ตอนที่ 3344

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3,344 : เจ้าตัวเล็กทั้ง 3 โตแล้ว

 

จักรพรรดิอมตะสลายกําเนิด จื่อวี่เหนียน

 

ในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ มีเพียงเมิ่งชวน จักรพรรดิอมตะหยกกุ้ง คนเดียวที่เคยเห็นหน้าตาของจักรพรรดิอมตะสลายกําเนิด จื่อวี่เหนียน ส่วนจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าเคยพบเจอแต่ตอนที่อีกฝ่ายใส่หน้ากากเท่านั้น

 

ด้วยเหตุนี้จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าจึงรู้สึกว่าจี้อวี่เหนียนให้ความรู้สึกคุ้นๆ แต่จดจําไม่ได้ว่าเป็นผู้ใด

 

มันพึ่งจะจําได้ว่าอีกฝ่ายคือจื้อวี่เหนียนเอาตอนที่ สตรีชุดขาวที่แลดูสง่างามเลอค่า นั่นกล่าวถึงเรื่องไม่ได้สวมหน้ากากออกมา

 

พอมันจดจําได้ว่าอีกฝ่ายคือจักรพรรดิอมตะสลายกําเนิด จี้อวี่เหนียน ด้านจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญก็ปะทุพลังลงมือไปแล้ว กว่ามันจะตะโกนหยุดเรื่องราวจบคํา จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญก็ถูกฆ่าตายไปซะก่อน

 

“เจ้านั่นก็คือจักรพรรดิอมตะสลายกําเนิด จี้อวี่เหนียน อาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกรแห่งว่านโช่วเทียน?”

 

“ให้ตายเถอะ ข้าได้ยินชื่อเสียงจักรพรรดิอมตะสลายกําเนิดจี้อวี่เหนียนผู้นี้มานานแล้ว พอได้พบเจอนับว่าสมคําร่ําลือจริงๆ จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญนั่นจะอย่างไรก็เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์อู่หยาเทียน แต่ต่อหน้ามันกลับคล้ายตัวอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง.. “

 

“ร้ายกาจยิ่ง”

 

นอกจากเมิงชวนกับจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า จักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ ก็เคยได้ยินแต่ชื่อของจี้อวี่เหนียนเท่านั้น เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอีกฝ่ายตัวเป็นๆ

 

จังหวะนี้กระทั่งสองงตาของจักรพรรดิอมตะสมญานามที่หลบหนีออกจากคุกหมื่นพันธนาการไม่เว้นเผยหยวนจี้ก็ทอแสงจ้าขึ้นมา

 

การมาถึงของจี้อวี่เหนียน ย่อมเหนือความคาดหมายของพวกมันเช่นกัน

 

และจากการกระทําของจี้อวี่เหนียนตั้งแต่ตอนปรากฏตัวนั้น พวกมันเห็นได้ชัดเลยว่า..

 

จี้อวี่เหนียนเป็นมิตร ไม่ใช่ศัตรู!

 

“อาวุโสจี้”

 

จ้าววังเทียนฉือ โหยวเฟิงอวี้ มองจี้อวี่เหนียนด้วยใบหน้าอัปลักษณ์นั้นยาก เพราะไม่ว่าจะจักรพรรดิอมตะเพลิงเผลาญ จักรพรรดิอมตะไม้เท้าวารี หรือจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนของตามัน จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียนส่งมาช่วยเหลือ

 

แต่จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญ กลับถูกอีกฝ่ายฆ่าทิ้งต่อหน้าต่อตา

 

“จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญ จะอย่างไรก็เป็นคนที่ท่านตาข้าส่งมาเพื่อช่วยเก็บกวาดนักโทษแหกคุกน…ท่าน ไฉนถึงต้องลงมือสังหารผู้คนด้วย? ท่านไม่คิดจะอธิบายให้ข้าฟังหน่อยหรือ?”

 

เสียงกล่าวของโหยวเฟิงอวี้ ยิ่งมาน้ําเสียงก็ยิ่งมืดมนมากขึ้น

 

คนอื่นๆอาจจะหวาดกลัวความแข็งแกร่งของจื่อวี่เหนียน แต่มันไม่ได้กลัวเลย เพราะนี่ก็เหมีอนมันที่ไม่กล้าลงมือกับเมิ่งชวน จี้อวี่เหนียนก็ไม่กล้าแตะต้องมันง่ายๆแน่ เพราะเบื้องหลังมันมีตาที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอิหยาเทียนหนุนหลังอยู่

 

สําหรับจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญ มันก็รู้ว่าไฉนจี้อวี่เหนียนถึงกล้าฆ่า ไม่พ้นอีกฝายคงต้องคิดว่าจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญเป็นแค่ลิ่วล้อคนหนึ่งของตามันเท่านั้น ไม่ได้สลักสําคัญอะไรถึงจะตายไปก็เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม แม้มันจะรู้เหตุผลดี แต่มันก็ยังอยากฟังคําอธิบายจากปากของอีกฝ่าย

 

เพราะสุดท้ายแล้ว ตอนนี้มันก็จําต้องเรียกขวัญกําลังใจกลับคืน

 

มันเดาได้ไม่ยากเลย ว่าตอนนี้จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า กับจักรพรรดิอมตะไม้เท้าวารีคงหวาดกลัวจนหัวหดหมดแล้ว ไม่พ้นต้องคิดแต่จะล่าถอยจากไปถ่ายเดียว

 

“ให้ข้าอธิบาย?”

 

จี้อวี่เหนียน กลอกตามองไปยังโหยวเฟิงอวี้ กล่าวออกเสียงเฉย “คิดจะให้ข้าซื้อเหนียนอธิบาย อาศัยจ้าววังเทียนฉืออย่างเจ้ายังไร้คุณสมบัติ หากตาของเข้ามาด้วยตัวเอง ถ้าอารมณ์ดีหน่อย ข้าอาจจะอธิบายให้มันฟังอยู่บ้าง”

 

“กล่าวเช่นนี้หรืออาวุโสจี้ตั้งใจเป็นปกปักษ์กับวังเทียนฉือข้า? กระทั่งคิดจะเป็นศัตรูกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียน?”

 

โหยวเฟิงอวี้ ไม่คิดเลยว่าจี้อวี่เหนียนจะไม่ไว้หน้ามันสักนิด สีหน้ามันจึงกลายเป็นอัปลักษณ์ดูไม่ได้ สองตายังฉายแววเย็นชาแหลมคมปานมีดดาบ

 

เรียกว่าหากสายตาฆ่าคนได้ ไม่ทราบจี้อวี่เหนียนจะถูกมันฆ่าตายไปแล้วกี่รอบ

 

“เจ้าจะคิดแบบนั้นก็ได้”

 

จี้อวี่เหนียนตอบคําเสียงเฉย ไม่ได้สนใจคําขอะไรของโหยวเฟิงอวี้สักกะฝึก

 

“ท่าน!”

 

จังหวะนี้โหยวเฟิงอวี้วมีโฒโหแทบกระอัก ขณะเดียวกันมันก็เร่งติดต่อไปหาตาของมันทันที

 

ด้านจักรพรรดิสวรรค์แห่งอิหยาเทียน ก่อนหน้าก็ได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือจากโหยวเฟิงอวี่มาแล้วรอบหนึ่ง จึงส่งจักรพรรดิอมตะสมญานามใต้บัญชาไป 3 คน เพราะคิดว่าเพียงเท่านี้ก็คงพอจะช่วยจัดการนักโทษให้โหยวเฟิงอวี้ได้แล้ว

 

มันเองก็สุดที่จะจินตนาการได้ออก ว่าเรื่องราวกลับบานปลายไปกันใหญ่ ถึงขั้นอาวุโสใหญ่เผ่ามังกรอย่างจี้อวี่เหนียนจะมาด้วย!

 

“แล้วเจ้าจี้อวเหนียนนั่น มันไม่ไว้หน้าข้าเลยรึ?”

 

“เจ้ารอข้าที่นั่น ข้าจักรีบไปเดี๋ยวนี้!”

 

หลังได้รับทราบถึงความเหิมเกริมของอวเหนียน เสียงตอบข้อความของจักรพรรดิสวรรค์อูหยาเทียนก็ฟังดูมืดมนนัก

 

ด้านโหยวเฟิงอวี้ พอรับทราบว่าตามันจะมาด้วยตัวเอง สองตาก็ลุกวาวสว่างจ้าทันที

 

“อาวุโสจี้ ตอนนี้ท่านตาของข้ากําลังมา ว่าแต่ท่านจักอยู่รอท่านตาข้า หรือจักวิ่งหนีเยี่ยงมุสิกข้ามถนนถูกคนไล่เล่า?”

 

โหยวเฟิงอวี้ หันไปมองจี้อวี่เหนียนด้วยสายตาแหลมคมปานมีสายฟ้าแลบลั่น เอ่ยถามออกมาเสียงเข้มแฝงความเย้ยหยัน

 

“หึ!”

 

และพร้อมๆกันกับที่โหยวเฟิงอวี้วี่กล่าวจบคํา สีหน้าจี้อวี่เหนียนก็มีดลงทันที เสียงพ่นลมสบถอย่างไม่สบอารมณ์ดังขึ้น จากนั้นร่างก็ไปวูบไปโผล่เบื้องหน้าโหยวเฟิงอวี้ราวภูตผี

 

ปงงง!!

 

โหยวเฟิงอวี้ ที่รู้สึกตัวว่าผิดท่า ก็พยายามเร่งเร้าพลังขึ้นมาป้องกันตัวเอง อนิจจานไหนเลยจะไปสู้จี้อวี่เหนียนได้? พลังมิติของอีกฝ่ายสามารถปนนี้ม่านพลังสายลมของมันได้ง่ายดายก่อน จะซัดกระแทกเข้ากลางอกอย่างจัง จนคนตัวปลิวกระเด็นไปไม่เป็นท่า

 

“อั๊คค-”

 

โหยวเฟิงอวี้วี่ที่ร่างปลิวไปไปไม่เป็นท่าราวว่าวสายปานขาด กระอักโลหิตออกปากเป็นสายลากยาวไปกว่า 100 หมี ค่อยขึ้นร่างหยุดลงกลางหาวได้อีกครั้ง! สารรูปแลดูอนาถราวขอทานเฒ่าใกล้ตาย…

 

“จ้าววัง!”

 

พอเห็นโหยวเฟิงอวี้ถูกซัดจนบาดเจ็บสาหัส สีหน้าเหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนถือก็มีดไปเป็นแถบ พวกมันหันไปมองจี้อวี่เหนียนอย่างไม่พอใจทั้งหวาดระแวง แต่ที่มากกว่าใดอื่นคือความกลัว

 

จี้อวี่เหนียนที่ลอยร่างอยู่ตรงนั้น สีหน้ายังคงเฉยเมยไร้แยแส “ผ่านไปหลายปีดีดัก แต่โหยวเฟิงอี้เจ้ากลับก้าวหน้าแค่เล็กน้อย กระทั่งนังหนูผู้นั้นยังดีกว่าเจ้าเสียอีก!”

 

สิ้นคํากล่าว จี้อวี่เหนียนก็หันไปมองร่างที่สตรีลอยอยู่ไม่ไกล

 

เป็นฉือหย่าชี

 

ได้ยินคําพูดดังกล่าวของจี้อวี่เหนียน ทุกคนพลันตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่งที่แท้จื้อเหนียนมาถึงนานแล้ว! แต่อีกฝ่ายเลือกจะซ่อนตัวหลังม่านเมฆเพื่อชมดูเรื่องราว!!

 

“ทําไม? พวกเจ้าอยากฉะกับข้ารึ?”

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ จี้อวี่เหนียนก็กวาดตามองหน้าพวกมันทุกคพลางกล่าว “หากข้องใจนัก พวกเจ้าก็มัดรวมกันเข้ามาเลยเถอะ!”

 

ต้องบอกเลยว่าจี้อวี่เหนียนนั้นหยิ่งผยองมาก!

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครขอเพียงสายตาไม่ฝ้าฟาง ย่อมแลเห็นเรื่องหนึ่งชัดเจน

 

อีกฝายมีทุนรองให้หยิ่ง!!

 

“หืม?”

 

ทันใดนั้นเอง จื่อวี่เหนียนที่กวาดตามองท้าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉืออย่างไม่แสรอบหนึ่ง ก็วกกลับมาหยุดมองยังจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าอีกครั้ง ค่อยเลิกคิ้วกล่าวขึ้นว่า “ไม่แปลกใจเลยที่ไฉนข้ารู้สึกคุ้นๆหน้าเจ้าแต่แรกที่เท้าเจ้าคือหมาน้อยที่ติดตามอยู่ข้างกายเจ้า 3 ตาไม่ใช่รึไง?”

 

“แล้วไฉนหมาน้อยเจ้าถึงมาอยู่ร่วมก๊วนกับพวกวังเทียนฉือได้เล่า? ติดตามอยู่กับเจ้า 3 ตา ดีๆไม่ชอบกลับถ่อมาถึงวังเทียนฉือทําอะไร? เจ้ายิ่งมายิ่งเหลวไหลใหญ่แล้ว!”

 

กล่าวจบจี้อวี่เหนียนก็ส่ายหัวไปมา

 

“อาวุโสจี้”

 

โดนจี้อวี่เหนียนตําหนิ ไม่เพียงจักรพรรดิอมตะหอนฟ้า หยางเซี่ยวเทียน จะไม่โกรธ แต่ยังดูลกลี้ลุกลนราวเด็กน้อยทําผิด “ข้ากับพี่ใหญ่ทะเลาะกันเล็กน้อย…ข้าก็เลยออกมาหาที่พักใจบ้างอะไรบ้าง”

 

จักรพรรดิอมตะหอนฟ้าต่อหน้าจี้อวี่เหนียนแล้ว ช่างแลดูเรียบๆร้อยๆไม่น้อย แววตายังฉายความยําเกรงอยู่หลายส่วน

 

จี้อวี่เหนียนคนนี้ ในอดีตมันเคยพบเจออีกฝ่ายหลายครั้งแล้ว แน่นอนว่าทุกครั้งที่เจอเป็นอีกฝ่ายมาหาพี่ใหญ่ของมัน

 

ไม่หยางเจี้ยนไปหาซื้อเหนียน จี้อวี่เหนียนก็มาหาหยางเจียนเพื่อพบปะสนทนา บ้างก็ประมือกันชมดูความก้าวหน้า

 

ตอนแรกก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ เป็นพวกมันมีเรื่องมีราวกับจี้อวี่เหนียนจนต้องปะทะไล่ฆ่ากัน แต่ ลังๆมาทั้งคู่ก็ค่อยๆคลี่คลายเรื่องราวความบาดหมาง จนกลับกลายเป็นสหาย

 

จื่อวี่เหนียนคนนี้ ก็เป็นตัวตนที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าหยางเงี่ยนเลย

 

“อ้อ ที่แท้เจ้าหอบข้าวหอบของหนีมานี้ เพราะงอนพี่ใหญ่เจ้างั้นสิ?”

 

อวี่เหนียนหยีตากล่าวอย่างระอา

 

“อาวุโสจี้”

 

ตอนนี้เอง โหยวเฟิงอวี้วี่ที่ถูกจี้อวี่เหนียนซัดจนเจ็บหนัก หลังตบโอสถอมตะเข้าปากกับเดินพลังไม่กี่รอบ ลมหายใจมันก็ค่อยๆฟื้นกลับมาเป็นปกติ สองตามองจ้องไปยังจี้อวี่เหนียนไกลๆ เอ่ยถามออกมาเสียงหนักว่า “ท่านไฉนต้องสอดมือเข้ามาแทรกแซงเรื่องราวภายในของวังเทียนฉือข้าด้วย?”

 

“อ้อ เรื่องนี้เจ้าต้องถามเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 นั่นแล้วล่ะ”

 

จี้อวี่เหนียนเอ่ยออกเสียงเบา โดยเฉพาะตอนกล่าวคํา เจ้าตัวเล็ก น้ําเสียงของมันก็อ่อนโยนขี้นมาก ไม่เฉยเมยหัวนแข็งเหมือนก่อนหน้า

 

ได้ยินดังว่า สายตาของโหยวเฟิงอวี้ และคนอื่นๆ ไม่เว้นต้วนหลิงเทียนก็เบนไปตกลงบนร่างของชายหนุ่มหญิงสาวทั้ง 3 ด้านหลังสตรีสะสวยชุดขาวแลดูสูงศักดิ์ไม่ไกลทันที

 

“ฮ่าๆๆๆ!!”

 

และตอนนี้เอง สตรีในชุดทองก็หันหน้าไปมองกล่าวกับหญิงสาวชุดขาวและชายหนุ่มชุดดําข้างกายด้วยเสียงหัวเราะ สองตากลมสดใสดั่งมณียังแลดูสนุกสนานนัก “ไล่ล่ะๆๆ เสี่ยวเฮยเสี่ยวไป ข้าบอกพวกเจ้าแล้วพี่ใหญ่หลิงเทียนจําพวกเราตอนโตไม่ได้หรอกเห็นแล้วรึยังเล่า?”

 

“เอาล่ะๆ เจ้าชนะแล้ว”

 

หญิงสาวในชุดขาวกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้

 

เนื่องจากบรรยากาศตอนนี้มันค่อนไปทางตึงเครียดอยยู่บ้าง ทําให้ค่อนข้างเงียบ แม้เสียงของสตรีทั้ง 2 จะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ก็ยังดังมากพอเข้าหูทุกคน

 

ทันใดนั้นสายตาของทุกคนไม่เว้น เผยหยวนจี้กับโหยวเฟิงอวี้ ก็เบนมาตกยังร่างต้วนหลิงเทียนทันที

 

เมื่อครู่สตรีชุดทองนั่กล่าวคํา “พี่ใหญ่หลิงเทียน” ออกมาไม่ผิดแน่ และในที่นี้ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ชื่อ “หลิงเทียน

 

“เสี่ยวเฮย? เสี่ยวไป?”

 

ในขณะที่ทุกคนหันมามองต้วนหลิงเทียน ต้วนหลิงเทียนก็กําลังอื้ออึงราวตัวโง่งมอยู่บ้างเพราะเขารู้สึกตกตะลึงกับบทสนทนาระหว่างสตรีทั้ง 2 แล้วจริงๆ

 

เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป..

 

ช่างเป็นชื่อที่คุ้นเคย และทําให้เขาคิดถึงนัก

 

ตอนนี้พอมองไปยังร่างชายหนุ่มหญิงสาวทั้ง 3 อีกรอบ ใจต้วนหลิงเทียนก็สะท้านไปทันใดยิ่งมาก็ยิ่งเต้นไปไม่เป็นจังหวะ “ใช่พวกมันหรือไม่….พวกมัน….ที่แท้…กลับโตขนาดนี้แล้วหรือ?”

ในความทรงจําของต้วนหลิงเทียนนั้น แม้เจ้าตัวน้อยทั้ง 3 ในอดีตจะจําแลงกายเป็นมนุษย์ได้แล้ว แต่ก็ยังอยู่ในรูปลักษณ์เด็กน้อยไม่กี่ขวบอยู่

 

ส่วนทั้ง 3 คนเบื้องหน้า ตอนนี้แลดูเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้แตกต่างไปจากเขาสักเท่าไหร่

 

นอกจากนั้น แรกเห็นทั้ง 3 เขาก็รู้สึกคุ้นเคยทั้งสนิทใจแปลกๆ ยังนึกไม่ออกว่าไฉนถึงได้รู้สึกแบบนั้น…พอมาตอนนี้ ทุกอย่างกระจ่างแล้ว ที่แท้ทั้ง 3 ก็คืออดีตอสรพิษน้อยทั้ง 2 กับเจ้าหนูขนทองแสนซนตัวกลมนั่น!

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน”

 

สุดท้ายก็เป็นชายหนุ่มชุดดําที่ใบหน้าเย็นชาคนแรกที่ปั้นหน้าเข้มต่อไปไม่ไหว เห็นร่างมาหยุดลงเบื้องหน้าตัวนหลิงเทียน ใบหน้าเย็นชาแต่เดิมบัดนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส สองตากลายเป็น อ่อนโยน ร่างสูงใหญ่ยังสะท้านไปเบาๆ

 

“เสี่ยวเฮย?

 

ตัวนหลิงเทียนมองขึ้นๆลงๆชายหนุ่มชุดดําเบื้องที่สูงเท่าๆเขา แม้จะพอคาดเดาตัวตนอีกฝ่ายได้แล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าปักใจเชื่อทั้งหมด ได้แต่เอ่ยถามออกไปเสียงเบา

 

“ข้าเองพี่ใหญ่”

 

ชายหนุ่มชุดดําพอได้ยินถ้วนหลิงเทียนเรียกหาว่า “เสียวเฮย” สองตาก็ทอประกายจ้าแลดูสดใส จากนั้นก็ก้าวออกไปเบื้องหน้ากางมือทั้งสองออก ร่างยังสั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้น

 

สองตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ยังเริ่มมีน้ําตาเอ่อคลอ

 

“ฮ่าๆๆๆ เสี่ยวเฮย! เป็นเจ้าจริงๆด้วย!”

 

ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้าดึงร่างเสียวเฮยมากอดด้วยความคิดถึง แลดูเสมือนพี่น้องที่พรัดพรากจากกันมานานได้มาพบเจอกันอีกครั้ง กระชับวงแขนแน่น สองตาฉายชัดถึงความตื่นเต้นยินดียากระงับอารมณ์สืบไป

 

นานนักยังเนิ่นนานกว่า 200 ปีแล้ว

 

เขาไม่ได้พบเจอเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป และเสี่ยวจินมา 200 กว่าปี

 

บัดนี้เจ้าตัวเล็กในวันวาน เติบโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว