ความจริงแล้ว จู่ๆอิโตะ นานาโกะก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร เพราะฉะนั้นจึงใช้สมอง แล้วยื่นแก้วชานมไข่มุกออกไป

แต่เย่เฉิน ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจ แต่ตนเองออกไปรับชายชราจนถึงตอนนี้ ไม่ได้ดื่มแม้แต่หยดเดียว จึงทำให้เขาหิวกระหายคอแห้งผากเล็กน้อย

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงรับมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วหัวเราะพลางพูดขึ้นมาว่า“ขอบคุณครับ ผมกำลังหิวน้ำพอดี”

พูดจบ เขาก็ก้มหน้ากัดหลอดดูด แล้วใช้แรงดูดน้ำไปอึกใหญ่

อิโตะ นานาโกะพึ่งรู้สึกตัว เธอร้องออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ“แย่แล้ว!ชานมไข่มุกแก้วนี้ ฉันพึ่งดื่มไปหลายอึก……”

“ถึงแม้ว่าจะจิบไปไม่กี่ครั้ง แต่ก็เป็นการดื่มแล้ว!”

“แน่แล้วๆ ถ้าเป็นแบบนี้ ก็เท่ากับว่าฉันจูบเย่เฉินอย่างอ้อมๆน่ะสิ?!”

เย่เฉินไม่รู้ว่าชานมไข่มุกแก้วนี้อิโตะ นานาโกะเคยดื่มแล้ว เขาดื่มไปด้วย เอ่ยปากพูดไปด้วยว่า“คุณอิโตะครับ มาหาผมดึกขนาดนี้ มีเรื่องอะไรหรอครับ?”

อิโตะ นานาโกะรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก

เธอได้รับการอบรมเรื่องลูกสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานจากตระกูลชั้นสูงอย่างเข้มงวดมามากกว่ายี่สิบปี และเธอรู้ถึงความสำคัญขอหกคำนี้เป็นอย่างดี“หญิงชายมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน” สิ่งนี้สามารถพูดได้เลยว่าตนเองกับเพศตรงข้ามได้มีปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน!

เพราะฉะนั้น ตอนนี้เธอจึงรู้สึก หัวใจเต้นรัวเร็วมาก

แต่ว่า นอกเหนือจากนี้ ภายในใจของเธอยังรู้แอบรู้สึกกระโดดโลดเต้น

ในตอนที่เธอรู้สึกกระวนกระวายใจนั้น เย่เฉินก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาถามเธอว่า“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

“เอ่อ……คือฉัน……”อิโตะ นานาโกะพูดอย่างตื่นเต้น“คือฉัน……คือฉัน……ฉันผ่านน่ะ……อ่อไม่สิ……ฉัน”

เดิมทีอิโตะ นานาโกะพูดโกหกไม่เป็นอยู่แล้ว ดังนั้น เธอจึงไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามเขาอย่างไรดี ทันใดนั้นเธอจึงรู้สึกขัดแข้งขัดขาตัวเอง

เย่เฉินหัวเราะอย่างเรียบเฉย แล้วพูดว่า“เอาล่ะ อยู่ต่อหน้าผมไม่ต้องตื่นเต้นหรอกครับ มีอะไรก็พูดมาตรงๆได้เลย”

อิโตะ นานาโกะพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า“คือฉันแค่……ฉันแค่อยากมาพบเย่เฉินซังน่ะค่ะ……เพราะฉันเป็นห่วงว่าหลังจากการแข่งขันจบลงฉันจะไม่มีโอกาสพบเย่เฉินซังอีก……”

เย่เฉินถามอย่างแปลกใจ“ทำไมหรอครับ?หลังจากแข่งจบแล้วจะกลับญี่ปุ่นหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ”อิโตะ นานาโกะไม่กล้ามองตาเขา จึงพูดด้วยเสียงเบาว่า“คุณพ่อได้จองตั๋วเครื่องบินให้ฉันแล้ว หลังจากจบการแข่งขันฉันจะต้องรีบกลับทันที”

เย่เฉินไม่เข้าใจ“อย่างน้อยคุณก็ได้เข้ารอบตัดสิน ถึงจะแพ้คุณก็ยังได้รองชนะเลิศ หรือแม้แต่พิธีมอบรางวัลคุณก็ไม่อยากเข้าร่วม?”

อิโตะ นานาโกะพูดอย่างฝืนยิ้ม“ในฐานะที่เป็นนักเแข่งตัวเก่งสุด ไม่ได้รับเหรียญทอง ฉันจะมีหน้าอยู่ต่อเพื่อเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลรองชนะเลิศ……”

เย่เฉินยิ้มบางๆแล้วพูดว่า“การฝึกศิลปะต่อสู้ ไม่ใช้การเอาชนะ เพราะว่าจุดกำเนิดของศิลปะการต่อสู้ ไม่ใช่การต่อสู้กับผู้อื่น แต่เป็นการต่อสู้กับตัวเราเอง”

“ต่อสู้กับตัวเองงั้นเหรอคะ?”อิโตะ นานาโกะถามอย่างงุนงง“เย่เฉินซังคะ ขออนุญาตถามค่ะว่าต่อสู้กับตัวเองมันหมายความว่าอย่างไร?”

เย่เฉินค่อยๆยิ้มขึ้นมา“นานาโกะ บรรพบุรุษของคนจีนเรา มันอาจจะแตกต่างจากทุกประเทศในโลก แม้แต่บรรพบุรุษของทุกชนเผ่าก็ไม่เหมือนกัน บรรพบุรุษของเราไม่เคยชอบการข่มเหงรังแกคนที่อ่อนแอกว่า และไม่เคยชอบการรุกรานคนอื่น”

“ตั้งแต่โบราณกาลมาก บรรพบุรุษจีนของเราต่างยึดมั่นอยู่ในประเทศ และพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่ถูกศัตรูรุกราน แต่ถึงจะเป็นในช่วงยุคที่ทุกประเทศรุ่งเอง เราก็ไม่เคยไปรุกรานประเทศอื่นแม้แต่ประเทศเดียว รวมถึงประเทศญี่ปุ่นของพวกคุณด้วย”