ปริภูมิโยกย้าย?

ฉีเตียหลงตกตะลึงจนหน้าถอดสี เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเมื่อครู่ฝ่ายตรงข้ามใช้กฎปริภูมิ โยกย้ายการโจมตีของตัวเอง และภายใต้การไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ฉีชวงชวงไม่มีเวลาทำการป้องกันเลยด้วยซ้ำ ยิ่งกว่านั้นคือนางกระตุ้นฮู้ไม่ได้เลยด้วย

ออร่าความตายที่น่าสยดสยองได้แผ่คลุมฉีชวงชวงเอาไว้ และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือนางรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองไม่สามารถขยับได้เลย ทำได้เพียงมองดูหอกยุทธ์สีดำที่ทิ่มตรงเข้ามากลางหว่างคิ้วตรงหน้าด้วยความหวาดกลัวอย่างยิ่ง

ฟึ่บ!

ไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันใด ๆ เกิดขึ้น หอกนี้ของหลัวซิวทะลวงกะโหลกของฉีชวงชวงภายในชั่วพริบตาเดียว ถึงแม้นางจะเป็นผู้หญิงที่งดงามเย้ายวนคนหนึ่ง ทว่ากลับไม่คุ้มแก่การให้เขาทะนุถนอมอย่างอ่อนโยน

ฉีชวงชวงผู้นี้คือบุตรสาวของเจ้าบ้านตระกูลฉีคนปัจจุบัน บนตัวมีสมบัติคุ้มกันชีวิตดี ๆ ไม่น้อยเลย ทว่ากลับถูกหลัวซิวโจมตีโดยไม่ทันได้ตั้งตัว สังหารภายในวินาทีเดียว

สาเหตุที่ทำเช่นนี้นั้นกลับเป็นเพราะหลัวซิวไม่อยากทำผิดซ้ำซาก ไม่ปล่อยให้ไปตรงข้ามมีโอกาสใช้ยันต์ทะลุฟ้าหลบหนีไปอีกครั้ง

กวัดแกว่งหอกยุทธ์มังกรดำที่อยู่ในมือเร็ว ๆ จนเกิดเป็นเงาลวง คราบเลือดก้อนหนึ่งถูกสะบัดออกไป หลัวซิวโบกมือเก็บแหวนเก็บของของฉีชวงชวงมาด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง

ใบหน้าของฉีเตียหลงเปี่ยมล้นไปด้วยความช็อก ทว่าสิ่งที่มีมากกว่าคือความหวาดกลัว วินาทีนี้เขาถึงจะเข้าใจว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังหยอกเล่นกับตนเองอยู่ในเงื้อมมือชัด ๆ

“ผู้หญิงที่เจ้าอยากพาขึ้นเตียงด้วยถูกข้าฆ่าไปแล้ว ตอนนี้ก็ถึงตาเจ้าแล้วล่ะ”หลัวซิวหันหน้ากลับไปมองฉีเตียหลง สีหน้าดูไม่มีพิษภัยใด ๆ

“เจ้า……”

ฉีเตียหลงถอยหลังกลับไปโดยสัญชาตญาณ ทว่าเขาก็กัดฟันแน่นอย่างรวดเร็ว แสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด: “เจ้าก็แค่อาศัยความลึกลับและมหัศจรรย์ของกฎปริภูมิทำการจู่โจม ถึงสังหารฉีชวงชวงไปได้เท่านั้นแหละ เจ้ากลัวว่าข้าจะร่วมมือกับนาง ดังนั้นจึงเปิดฉากสังหารนางก่อน แสดงให้เห็นว่าศักยภาพของเจ้าไม่ได้แข็งแกร่งมากขนาดนั้น!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวจึงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางพูดว่า “เจ้าพูดได้มีเหตุผลมาก ๆ ทำเอาข้าไร้คำพูดไร้คำตอบเลย”

อารมณ์บนใบหน้าเรียบนิ่งมาก ๆ ยิ่งกว่านั้นคือเหมือนเขากำลังพูดคุยกับเพื่อนคนหนึ่งยังไงอย่างนั้น ทว่ากิริยาท่าทางในมือของหลัวซิวกลับไม่ช้าเลย จิตสังหารที่แข็งแกร่งซัดสาด ผนึกร่างฉีเตียหลงเอาไว้แน่น ๆ

“ดาบเงาสายฟ้า!”

ฉีเตียหลงตะคอกเสียงดังลั่น มีแสงดาบแสงหนึ่งผ่าเฉือนออกมาจากหว่างคิ้วของเขา แสงอัสนีระเบิดแตก ความเร็วในการเคลื่อนที่รวดเร็วอย่างมาก มาถึงตรงหน้าหลัวซิวภายในเวลาชั่วพริบตา

วิกฤตการณ์หนึ่งทำให้หลัวซิวรู้สึกปวดไปทั่วทั้งร่างกาย เขากระตุ้นชุดรบมกุฎเทพโดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย เพื่อคุ้มกันทั่วทั้งร่างตน

ตั่ง!

แสงดาบที่เหมือนดังเงาลวงหนึ่งเล่มผ่าลงบนร่างกายเขา จนสะเก็ดไฟกระเด็นไปทั่วทุกสารทิศ

“ชุดรบมกุฎเทพของตระกูลจู้? เหตุใดมันถึงอยู่บนตัวเจ้าได้?”

ต่างก็มาจากตระกูลมกุฎเทพในโลกะอัมพรเทวเหมือนกัน ฉีเตียหลงต้องไม่มีทางไม่คุ้นเคยต่อชุดรบมกุฎเทพชุดนี้อยู่แล้ว

แต่ทว่าหลัวซิวเบื่อที่จะตอบกลับคำถามเขา ดาบเงาสายฟ้าที่ฝ่ายตรงข้ามเรียกใช้เมื่อครู่นี้ก็เป็นศัตราวุธราชาเช่นกัน หากไม่มีการคุ้มกันจากชุดรบมกุฎเทพ แค่อาศัยร่างยุทธ์ร่างเนื้อเขาต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน

แม้เขาจะไม่เกรงกลัวบาดแผล แต่ในเมื่อสามารถไม่ได้รับบาดเจ็บละก็ เขาถึงกับต้องจงใจไปรับดาบนั้นเชียวหรือ?

เมื่อเห็นว่าแม้แต่การโจมตีของดาบเงาสายฟ้าก็ยังไร้ประโยชน์ ฉีเตียหลงก็หวาดกลัวขึ้นมาแล้วจริง ๆ รีบเรียกดาบเงาสายฟ้ากลับมา หันหลังและเตรียมพร้อมที่จะบินหนี

ทว่าในเวลานี้เองปริภูมิบริเวณรอบ ๆ ก็เริ่มแข็งตัว ซึ่งนี่คือพันธนาการที่ผนึกรวมขึ้นมาโดยกฎปริภูมิ ผนึกทางหนีทีไล่ทั้งหมดเอาไว้

“ทลาย!”

ฟันดาบเงาสายฟ้าออกไป ก็สามารถฉีกกระชากปริภูมิได้อย่างง่ายดายแล้ว ฉีเตียหลงเร่งความเร็วถึงขีดสุดแล้วพุ่งทะยานขึ้นฟ้า

กฎที่เขาฝึกคือกฎลมอัสนี จึงเชี่ยวชาญวิชาหนีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สามารถบินออกไปไกลเป็นพันไมล์ได้ภายในชั่วพริบตาเดียว

แต่ทว่าจู่ ๆ ฉีเตียหลงกลับรู้สึกว่าความเร็วของตัวเองไม่ได้เร็วอย่างที่จินตนาการเอาไว้ ยิ่งกว่านั้นคือมันช้ากว่าความเร็วปกติหลายเท่าตัวมาก