเธอได้เจอกับหยางเฉิน ตอนแรกเธอก็เห็นแค่ว่าหยางเฉินนั้นเป็นแค่คนแข็งแกร่งคนหนึ่ง และที่เข้าหาหยางเฉินก็เพื่อหาเพื่อนที่แข็งแกร่งให้กับราชวงศ์ซ่านกวน

แต่ต่อมา การที่ได้อยู่ใกล้หยางเฉินบ่อยๆ เธอค่อยๆ เห็นว่าผู้ชายคนนี้ ไม่เหมือนกับผู้ชายทั่วๆ ไป จึงยอมสละแม้แต่ชีวิตตัวเองเพื่อคนที่เขารัก

ไม่เพียงเท่านั้น หยางเฉินนั้นยังแข็งแกร่งมาก แถมสามารถทะลวงเข้าไปในแดนเหนือมนุษย์ได้ตั้งแต่ตอนอายุยังน้อยขนาดนี้ พร้อมกับความสามารถอีกมากมาย

เธอค่อยๆ ตกหลุมรักตัวของหยางเฉิน แต่ตลอดที่ผ่านมาเธอได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ และรู้ว่าถึงเธอจะบอกความในใจกับหยางเฉินออกไป หยางเฉินก็ไม่มีทางรับรักเธออยู่ดี

เพราะเธอรู้ว่า ใจของหยางเฉินนั้นแคบมาก แคบจนไม่สามารถให้ผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปอยู่ได้

เธออิจฉาฉินซีมาก บางครั้งก็เคยคิดว่า ถ้าเธอเกิดมาในตระกูลธรรมดาๆ และเธอเป็นฉินซีก็คงดี

หลังจากนั้น หยางเฉินเงยหน้ามามองซ่านกวนโหรว พร้อมกับพูดว่า “ขอโทษนะครับ ที่ผมทำให้คุณเหนื่อย ตอนนี้ผมก็เป็นแค่คนธรรมดา ถึงอยากจะช่วยคุณมากขนาดไหน ก็ไม่ไหวอยู่ดี”

ซ่านกวนโหรวไม่แปลกใจเลย เธอเชื่อว่าวิถีบู๊ของหยางเฉินนั้นถูกทำลายแล้ว เธอยิ้มพร้อมกับส่ายหัวไปมาแล้วพูดว่า “ถ้าวิถีบู๊ของคุณฟื้นกลับมา ก่อนที่ฉันจะแต่งงานกับตระกูลหลี่ คุณจะขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้ไหมคะ?”

หยางเฉินอึ้งไปสักพัก เมื่อเห็นสายตาของซ่านกวนโหรว เขาก็พยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ทำ!”

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ ใบหน้าของซ่านกวนโหรวก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และพูดว่า “แค่คำพูดนี้ของคุณ มันก็มากพอแล้วค่ะ! หยางเฉิน ขอบคุณ คุณมากๆ ที่ทำให้ฉันเจอคุณนะคะ!”