หญิงสาวกระโปรงขาวผู้นี้ก็คือหนิงหานยู่นั่นเอง นางไม่ได้ไม่คุ้นเคยต่อชายหนุ่มผู้นี้แต่อย่างใด เขาคือบุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์ในตระกูลฉี ถูกจัดอันดับอยู่ที่อันดับ 3 ของศิษย์อัจฉริยะในตระกูล ชีเฟย

“หานยู่ เจ้ากลัวข้ามาก ๆ เลยหรือ?”ชีเฟยหัวเราะ ภายในแววตามีความโอหังปนอยู่ พลางจ้องมองเรือนร่างที่อ่อนช้อยของนางอย่างพินิจพิเคราะห์

“ฐานร่างของเจ้าพิเศษ ที่ตระกูลฉีจับกุมตัวเจ้ามาแต่ไม่ฆ่าเจ้านั้น ก็เป็นเพราะจะให้เจ้าและฉีเตียหลงฝึกคู่ แต่ทว่าฉีเตียหลงตายไปแล้ว หากข้าสามารถฝึกคู่พร้อมกับเจ้าได้ละก็ เช่นนั้นตำแหน่งนายท่านในอนาคต ก็ต้องเป็นของข้าแน่นอน!”

บนใบหน้าชีเฟยมีรอยยิ้มที่ชั่วร้าย สำหรับเรื่องที่ว่าหนิงหานยู่มีฐานร่างพิเศษนั้น มันไม่ใช่ความลับอะไรในตระกูลฉี

หนิงหานยู่เมื่อปีนั้นเป็นทารกกำพร้าคนหนึ่ง ถูกนายท่านตระกูลฉีรุ่นก่อนค้นพบในสภาพที่ยังอยู่ในผ้าอ้อม ดังนั้นจึงอุ้มตัวนางกลับมา ภายในผ้าอ้อมของนางมีหยกแขวนหนึ่งชิ้น ด้านบนสลักชื่อของหนิงหานยู่เอาไว้

เพราะฉะนั้นจึงตั้งชื่อของนางเหมือนชื่อบนหยกแขวน แต่ไม่ได้ให้นางแซ่ฉี และสิ่งที่มหัศจรรย์กว่านั้นคือนางมีฐานร่างที่พิเศษอย่างหนึ่ง ตั้งแต่เริ่มฝึกตนในช่วงแรก ก็สามารถผนึกรวมกฎชีวิตภายในร่างกายได้แล้ว!

ฐานร่างเช่นนี้ หากสามารถฝึกคู่ ร่างกายก็จะได้รับการบำรุงจากกฎชีวิต บางทีอาจจะมีโอกาสเสี้ยวหนึ่งที่สามารถยึดกุมความเร้นลับของกฎชีวิต ฝึกกฎชั้นยอดแล้วเดินบนเส้นทางของผู้แข็งแกร่งได้

ต่อมาหลังจากนายท่านรุ่นก่อนดับสลายสูญสิ้นไปแล้ว หนิงหานยู่และพี่สาวของนางฉียู่หรงก็หลบหนีไป ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ตระกูลฉีตามหาร่องรอยของนางมาโดยตลอด และจุดประสงค์ของพวกเขาก็คือร่างเทวชีวิตที่พิเศษเช่นนี้นี่เอง

เดิมทีประโยชน์นี้จะร่วงลงบนตัวฉีเตียหลง แต่ฉีเตียหลงตายไปแล้ว ชีเฟยจึงวางแผนที่จะใช้อำนาจยึดครองตัวนาง ถึงเวลานั้นเรื่องราวที่เสร็จสิ้นไปแล้วจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ บวกกับมีการคุ้มกันจากผู้อาวุโสของตน เช่นนั้นผู้สืบทอดนายท่านคนต่อไปก็ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน!

“ชีเฟยเจ้าฝันไปเถอะ ต่อให้ต้องตายข้าก็ไม่มีวันปล่อยให้แผนชั่วของเจ้าลุล่วง!”สีหน้าของหนิงหานยู่ขาวซีด การที่ได้ตกเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับฝึกคู่นั้น เป็นโชคชะตาที่น่าเวทนาสังเวชที่สุดสำหรับผู้หญิงทุกคน

“แหะ ๆ ผลการฝึกตนของเจ้าถูกผนึกไปแล้ว ที่นี่ก็ถูกข้าร่ายด้วยสีมาอีก จะไม่มีผู้ใดเข้ามาขัดขวางข้า บัดนี้เจ้าก็เป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น เจ้าอยากตายก็ตายไม่ได้หรอก!”

ชีเฟยหัวเราะฮ่า ๆ เสียงดัง ก่อนจะยกมือขึ้นมาใช้นิ้วจิ้มลงกลางอากาศที่ว่างเปล่า ร่างกายของหนิงหานยู่ก็ถูกคุมขัง ขยับไปไหนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แม้แต่ฆ่าตัวตายยังทำไม่ได้

“พี่สาวของเจ้าฉียู่หรงก็งดงามมาก ๆ แล้ว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าก็ด้อยไปหน่อย คุณชายอย่างข้าจักทำให้เจ้าพบเรื่องโศกเศร้าในยามมีความสุขเอง”

ชีเฟยหัวเราะอย่างเยือกเย็น ใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความโอหัง ยื่นมือออกไปเตรียมพร้อมที่จะฉีกชุดกระโปรงของนาง

“ตู้ม!”

และในเวลานี้เอง เสียงที่ดังสนั่นก้องหูก็ดังมาจากข้างนอก เหมือนมีอุกกาบาตลุกหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า แล้วกระแทกลงลานบ้านนี้ยังไงอย่างนั้น

ท่าทางมือของชีเฟยหยุดชะงักลงไปกะทันหัน สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

เขาย่างเท้าเดินไปทางประตูอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กำลังจะเปิดประตูเพื่อสำรวจดูอยู่นั้น ประตูห้องพักอยู่ตรงหน้าก็ระเบิดแตกออกกะทันหัน พลังที่เกะกะระรานพลังหนึ่งพรั่งพรูมา

“ผู้……”

ชีเฟยตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว แต่คำว่าใดคำสุดท้ายยังไม่ทันได้พูดออกมา ลำคอก็ถูกฝ่ามือข้างหนึ่งที่เหมือนคีมเหล็กบีบเอาไว้ จิตสังหารที่เย็นยะเยือกถึงกระดูกแผ่คลุมทั่วทั้งร่างกาย

บริเวณรอบ ๆ ลานบ้านถูกหลัวซิวใช้ค่ายกลที่จัดวางด้วยธงค่ายผนึกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าที่นี่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น โลกภายนอกก็สัมผัสไม่ได้

จู่ ๆ อสูรดูดจิตโบราณที่เกาะอยู่บนไหล่เขาก็อ้าปากขึ้น ร่างกายที่ดูเหมือนเล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม เมื่ออ้าปากแล้วกลับใหญ่โตมาก ๆ กลืนกินชีเฟยเข้าไปภายในคำเดียว

เหตุร้ายที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้หนิงหานยู่คาดการณ์ไม่ถึง นางจึงขวัญหนีดีฝ่อมากกว่าเดิมขึ้นมาในทันที