ตอนที่ 2879 สังหารให้หมด

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 2879 สังหารให้หมด!
ทวีปสายฟ้าคำรามและทวีปวาโยนานนั้นมีเมืองระดับมหาจักรพรรดิเลือดอยู่ถึงทวีปละเก้าสิบเก้าเมือง

แต่ละเมืองนั้นส่งตัวแทนเข้าแข่งขันสิบคน รวมๆ กันมันย่อมจะมีจำนวนเกือบสองพันคนได้

แต่ว่าพื้นที่การบ่มเพาะในสระโลหิตนั้นมันมีเพียงแค่เก้าสิบเก้าที่!

คนสองพันนั้นมาแย่งชิงพื้นที่เก้าสิบเก้าสระกันมันย่อมจะไม่มีทางพอ

เพราะฉะนั้นมันย่อมจะต้องแย่งชิง!

สระทั้งเก้าสิบเก้านั้นมันย่อมจะมีคนครอบครองอยู่ตลอด

แต่ยิ่งเป็นสระที่หมายเลขต่ำเท่าไหร่มันก็ยิ่งหมายความว่าเป็นสระที่คุณภาพดีเท่านั้น

ว่าที่ร้อยบุตรแต่ละคนนั้นต่างมีเวลาสิบวันเพื่อบ่มเพาะในสระ

แต่แท้จริงแล้วคนส่วนมากย่อมจะไม่อาจบ่มเพาะถึงสิบวันได้!

คิดอยากเข้าไปบ่มเพาะในสระนั้นมันก็ต้องท้าทายและถูกท้าทายอยู่ตลอดๆ

คนที่ชนะนั้นจะได้สิทธิในการบ่มเพาะต่อไป

แต่คนแพ้นั้นย่อมจะหมดสิทธิ์ใดๆ อีก!

คนที่แพ้ไปแล้วนั้นจะไม่มีโอกาสได้ท้าทายเป็นครั้งที่สอง

แต่ต่อให้จะชนะ วันต่อมาพวกเขานั้นก็ต้องรอรับคำท้าของผู้คนที่หมายตาสระนั้นไว้

เย่หยวนนั้นยื่นแผ่นป้ายให้แก่ผู้ดูแลแต่บังเอิญว่ามีว่าที่ร้อยบุตรอีกคนมาเห็นเข้าก่อนจะร้องเรียกความสนใจจากคนรอบข้างขึ้นมา

“เมืองข่ายยักษ์ แค่พวกเดนมนุษย์มันก็กล้าคิดจะเข้ามาบ่มเพาะในสระโลหิตด้วย! นี่ไอ้หนู เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าขยะจากทวีปสวรรค์แรกนั้นไม่มีสิทธิ์เข้าในสระเลือด?”

คนที่กล่าวขึ้นมานั้นเป็นชายหนุ่มที่มีคางยื่นออกมาจนผิดรูป

เมื่อได้ยินเช่นนั้นมันก็ย่อมจะทำให้เกิดเสียงหัวเราะขึ้นรอบด้าน

เย่หยวนที่ได้ยินนั้นก็ต้องผงะไปเพราะดูรอบๆ แล้วมันมีเพียงแค่เขาจริงๆ ที่เข้าสระโลหิตมา

มันเกิดอะไรขึ้น?

คนอื่นๆ จากทวีปสวรรค์แรกมันไปไหนกันหมด?

เรื่องนี้มันเกิดขึ้นมาเพราะว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้ติดต่อรับข้อมูลจากคนอื่นๆ มาก่อน

เผ่าเลือดจริงๆ บนทวีปสวรรค์แรกนั้นต่างรู้กฎนี้กันสิ้น

แต่เย่หยวนนั้นไม่ได้พูดคุยสื่อสารใดๆ กับคนทั้งหลายระหว่างทางมันย่อมจะไม่มีทางใดที่เขาจะรู้ถึงเรื่องนี้ได้

มันมิใช่ว่าเย่หยวนนั้นอวดดีเย็นชาไม่เข้าหาผู้คนแต่หนึ่งคือเรื่องที่เขาไล่สังหารยอดอัจฉริยะของเมืองข่ายยักษ์จนหมดสิ้นมันแพร่กระจายไปทั่วกลุ่มคนจากทวีปสวรรค์แรกสิ้นจนทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าหาเขา สองคือเขานั้นเองก็เกลียดชังเผ่าเลือดอยู่ลึกๆ ในใจจนเกินกว่าจะไปเป็นคนออกตัวผูกมิตรเองได้

เพราะแท้จริงแล้วว่าที่ร้อยบุตรจากทวีปสวรรค์แรกนั้นไม่มีใครกล้าเข้ามาในสระโลหิตนี้จริงๆ

เพราะทำเช่นนั้นไปมันก็มีแต่จะหาเรื่องใส่ตัว

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วมันย่อมจะไม่มีใครคิดไปอีก

ทวีปสวรรค์แรกนั้นแทบไม่เคยมีใครสามารถขึ้นไปถึงร้อยบุตรจริงๆ ได้!

แต่ต่อให้จะบังเอิญเข้าไปได้ มันก็คงอยู่อันดับที่ร้อยหรือไม่ก็เก้าสิบเก้า

ตอนแรกๆ นั้นพวกเขาทั้งหลายย่อมจะคิดเข้ามาบ่มเพาะในสระโลหิตนี้

แต่ว่าเข้ามาก็มีแต่แพ้ ถูกกระทืบจนไม่รู้จักเหนือจักใต้กลับไปในที่สุด

แน่นอนว่าได้เห็นเช่นนั้นคนอื่นๆ ก็ย่อมจะไม่อยากเข้ามาตาม

เพราะฉะนั้นในสระโลหิตนี้มันจึงมีกฎที่รู้ๆ กันว่าคนจากทวีปสวรรค์แรกนั้นไม่ควรเข้ามา!

แน่นอนว่านี่มันเป็นแค่เรื่องที่รู้กันในหมู่ว่าที่ร้อยบุตร

ตามกฎจริงๆ แล้วพวกเขายังมีตำแหน่งไม่ต่างกันและสามารถเข้ามาท้าทายสระโลหิตได้อย่างเสรี เพียงแค่ว่าคนทั้งหลายก็ยังคงดูถูกคนจากทวีปสวรรค์แรกอยู่ดี

ทำไมมันถึงเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น?

เพราะว่าแท้จริงแล้วเผ่าเลือดที่อาศัยอยู่บนทวีปสวรรค์แรกนั้นต่างเป็นดินแดนคนอ่อนแอที่ถูกส่งออกไปเป็นทหารเลวแนวหน้า

เป้าหมายของคนพวกนี้คือไปเป็นโล่มนุษย์ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นคนที่ถูกส่งไปตาย

เผ่าเลือดนั้นได้ใช้คนทั้งหลายนี้เพื่อค่อยๆ กดดันเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ไปเรื่อยๆ

ไม่ว่าจะอย่างไรเสียหากคนทั้งหลายนี้ตายไปมันก็ไม่มีอะไรให้เสียดาย

แต่ก็เพราะเช่นนี้มันจึงทำให้เผ่าเลือดบนทวีปสวรรค์แรกถูกมองว่าอ่อนแอที่สุด!

แน่นอนว่าในทวีปสวรรค์แรกเองมันก็มียอดฝีมืออยู่เช่นกัน

เหมือนอย่างกองทัพหนึ่งแสนที่มาบุกมหานครฉีใต้นั้นหรือกองกำลังที่ลอบไปตั้งเส้นทางมิติทางเหนือเมืองทัศน์เหนือก่อนหน้า!

แต่ว่าทั้งสองกองกำลังนั้นกลับพ่ายให้แก่เย่หยวนอย่างไม่มีชิ้นดี

เพราะเช่นนี้เองมันจึงทำให้หวังจั่วนั้นคับแค้นเย่หยวนอย่างมากถึงขั้นยอมแลกอัศวินดำมากมายเพื่อหวังเอาชีวิตเย่หยวน

แม้ว่าเย่หยวนจะไม่เข้าใจว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไรแต่เขาก็พออ่านบรรยากาศรอบๆ ตัวตอนนี้ได้

เสี่ยวเฟยนั้นส่งเขามาอย่างไม่บอกกล่าวอะไรมันย่อมจะเพื่อหวังให้เขามาก่อเรื่องแล้ว!

เจ้าหมอนั่นมันรู้ว่าเย่หยวนเก่งกาจจึงได้คิดส่งเย่หยวนเข้ามาตบหน้าคน!

มันช่างชั่วร้ายดีจริงๆ ไม่คิดเลยหรือว่าตัวเขาจะแพ้บ้าง?

แต่ว่าตบหน้าก็ตบหน้า

‘หลังจากข้าส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ไปแล้วเปิดเผยตัวว่าแท้จริงข้าเป็นมนุษย์นั้นเจ้าจะทำหน้าอย่างไรกัน?’

“ข้าไม่รู้จริงๆ พี่ชายท่านนี้ช่วยบอกข้าหน่อยได้หรือไม่?” เย่หยวนยิ้มขึ้นถาม

ชายหนุ่มคางยาวคนนั้นตอบกลับมาด้วยเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “พี่? เจ้ามีค่าพอเป็นน้องข้า? รีบๆ ไสหัวไปได้แล้ว! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะได้บทเรียนราคาแพง!”

เย่หยวนนั้นตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มอย่างไม่สนใจ “ข้านั้นเป็นว่าที่ร้อยบุตรมีเหรียญยืนยันตัว ข้าย่อมจะมีสิทธิ์เข้ามาท้าทายคนในสระโลหิตทั้งหลาย เจ้าไม่มีสิทธิ์อะไรมาไล่ข้าออกไป”

ชายหนุ่มคางยาวคนนั้นหัวเราะขึ้น “โอ้! ว่าที่ร้อยบุตร ตำแหน่งน่ากลัวแท้! ฮ่าๆๆ! มันบอกว่ามันเป็นว่าที่ร้อยบุตรด้วย พวกเจ้ากลัวกันหรือไม่?”

มันย่อมจะเกิดเสียงหัวเราะเย้ยหยันขึ้นมาจากคนรอบๆ ทันทีหลังจากนั้น

“กลัวแล้ว! กลัวจนจะตายแล้ว! พวกเราทั้งหลายนั้นไม่ใช่ว่าที่ร้อยบุตรเลยสักคน!”

“ทวีปสวรรค์แรกมันมีแต่ยอดฝีมือหรือ? พวกมันเก่งกาจกันมากหรือ?”

“สงสัยเหลือเกินว่าสระโลหิตใดมันจะตกไปอยู่ในมือของยอดฝีมือจากทวีปสวรรค์แรกผู้นี้!”

คนทั้งหลายนั้นต่างเย้ยหยันดูถูกทวีปสวรรค์แรกกันอย่างมาก คำพูดแต่ละคำนั้นมันแสนแดกดัน

ชายหนุ่มคางยาวคนนั้นกล่าวขึ้นมาต่อ “ไอ้หนู เจ้าอาจจะยังไม่รู้ว่าคนที่มาบ่มเพาะในสระโลหิตนี้มันต่างล้วนเป็นว่าที่ร้อยบุตรที่แท้จริงทั้งสิ้น! ส่วนเจ้านั้นเป็นแค่เดนคนที่มาจากทวีปสวรรค์แรก! เจ้ารู้จักคำว่าเศษเดนหรือไม่? ไอ้หนู อย่าได้หาว่าข้าไม่เตือนเจ้าแล้วกัน รีบๆ ไสหัวไปได้แล้ว หากเจ้าไปท้าทายยอดฝีมือในสระโลหิตจริงๆ เจ้าจะไม่ได้ตายดีเอา!”

เย่หยวนตอบกลับไป “เช่นนั้นหรือ? ข้ากลัวจะตายแล้ว! นายท่าน หากถึงเวลาที่ข้าท้าทายสระโลหิตแล้วข้าจะสามารถไล่พวกมันทั้งหมดออกไปได้หรือไม่?”

ผู้ดูแลมหาจักรพรรดิครึ่งก้าวคนนั้นที่ได้ยินต้องผงะไป

ไล่ทั้งหมด?

มันหมายความว่าอย่างไร?

“อ่า ความหมายของข้าคือข้าจะท้าทายพวกมันทั้งหมดพร้อมกัน! หากข้าสังหารพวกมันจนหมดแล้วสระโลหิตมันก็ควรจะเป็นของข้าคนเดียวใช่หรือไม่?” เย่หยวนถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้ดูแลทำหน้างงๆ

แต่คำพูดนี้มันกลับยิ่งทำให้ผู้ดูแลคนนั้นทำหน้ามึนงงเข้าไปใหญ่

สังหารหมด?

เจ้าเด็กโง่นี่มันผุดขึ้นมาจากนรกขุมไหนกัน?

“ฮ…ฮ่าๆ เจ้าหนุ่ม เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันมีใครบ่มเพาะอยู่ในสระโลหิตบ้าง?” ผู้ดูแลอดถามขึ้นไม่ได้

เย่หยวนส่ายหัวตอบกลับไป “มันเป็นใครไม่เกี่ยวกับข้า เพราะสุดท้ายแล้วมันก็จะเป็นแค่คนตายที่ไม่ต้องจดจำ”

ชายหนุ่มคางยาวคนนั้นรีบหัวเราะขึ้นแทรกทันทีที่ได้ยิน “ฮ่าๆๆ…สุดยอดจริง! ทวีปสวรรค์แรกมันช่างมียอดคนเสียจริง! เช่นนั้นเจ้าจำชื่อข้าไว้ให้ได้ ข้าคือหลานเฉีย! ถึงเวลาแล้วอย่าลืมมาท้าทายข้าด้วย!”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “หากเจ้าอยากตายข้าก็จะสงเคราะห์ให้”

คนที่จะท้าทายได้ในแต่ละวันนั้นมันจำกัดแค่เก้าสิบเก้าคน

เย่หยวนนั้นเพิ่งยื่นป้ายตัวเองลงสมัคร มันย่อมจะต้องรอต่อคิว

การท้าทายของเขานั้นมันจะเกิดขึ้นหลังจากนี้สองวัน แต่คำพูดของเย่หยวนนี้มันทำให้คนทั้งสระโลหิตต้องหันมาให้ความสนใจ

พวกเขานั้นเคยเห็นคนโง่มามาก แต่ไม่เคยเห็นใครที่โง่ได้เช่นนี้มาก่อน!

ที่นี่คือที่ไหน?

มันคือเมืองมหาจักรพรรดิเลือดสวรรค์สัมบูรณ์!

ต่อให้จะเป็นเทพจากสวรรค์มันก็ต้องก้มหน้าเมื่อเข้าเมืองมา!

ไม่รู้หรือว่าในเมืองนี้มันมียอดฝีมืออยู่กี่คน?

แต่เจ้านั้นกลับพูดออกมาได้ว่าจะสังหารคนทั้งหมดในสระโลหิต!

จะบ้าหรืออย่างไร?

“ทวีปสวรรค์แรกมันมีคนโง่เช่นนี้อยู่ด้วย?”

“นอกจากสร้างคนโง่แล้วทวีปสวรรค์แรกมันยังจะทำอะไรได้อีกเล่า?”

“ฮ่าๆ สิบต้นกล้าปีนี้มันมีถึงเจ็ดคนที่ยังคงบ่มเพาะในสระโลหิต! ไอ้เด็กนี่กลับโม้ว่าจะสังหารพวกเขาลงทั้งหมด! ข้าล่ะตั้งตารอเลย!”

“สองวัน! อีกสองวันเราก็จะได้รู้กันแน่แล้ว!”

คนทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องมองดูเย่หยวนด้วยแววตาท่าทางสมเพช

พวกเขานั้นตัดสินไปแล้วว่าเย่หยวนเป็นแค่คนบ้า

หากยังสติดีมีหรือที่จะกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมา?

ผู้ดูแลนั้นมองหน้าเย่หยวนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องถึงขั้นสังหารหรอก เจ้าแค่เอาชนะพวกเขาลงได้สระโลหิตนั้นๆ มันก็จะเป็นของเจ้าแน่แล้ว!”

แต่เย่หยวนนั้นกลับส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “แค่ชนะมันจะไปสนุกอะไร? มันต้องสังหารเท่านั้นถึงจะสะใจ!”

……….