ตอนที่ 2880 จะไม่เข้ามาพร้อมกัน

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 2880 จะไม่เข้ามาพร้อมกัน?
วันต่อมานั้นมันก็เป็นตาของหลานเฉียเข้าไปท้าทายสระโลหิตและเขาก็เลือกที่จะท้าทายสระโลหิตหมายเลขเจ็ดทันที

เรื่องนี้มันย่อมจะกลายเป็นจุดสนใจของคนมากมาย เพราะว่าก่อนหน้านี้ต่อให้หลานเฉียจะเก่งแต่มันก็ไม่มีใครคิดว่าเขาจะเก่งได้ถึงปานนั้น

เพราะสิบสระแรกนั้นมันคือจุดที่เหล่าสิบต้นกล้าว่าที่ร้อยบุตรอยู่กัน การจะไปท้าทายตำแหน่งนั้นมันย่อมจะหมายความว่าหลานเฉียนั้นมั่นใจในฝีมือมาก แต่มันก็ยังไม่มีใครคิดว่าหลานเฉียจะชนะได้จริง!

เขานั้นชนะได้อย่างสวยงาม!

คนทั้งหลายนั้นต่างเห็นได้ชัดเจนว่าแท้จริงแล้วหลานเฉียยังไม่ได้เอาจริงสุดตัวเสียด้วยซ้ำ!

เจ้าหมอนี่มันเป็นม้ามืดอย่างแท้จริง

ในศึกร้อยบุตรครั้งนี้หลานเฉียคงนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือสิบอันดับแรกได้ง่ายๆ

วินาทีนี้หลานเฉียได้กลายเป็นดาวเด่นขึ้นเมืองมหาจักรพรรดิเลือดสวรรค์สัมบูรณ์ขึ้นมาทันที!

ก่อนที่จะเข้าสระโลหิตนั้นหลานเฉียได้หันมาบอกเย่หยวนด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง “ยอดฝีมือจากทวีปสวรรค์แรก ข้าพร้อมรับคำท้าเจ้าในวันพรุ่งนี้! จำไว้ว่าข้านั้นอยู่ที่สระโลหิตหมายเลขเจ็ด!”

เย่หยวนนั้นนั่งรออยู่ข้างๆ ตลอดเวลา แน่นอนว่าเขาย่อมจะได้เห็นศึกนี้กับตา

หลานเฉียนั้นเก่งกาจจริง

ยอดฝีมือที่มาถึงเมืองมหาจักรพรรดิเลือดสวรรค์สัมบูรณ์ได้นั้น มันย่อมจะไม่อาจเอาคนจากเมืองข่ายยักษ์มาเทียบเคียง!

เย่หยวนนั้นบอกได้เลยว่าเหล่าว่าที่ร้อยบุตรในสระโลหิตทั้งหลายนั้นมันเก่งกาจไม่ด้อยไปกว่ากันเลย

พวกเขานั้นเรียกได้ว่าพ้นขีดจำกัดของจักรพรรดิเซียนไปแล้ว!

ต่อให้จะเอาศิษย์จากนิกายใหญ่อย่างนิกายยาสุดล้ำมาเทียบมันก็คงไม่อาจจะเทียบคนทั้งหลายนี้ได้!

แต่ว่าเย่หยวนนั้นย่อมจะไม่กังวลใด

ตอนนี้ด้วยพลังสายเลือดที่พัฒนาขึ้นมาฝีมือของเขามันย่อมจะหลุดจากระดับของจักรพรรดิเซียนไปไกลโข กอปรกับพลังของพรนั้นด้วยแล้วเขาย่อมจะไม่มีใครต้านทานได้!

ต่อให้ตอนนี้เย่หยวนจะต้องประลองกับจักรพรรดิเที่ยงขั้นกลางเขาก็คงสามารถจัดการได้โดยความไม่แตกว่าเป็นมนุษย์!

จักรพรรดิเซียนเผ่าเลือดทั้งหลายนั้นมีความสามารถต่อสู้ข้ามอาณาจักรได้แต่หากต้องไปเจอจักรพรรดิเที่ยงขั้นกลางเข้าแล้วมันก็คงไม่พ้นความตายแน่

มิใช่ทุกคนจะเก่งได้อย่างเย่หยวน

“เจ้ามันยังไม่มีค่าพอ!” ได้ยินคำท้าทายของหลานเฉียนั้นเย่หยวนก็ย่อมจะตอบกลับไปอย่างไม่แยแส

“ฮ่าๆ เจ้าอวดดีไปก่อนเถอะ หวังว่าถึงเวลาแล้วเจ้าจะไม่กลัวหัวหดไปก่อน!” หลานเฉียนั้นหัวเราะขึ้นเย้ย

ตัวเย่หยวนในเวลานี้มันได้กลายเป็นตัวตลกแห่งสระโลหิตไปแล้ว

เขานั้นบอกว่าจะท้าทายทุกคนในสระโลหิต มันย่อมจะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเคยคิดทำมาก่อนในประวัติศาสตร์

เพราะไม่มีใครเก่งกาจพอจะเอาชนะยอดอัจฉริยะระดับจักรพรรดิเซียนลงพร้อมๆ กันร้อยคนได้!

ที่สำคัญไปกว่านั้นคนทั้งหลายนี้ยังมิใช่แค่อัจฉริยะทั่วๆ ไป!

วันต่อมามันก็ย่อมจะเกิดการท้าทายขึ้นอย่างต่อเนื่องมีม้ามืดปรากฏตัวขึ้นอีกหลายคนอย่างไม่มีหยุดพัก

แต่ไม่มีใครเจิดจ้าได้เท่าหลานเฉีย

วันต่อมา วันที่สามมันก็ถึงตาของเย่หยวน!

คนทั้งหลายนั้นต่างมามุงดูเรื่องราวและกล่าวเย้ยหยันขึ้น “นี่ ยอดฝีมือจากทวีปสวรรค์แรก มันถึงตาเจ้าท้าทายแล้ว! เจ้าบอกว่าจะท้าทายยอดอัจฉริยะทั้งสระโลหิตด้วยตัวเอง! อย่าได้ปอดแหกขึ้นมาก่อนเล่า!”

“เจ้ามันโชคดีจริงๆ เฉียซวยนั้นครบเวลากำหนดบ่มเพาะสิบวันจึงต้องออกจากสระโลหิตไปก่อน ไม่เช่นนั้นเจ้าคงได้เจอเขาแน่แล้ว”

“รีบๆ ไปสิ อย่าได้กลัว!”

“ยอดฝีมือ รีบๆ จัดการพวกมันลงให้หมดเถอะ ทำได้จริงข้าจะขอก้มหัวรับใช้ท่านเอง!”

เย่หยวนนั้นยังไม่ทันขึ้นสังเวียนมันก็มีเสียงเย้ยหยันดังขึ้นมาทั่วทิศ

เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นเย่อหยิ่งย่อมจะไม่มีใครอยากลงมือ

พวกเขานั้นต่างหมายมุ่งอันดับหนึ่งแต่ก็ไม่มีใครจะบอกว่าตนนั้นเอาชนะคนทั้งหมดลงพร้อมกันได้

ไม่มีใครกล้า!

เฉียซวยนั้นคือคนที่ได้รับการยอมรับว่าเก่งกาจที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้ หากเย่หยวนแค่คิดท้าทายเขานั้นมันย่อมจะไม่ทำให้เกิดเสียงเย้ยหยันขึ้นมากมายเท่านี้

แต่คิดท้าทายทุกผู้คนนั้นมันโง่จนเกินไป!

เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงเป็นได้แค่ตัวตลกในสายตาคนทั้งหลาย

ผู้ดูแลหันมามองหน้าเย่หยวนก่อนจะถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ยอดฝีมือจากทวีปสวรรค์แรก เจ้ายังคิดท้าทายทุกคนพร้อมกันอยู่หรือไม่?”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “แน่นอน เรียกพวกมันมาพร้อมๆ กันเถอะ ข้ายังต้องเอาเวลาที่เหลือไปบ่มเพาะต่ออีก”

ผู้ดูแลนั้นต้องผงะไป

เพราะดูน้ำเสียงที่ถามนั้นเขาคงไม่คิดว่าเย่หยวนจะเอาจริง

เขาแค่พูดขึ้นมาประชดเท่านั้น

หรือว่าเจ้าเด็กนี่มันเบื่อชีวิตแล้วจริง?

ในมิติลับไกลออกไปเหล่ายอดฝีมือหลายคนนั้นต่างกำลังมองดูที่สระโลหิตเบื้องล่าง

“เสี่ยวเฟย นี่คือไม้ตายของเจ้า? ไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็แค่คนโง่แท้ๆ!”

“ฮ่าๆ มันคิดว่าที่นี่คือทวีปสวรรค์แรกหรือ? แค่สังหารขยะมาได้นิดหน่อยก็คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานแล้ว? หรือต่อให้มันจะไร้เทียมทานจริงๆ แต่มันจะเอาชนะจำนวนได้หรือ?”

ทูตโลหิตทั้งเจ็ดนั้นกำลังนั่งมองดูเรื่องราวอยู่

คนที่เหลือทั้งหกนั้นต่างกล่าวเย้ยเสี่ยวเฟย

พวกเขานั้นได้ยินเรื่องของเย่หยวนบนทวีปสวรรค์แรกมาจนหมดสิ้นแล้ว

แต่ในความคิดของพวกเขานั้นแค่ไล่กวาดขยะได้มันก็ถือเป็นยอดฝีมือ?

พวกเขานั้นเข้าใจถึงฝีมือของร้อยบุตรจักรพรรดิเซียนดีเพราะว่าคนที่ทำการคัดเลือกในครั้งก่อนๆ มามันก็คือพวกเขานี้

และในหมู่คนทั้งเจ็ดมันก็มีหลายคนที่เคยเป็นร้อยบุตรจักรพรรดิเซียนมาก่อนด้วย!

ทำไมเผ่าเลือดถึงได้ให้ค่าแก่การคัดเลือกร้อยบุตรมากมายนัก?

เพราะว่าโอกาสที่ร้อยบุตรนั้นจะเติบโตเป็นยอดฝีมือมันสูงมาก!

ร้อยบุตรจักรพรรดิเซียนจากหลายพันปีก่อนนั้นในเวลานี้มันได้กลายเป็นยอดฝีมือทั่วแผ่นดินไปสิ้น

บ้างนั้นถึงขั้นบรรลุระดับเจ้าโลกไปได้แล้ว!

และการคัดเลือกร้อยบุตรนี้มันจัดขึ้นทุกสิบปี เรียกได้ว่าเป็นการส่งยอดคนขึ้นมาเติมเต็มขยายอำนาจอย่างไม่มีหยุด

และพวกเขาเหล่าทูตโลหิตทั้งหลายนั้นต่างจะได้รับรางวัลจากวิหารโลหิตเทวาตามยอดอัจฉริยะที่หามาได้

เพียงแค่ว่าเสี่ยวเฟยนั้นไม่เคยได้รับมันเลย

ได้ยินคำเย้ยหยันของคนทั้งหกนั้นเสี่ยวเฟยก็ยิ้มตอบกลับไป “คนหนุ่มนั้นจะแค่บ้าหรือมากฝีมือมันต้องรอดูกันไปให้เห็นกับตาก่อน”

ทูตโลหิตอีกคนกล่าวขึ้น “เฮอะ! เสี่ยวเฟย เจ้าคิดว่าพวกเราไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเจ้าหรือ! นี่คงคิดว่าได้อัจฉริยะเก่งกาจมาแล้วคิดจะตบหน้าพวกเรา? แต่ต่อให้เรายื่นหน้าให้เจ้าจะกล้าตบ?”

ใครที่อยู่ในสระโลหิตตอนนี้ พวกเขาแต่ละคนมากฝีมือแค่ไหนคนทั้งหลายนี้ย่อมจะเข้าใจ

เพราะว่าศึกในสระโลหิตนี้มันนับว่าเป็นแนวทางให้แก่การตัดสินศึกร้อยบุตรในภายหลัง

เสี่ยวเฟยนั้นไม่เคยชนะมันมาก่อน!

เพราะฉะนั้นเป้าหมายของเขามันย่อมจะไม่พ้นการหักหน้าคนทั้งหลายแล้ว

ในสังเวียนนั้นยอดอัจฉริยะเก้าสิบเก้าคนได้ล้อมมองดูเย่หยวนด้วยสายตาเย็นเยือก

เจ้านี่มันบ้า!

“มินเหวิน เจ้าไปจัดการมันเสีย เสียเวลาเราเปล่าๆ!” คนที่พูดขึ้นมานั้นคือยอดอัจฉริยะในสระโลหิตหมายเลขหนึ่ง เฉียหยู่

หลังจากที่เฉียซวยหมดเวลาออกไปเขาคนนี้ก็ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแทน

ตอนนี้เขาคือคนที่เก่งกาจที่สุดในหมู่คนทั้งเก้าสิบเก้า!

ส่วนมินเหวินนั้นเขาคือขี้ข้าของเฉียหยู่

เฉียหยู่นั้นดูถูกเย่หยวนอย่างมากและไม่คิดลงมือเองแต่อย่างใด

เมื่อมินเหวินได้ยินเช่นนั้นเขาก็พุ่งตัวเข้าหาเย่หยวนทันที

“ช้าก่อน!” เย่หยวนกล่าวขึ้นขัด

เฉียหยู่ยิ้มขึ้นมา “กลัวแล้ว? แต่มันสายไปแล้ว!”

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “พวกเจ้าทั้งหลายแน่ใจหรือว่าจะไม่เข้ามาพร้อมกัน? ตอนนี้ข้าให้โอกาสพวกเจ้าอยู่ แต่หลังจากนี้พวกเจ้าคงไม่มีเวลาแม้แต่จะมานั่งเสียใจแล้ว!”

คนทั้งหลายได้แต่ต้องหันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะลั่นขึ้น!

โจมตีพร้อมกัน?

แค่จักรพรรดิเซียนขั้นปลายคนหนึ่งนี้?

‘ฮ่าๆ เจ้าไม่รู้เลยหรือว่าคนในที่นี้มันเรียกได้ว่ามีฝีมือระดับจักรพรรดิเที่ยงกันหมดแล้ว!’

“หึๆ ไอ้หนู ผ่านข้าไปให้ได้ก่อนเถอะค่อยมาพูด!” มินเหวินนั้นหัวเราะลั่นพุ่งเข้ามาใกล้เย่หยวน

ปัง!

ฝุ่นเลือดกระจายขึ้นมากลางอากาศ!

หมัดนี้ถูกต่อยออกทำลายร่างของมินเหวินจนไม่เหลือชิ้นดี!

“อืม นี่ถือว่าข้าผ่านเจ้าได้หรือยัง? พวกเจ้าแน่ใจนะว่าจะเข้ามาทีละคนจริงๆ?” เย่หยวนหันไปมองหน้าคนทั้งหลายด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

………………………