WSSTH ตอนที่ 3,341 : 3 จักรพรรดิอมตะสมญานาม ใต้บังคับบัญชาจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน
ดูเหมือนจะเสียเวลามากเกินไป…กระทั่งกําลังเสริมจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ที่โหยวเฟิงอวี้เรียกมา ก็มาถึงแล้ว”
เมื่อเห็นการมาของจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า ที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงปัญหาดังกล่าว
วูบ!
อย่างไรก็ตามขณะที่สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นตึงเครียด หลังเห็นจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าปรากฏตัวต่อหน้า ร่างปานภูตผีหนึ่งก็วูบมาปรากฏตัวลอยขวางเบื้องหน้าเขาเอาไว้
พอเห็นแผ่นหลังเบื้องหน้าชัดตา เขาก็อดอุทานออกไปไม่ได้ “ศิษย์พี่หญิงใหญ่?”
ต้วนหลิงเทียนย่อมงุนงงอยู่บ้าง ด้วยไม่เข้าใจว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่สมควรประมือกับเหลยอิงอยู่ ไฉนมาผุดโผล่เบื้องหน้าเขา เพื่อเตรียมรับมือจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าได้?
อย่างไรก็ตาม ครูต่อมาเขาก็ตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ปงงง!!
“อั๊ค-!!”
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นจากด้านหลัง จากนั้นยังมีเสียงคนกระอักเลือดแผ่วเบาให้ได้ยิน
เป็นจักรพรรดิอมตะไว้ใจเหลยอิง ที่อยู่ๆก็โดนร่างแยกแห่งความตายของฉือหย่าชีปะทุพลังกล้าแข็งขึ้นจากเดิมหลายส่วน ซัดจนปลิดปลิวละลิ่วข้ามฟ้า พลังอัสนีทั่วร่างยังถูกพลังแห่งความตายกลืนกินทําลาย เลือดกระอักออกเป็นสาย เห็นชัดว่าได้รับบาดเจ็บหนักไม่น้อย
“เจ้า….ตอนแรกเป็นเจ้าซุกซ่อนพลังเอาไว้!?”
เหลยอิงที่ถูกซัดละคิ้วปลิวข้ามฟ้า สีหน้าเปลี่ยนไปใหญ่หลวง มองไปยังร่างฉือหย่าชีอีกครั้ง สองตานางยังเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวทั้งอิจฉาออกมาอย่างยากจะปกปิด
ร่างจริงของฉือหย่าซียังไม่ได้ลงมือเคลื่อนไหวอะไรแท้ๆ แต่อาศัยร่างแยกของกฎแห่งความตายก็เอาชนะนางได้แล้ว
หากร่างแยกแห่งความตายกับร่างจริงรวมเป็นหนึ่ง ความแข็งแกร่งของฉือหย่าชีก็ต้องยกกระดับเพิ่มขึ้นอีกขั้นอย่างไม่ต้องสงสัย และนี่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ใช้กฏแห่งความตายทุกคน
“ไปเถอะ”
ร่างจริงฉือหย่าชีที่หยุดขวางเบื้องหน้าจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าเอ่ยขึ้นลอยๆเสียงเย็น
คําพูดของนาง แน่นอนว่ากล่าวกับต้วนหลิงเทียน
“คิดไป?”
มุมปากจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่ายกยิ้มแสยะดูเบา และแทบจะทันทีที่สิ้นคํากล่าวเยย้เยยาะของมันก็ปรากฏเสียงหวีดหวิวฝ่าสายลมตั้งขึ้นสองครั้งติด
ฟุบ! ฟุบ!
พริบตาต่อมา ข้างกายจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าก็ปรากฏร่างคนขึ้น 2 คน เป็นชายวัยกลางคนที่ทั่วร่างมีเปลวเพลิงลุกโชนคนหนึ่ง กับหญิงชราร่างกายผ่ายผอมในชุดดําที่ถือไม้เท้าในมือ
ชายวัยกลางคนร่างหนาคนนี้ เพียงดูก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญกฏแห่งไฟ ส่วนหญิงชราร่างผอมชุดดํานั้น ผิวเผินไม่ต่างอะไรกับยายเฒ่าไร้แรงเดิน แต่หากมองสบตานาง จะพบว่าในแววตานางกลับเสมือนห้วงลึกอันไร้ก้นบึ้ง!
“จักรพรรดิอมตะผลาญเผา จักรพรรดิอมตะไม้เท้าวารี”
เมื่อเห็นร่าง 2 ที่ทยอยกันปรากฏตัวออกมา ฉือหย่าซีก็กล่าวพึมพําออกมาเบาๆ สองตาดั่งสารทฤดูหดเล็กลงทันที
ฟุบ!
ต่อมาจักรพรรดิอมตะเหลยอิงที่พึ่งรับประทานโอสถอมตะและเดินพลังรักษาตัวไปรอบหนึ่ง ก็เห็นร่างมาหยุดขวางเบื้องหน้าฉือหย่าซีอีกคน ยังมองถามฉือหย่าชีด้วยสีหน้าถือไพ่เหนือกว่า “ฉือหย่าชี อย่าได้พยายามให้เปล่าประโยชน์เลย..หรือเจ้าคิดว่าอาศัยเจ้าเพียงลําพังจักรับมือพวกเรา 4 คนได้จริงๆ?”
ทั้ง 3 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่พึ่งปรากฏตัวออกมา ไม่ว่าใครพลังฝีมือก็ไม่ได้ด้อยกว่าเหลยอิงทั้งนั้น
และจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 ก็เป็นคนของจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน!
“เจ้าน่ะหรือคือฉือหย่าชี? อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์วังเทียนฉือ อายุได้พันปีที่กลายเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว?”
ชายวัยกลางคนร่างหนา จักรพรรดิอมตะผลาญเผา มองถามฉือหย่าชีเสียงดังโผงผางพลางยิ้ม “น่าเสียดาย แต่หากพวกเรา 3 คนร่วมมือกัน อย่าว่าแต่เจ้า…ต่อให้เป็นจ้าววังเทียนฉือของเจ้าก็มิใช่คู่มือของพวกเรา”
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจ้าววังจะขอความช่วยเหลือจากพวกเจ้า”
สองตาฉือหย่าชีทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง พอกล่าวออกอีกครั้งน้ำเสียงก็ฟังดูจริงจังนัก สีหน้าไม่อาจเฉยเมยไร้แยแสเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าคนเดียวอีกต่อไป
ก่อนหน้านั้น ตอนเผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า ฉือหย่าซีเสมือนไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา สีหน้าท่าที่ยังเฉยๆสบายๆ
เห็นได้ชัดว่าไม่มีความยําเกรงใดๆต่อตัวจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่ได้กลัวจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าจะร่วมมือกับเหลยอิงด้วยซ้ำ
“เช่นนั้นก็ให้ข้าชมดูหน่อยเถอะ ว่าอาวุโสทั้ง 3 ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในอู๋หยาเทียนมานานปี ที่แท้จะร้ายกาจขนาดไหน”
พอเสียงฉือหย่าขีดังจบคํา ร่างแยกแห่งความตายที่ซัดเหลยอิงจนปลิวก่อนหน้า ก็วูบหายเข้าไปในร่างนางปานภูตผี ขณะเดียวกัน กลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างนาง ก็ทวีความเข้มแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ไอพลังแห่งความตายที่พวยพุ่งออกมาจากร่างนางยามนี้ ประหนึ่งเงาร่างภูตผีตัวเขื่องที่ปกคลุมร่างนางเอาไว้ก็ไม่ปาน
และฟังจากวาจาของฉือหย่า ดูเหมือนว่านางคิดจะต้านทานรับมือจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 เพียงลําพังจริงๆ!
“สาวน้อย เจ้าจักไม่ยโสเกินไปหน่อยหรือ?”
หญิงชราร่างผอมชุดดําที่ถือไม้เท้า จักรพรรดิอมตะไม้เท้าวารี พอได้ยินวาจาดังกล่าวของฉือหย่าชี สีหน้าของนางก็มืดลงไม่น้อย จากนั้นทั่วร่างผ่ายผอมราวยายเฒ่าไร้เรี่ยวแรงก็ปรากฏไอพลังสีฟ้าสาดแสงสดใสนวลตา
เห็นได้ชัดว่าจักกรพรรดิอมตะไม้เท้าวารี เชี่ยวชาญกฎแห่งน้ำ
“หึ!”
ในเวลาเดียวกันไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า หรือจักรพรรดิอมตะผลาญเผาเห็นได้ชัดว่าไม่สบอารมณ์วาจาผยองของฉือหย่าซีเมื่อครู่อยู่บ้าง แต่ละคนพ่นลมขึ้นจมูกเสียงเย็น สีหน้ากลายเป็นดุร้ายเอาเรื่อง
ซู่มมม!!
วู้มมม!
ทันใดนั้นเอง เป็นจักรพรรดิอมตะผลาญเผาปะทุพลังลงมือก่อนใคร เพลิงพลังพวยพุ่งออกมาจากร่าง เสมือนคนกลายเป็นเทพสงครามอัคคี ในมือไม่ทราบปรากฏหอกยาวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เพลิงพลังโดยรอบรวมรั้งลงสู่ตัวหอก เสือกแทงเข้าใส่ฉือหย่าซีดื้อๆ
เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!
จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าเองก็ไม่อยู่เฉย คนใช้เคลื่อนมิติวูบร่างไปหยุดในมุมอับสายตาฉือหย่าชี จากนั้นทิศทางตรงข้ามกลับปรากฏรอยแยกมิติ 9 รอยกลางหาว อุบัติคมมีดมิตาสีเทาพวยพุ่งออกมาฉับไว! เป็นการส่งเสียงบูรพาตีฝาประจิมที่น่าดูชมนัก!!
เวิงงง!!
ครืนนนน!!
ด้านจักรพรรดิอมตะไม้เท้าวารี หมุนควงไม้เท้าไม่กี่รอบ ทันใดนั้นอากาศธาตุเบื้องหน้านาง ก็อุบัติมวลน้ำมหาศาล ก่อนจะโถมกันเข้าใส่ฉือหย่าซีดั่งคลื่นสมุทรระลอกแล้วระลอกเล่า
ในเวลาเสี้ยวพริบตา จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 ก็ลงมือออกมาแล้ว กระบวนพลัง 3 สายซัดถล่มเข้าใส่ถือหย่าชื่อย่างพร้อมเพรียง!
ฟุ่บบ!
เผชิญหน้ากับการจู่โจมจากจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 พร้อมกัน คือหย่าขีย่อมไม่ลําพองคิดต้านรับอย่างโง่งม พลังสีมีดระเบิดขึ้นทั่วร่าง คนพุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วปานภูตผี หลีกหลบกระบวนท่าของ 3 จักรพรรดิอมตะสมญานาม!
ทว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 จากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนไหนเลยจะง่ายดาย? ทันทีที่ฉือหย่าซีเลือกจะวูบร่างหลบหนีขึ้นฟ้า กระบวนท่าที่แต่ละคนชัดมา คล้ายมีดวงตางอกเงย ต่างพากันหักเหเปลี่ยนทิศทาง พุ่งขึ้นฟ้าติดตามฉือหย่าไปดั่งเงาตามตัว
วูบ!
ฉือหย่าซีเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วเบาๆ ทั่วร่างปะทุพลังแห่งความตายขุมหนึ่ง ก่อนร่างแยกแห่งความตายจะปรากฏขึ้น จากนั้นก็แยกห่างจากร่างจริงฉือหย่าชี ล่อพลัง 3 สายที่ถล่มเข้าใส่ไปอีกทาง
อย่างไรก็ตามในขณะที่ร่างแยกล่อพลัง 3 สา ร่างจริงฉือหย่าชีก็ไม่ได้อยู่เฉย คนพุ่งข้ามฟ้ามาฉับไว เหลือไว้แค่ภาพติดตาในอากาศ
จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าที่เชี่ยวชาญกฏมิติ พอเห็นฉือหย่าชีปะทุพลังวูบร่างงี้เข้าใส่ตัวมันด้วยความเร็วสูง สีหน้าของมันก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง เร่งใช้พลังของกฏมิติเต็มกําลัง สร้างห้วงมิติกักกันฉ้อหย่าชีเอาไว้ในพริบตา
“พัง!”
อย่างไรก็ตาม ในมือฉือหย่าซีพลันปรากฎกระบี่สีเขียว 3 ฉือที่เรืองรองไปด้วยแสงพลังสีดําเล่มหนึ่ง เพียงนางจ้วงกระบี่แทงออกไปเบื้องหน้า กรงมิติของจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าก็เสมือนฟองอากาศเปราะบาง แตกสลายลงในพริบตา!
“นั่นมัน…”
ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นว่ากระบี่สีเขียว 3 ผื่อที่ฉือหย่าซีใช้อยู่ ปรากฏเงาร่างสิ่งมีชีวิตสีดําบางอย่างคล้ายอสรพิษเสื้อยลดบริเวนด้ามกระบี่ รัดพันมือถือหย่าเอาไว้
“วิญญาณสถิตย์ศาสตรางั้นรึ?”
ในฐานะผู้ที่เคยครอบครองเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ และมีจิตวิญญาณสถิตย์ศาสตราอย่างผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่านั่นเป็นจิตวิญญาณสถิตย์ศาสตราของกระบีในมือฉือหย่าซี
เห็นได้ชัดว่ากระบื่อมตะระดับจักรพรรดิเล่มนี้ เป็นยอดกระบี่ในบรรดายอดกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิด้วยกัน การที่มันมีจิตวิญญาณสถิตย์ศาสตราเช่นนี้ ทําให้พลังอานุภาพของมันไล่ๆกับอุปกรณ์เทพระดับต่ำเลย!
“เจ้าจะมัวยืนโง่ทําอันใด? ยังไม่รีบหนีไปอีก!?”
ทันใดนั้นเองเสียงผ่านพลังของฉือหย่าชีก็ส่งตรงถึงหูต้วนหลิงเทียงดังลั่น กระตุ้นเตือนให้เร่งรุดหลบหนี
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่”
เห็นสตรีร่างบางไกลตาที่ยืนหยัดรับมือต้านทานจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 เพียงลําพัง แต่ยังมิวายหันมากล่าวเตือนตัวเองให้หลบหนีจากไป ใจต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความซาบซึ้งนัก พอดึงสติกลับมาได้ ร่างสะท้านไปเบาๆพลังมิติพุ่งพล่าน เตรียมเคลื่อนร่างหลบหนีทันที
ถึงแม้ศิษย์พี่หญิงใหญ่จะแลดูหาญกล้าไม่หวั่นไหว
แต่ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะบอกไม่ได้ ว่าหากนางต้องปะทะหักหาญกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 จริงๆ นางไหนเลยจะเป็นคู่มือของทั้ง 3
“คิดไปงั้นรึ!?”
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนเผยท่าทีจะจากไปพร้อมเหลียนชิว เหลยอิงที่ชมดูเรื่องราวอยู่แต่แรก ก็ปะทุพลังที่พึ่งฟื้นออกมาใช้เกือบหมด คนคล้ายอัสนีวาบฟ้าสายหนึ่ง จี้เข้ามาหมายขัดขวางต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วอัศจรรย์!
“อาวุโสเหลียนชิว อาการบาดเจ็บของนางยังเหลือไม่น้อย ท่านกับข้าพวกเรามาร่วมมือกันเล่นงานนางเถอะ!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวชวนเหลียนชิว จากนั้นก็เร่งเร้าพลังใช้ออกด้วยร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิว จากนั้นก็พุ่งส่วนเข้าใส่เหลยอิงอย่างไม่หวั่นเกรง
ชิ้ง! ชิ้ง ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
และแทบจะพร้อมๆกันกับที่ได้ยินเสียงต้วนหลิงเทียน ด้านเหลียนชิวก็ควบแน่นพลังสร้างกระบี่พลังชุดหนึ่งขึ้นมาม้วนวนรอบกายเร่งเร้าสภาพวะก่อน จะจี้มือควบคุมกระบี่พลังให้พุ่งเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่เหลยอิงทันที!
กระบี่พลังชุดนี้เดิมทีก็เรียงรายกันเข่นฆ่าเข้าใส่เหลยอิง แต่พอลุถึงกลางทาง กระบี่พลังแต่ละเล่มก็พร่ามัวดั่งเงาเลือน ก่อนจะแตกตัวออกฉับไว กลับกลาเป็นห่าพิรุณกระบีพลังห่าหนึ่ง ถล่มเข้าใส่เหลยอิงอย่างดุร้าย!
ด้านต้วนหลิงเทียนที่ควบสร้างร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิว และโจนทะยานสววนเข้าใส่เหลยอิงนั้น ก็ได้ลอบใช้พลังของเทพเบญจธาตุอย่างแยบคาย ถักทอกิ่งสนหลิวนับร้อยเป็นหนึ่งกิ่งมหึมา พุ่งสวนเข้าใส่เหลยอิงอย่างดุดัน!
“ตั๊กแตนคิดหยุดรถม้า!!”
เหลยอิงแค่นคําเย้ยหยันเสียงเย็น จากนั้นอัสนีพลังทั่วร่างก็ควบสร้างเป็นมังกรสายฟ้าสีม่วงตัวเขื่องพุ่งถล่มเข้าใส่กิ่งต้นไม้เทพสนหลิวมหึมาของต้วนหลิงเทียนอย่างอุกอาจ! ดูท่าคิดจู่โจมทําลายกิ่งใหญ่ และถล่มใส่ถ้วนหลิงเทียนให้สิ้นชื่อรวดเดียว!!
“อาวุโสเหลียนชิว จู่โจมนางต่อไป ไม่ต้องหยุด!”
ต้วนหลิงเทียนที่ราวกับจะอ่านใจเหลียนชิวได้ออก ว่าเหลียนชิวกําลังคิดจะรวมรั้งห่ากระบี่พลังมาช่วยเขาต้านทานมังกรสายฟ้า ก็เร่งแผดคําดังลั่น บอกให้เหลียนชิวจู่โจมใสเหลยอิงสืบต่อ!
เหลียนชิวที่คิดจะควบคุมห่ากระบี่ไปต้านรับมังกรสายฟ้า ก็ล้มเลิกความคิดในบัดดล เลือกที่จะเชื่อใจต้วนหลิงเทียนแล้วควบคุมห่าพิรุณกระบี่ถล่มใส่เหลยอิงเหมือนเดิม!
อย่างไรก็ตาม ห่าพิรุณกระบี่ที่เหลยชิวสร้างขึ้น พลังอานุภาพยังถือว่าอ่อนต้อยนัก แค่ปะทะเข้ากับรัศมีพลังคลุมกายทั่วไปของเหลยอิง มันก็ถูกทําลายได้ง่ายๆแล้ว เกรงว่าสุดท้ายคงเหลือก ะบี่พลังไม่กี่เล่มที่จะถึงตัวเหลยอิง แถมคงสิ้นพลังอานุภาพจนทําได้แค่เกาแก้คันให้นาง!
อย่างไรก็ตาม พอตะโกนออกไปอย่างย่ามใจได้ไม่ทันไร เหลยอิงก็คล้ายจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง สีหน้านางเปลี่ยนสีไปในฉับพลัน
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
กิ่งต้นไม้เทพสนหลิวที่ต้วนหลิงเทียนควบรวมสร้างขึ้นเป็นกิ่งเขื่อง เดิมทีก็ส่อแววพังทลายหลังปะทะกับมังกรสายฟ้าสีม่วงของเหลยอิง นอกจากนั้นเหลยอิงยังรู้ว่ามังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ของต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ยังคงช่วยจักรพรรดิอมตะขยี้เมฆา เถิงฉงป้า รับมือจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊กู้ฉางเจียงอยู่ ทําให้เหลยอิงไม่ได้เห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามนางไม่คิดไม่ฝันเลย ว่ากิ่งต้นไม้เทพสนหลิวของต้วนหลิงเทียน ที่เดิมที่ส่อแววจะพังทลายใต้พลังอํานาจของมังกรสายฟ้านาง อยู่ๆคล้ายถูกฉีดเลือดไก่ ปลดปล่อยพลังอํานาจที่เหนือชั้นและทรงพลังสุดที่นางจะคิดคาดออกมาหน้าตาเฉย!
เรียกว่ากิ่งต้นไม้เทพสนหลิวอันเขื่องยามนี้ มันทรงพลังไม่ได้ด้อยไปกว่าการโจมตีเต็มกําลังของจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับกลางค่อนไปทางสูงแม้แต่น้อย!!
“เป็นไปไม่ได้!!”
เหลยอิงย่อมไม่รู้ ว่าต้วนหลิงเทียนได้ลอบใช้พลังของเทพเบญจธาตุอย่างแยบคาย หนุนเสริมพลังให้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวแต่แรก! แถมตอนแรกปะทะเขาก็เลือกปกปิดพลังเอาไว้ให้นางตายใจ พอถึงจังหวะสําคัญค่อยปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมา!!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
กิ่งต้นไม้เทพสนหลิวอันเขื่องที่ปะทะต้านทานกับมังงกรสายฟ้าสีม่วงตัวใหญ่ คล้ายได้รับพลังอํานาจหนุนเสริมจากทวยเทพ สามารถโต้กลับมังกรสายฟ้าของเหลยอิง ที่เร่งรุดจ่ายพลังเข้าไปหนุนเสริมตาลีตาเหลือกได้ง่ายดาย!
ตูมมมม!!
เสียงปะทะระเบิดดังขึ้นถนัดถนี่ ยังดังสนั่นจนฟ้าสะท้านดินสะเทือน! ต่อมาก็เห็นร่างหนึ่งปลิดปลิวกระเด็นละลิวออกจากจุดปะทะ ร่างดังกล่าวกระอักโลหิตออกเป็นสายสร้างถนนสีเลือดตัดฟ้า กลิ่นอายพลังทั่วร่างอ่อนโทรมลงถึงขีดสุด! แลดูประหนึ่งสุนัขป่วยพึ่งคลานออกมาจากดงตีน!!
เป็นจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง!