ตอนที่ 3,350 : เข้าสู่สมรภูมิอเวจี
เจ้าตัวเล็กทั้ง 3 นั้น สามารถทําตัวดื้อรั้นไม่เชื่อฟังจี้หนิงอวิ๋นได้…แต่ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนพวกมันย่อมไม่กล้าดื้อรั้นหรือไม่เชื่อฟัง
พวกมันได้แค่เชื่อฟังต้วนหลิงเทียนแต่โดยดี
อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ยังพยายามจะคัดค้านอยู่บ้าง “พี่ใหญ่หลิงเทียน ก็ข้าเป็ห่วงท่านและ กลัวท่านตกอยู่ในอันตรายนี่นา…หากพวกเราไปด้วยจะอย่างไรก็คอยดูแลกันได้ ถึงตอนนั้นท่านก็ ไม่ต้องกลัวมีคนกลุ้มรุมเล่นงานท่านแล้ว”
“พี่ใหญ่หลิงเทียน หากอาวุโส 4 บอกท่านให้มาเกลี้ยกล่อมเรา เช่นนั้นท่านก็ทําที่เป็นเออออไปกับนางเถอะ อย่างมากหลังพวกเรากลับไปเมื่อไหร่ พวกเราค่อยแอบหนีออกมาแล้วไปสมรภูมิอเวจีกับท่าน!”
“พี่ใหญ่หลิงเทียน ข้าจะไปกับท่านอ่า”
เสียงผ่านพลังด้วยความห่วงใยของเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 ทําให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกอบอุ่นในใจ
“เอาตามที่พวกเจ้าว่าก็ได้”
ต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงผ่านพลังไปถึงเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 ว่า “ข้าจะไม่ออกไปจากระนาบเซียนสักพัก…ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 3 ปี และในช่วง 3 ปีหลังจากนี้ หากพวกเจ้ายังอยากจะไปกับข้าก็มาหาข้าที่ระนาบเซียนได้เลย หากพวกเจ้ามาได้พวกเราก็จะไปด้วยกัน”
สําหรับเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 เบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลเลย…
ถึงจะไม่ได้พบเจอพวกมันทั้ง 3 มา 200 กว่าปีแล้ว แต่ความรู้สึกที่เจ้าตัวเล็กมีต่อเขาไฉนเขาจะไม่รู้ เขายังสัมผัสได้ชัดเจนว่าพวกมันไม่เปลี่ยนไปเลย ที่สําคัญความรู้สึกสนิทสนมของพวกมันที่มีต่อเขา ไม่เพียงแต่จะลบเลือนไปตามกาลเวลา แต่ยิ่งมากลับยิ่งมากขึ้น
สําหรับเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 ต่อให้รู้ว่าเขามีเทพเบญจธาตุ แต่พวกมันก็ไม่ทําร้ายเขาแน่
การเข้าสู่สมรภูมิอเวจีครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนเชื่อว่าตัวเองไม่น่าจะตกอยู่ในอันตรายหรือพบเจอเรื่องราวตึงมือ การที่เจ้าตัวเล็กทั้ง 3 ไปกับเขาก็มีแต่ประโยชน์ ไม่มีอันตรายอะไร
กล่าวจากใจ เขายังหวังว่าเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 จะสามารถแอบหนีออกมาได้จริงๆ จะได้ไปสมรภูมอเวจีกับเขา
ได้ยินเสียงผ่านพลังดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน สองตาทั้ง 3 ก็ทอประกายวับวาวขึ้นมาทันที
พวกมันแคหาทางแอบหนีออกมาให้ได้
ด้วยมีต้วนหลิงเทียนลอบให้ท้ายแบบนี้ พวกมันไม่มีลังเลหรือต้องคิดทบทวนใดๆทั้งสิ้น
“ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่กับเจ้า ข้าได้ส่งข่าวไปหาตาแก่แล้ว…หลังจบเรื่องที่อู่หยาเทียน ตาแก่จะกลับไปเผ่ามังกรก่อน”
จี้หนิงอวิ๋นมองเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป และเสี่ยวจินพลางกล่าว “ ดังนั้นพวกเจ้าก็สามารถอยู่กับพี่ใหญ่ของพวกเจ้าได้สักพัก”
“โอ้”
เพื่อป้องกันไม่ให้จี้หนิงอวิ๋นคลางแคลงสงสัย เสี่ยวเฮย กับเสี่ยวไปและเสี่ยวจิน จึงเลือกจะรั้งอยู่ระนาบเซียนสักพัก และในช่วงไม่กี่วันที่ผ่าน หลังได้ทําความรู้จักกับฮ่วนเอ๋อ ด้วยนิสัย ของฮ่วนเอ๋อแล้ว โดยทั่วไปก็ไม่มีใครที่ไม่ชอบ
กระทั่งจี้หนิงอวิ๋นก็สนิทสนมกับฮ่วนเอ๋อไม่น้อย
3 เดือนผ่านไปในพริบตา
พอถึงวันต้องร่ําลา เจ้าตัวเล็กทั้ง 3 ก็แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับต้วนหลิงเทียน หลังจากนั้นก็ติดตามจี้หนิงอวิ๋นกลับระนาบเทวโลกแต่โดยดี
แน่นอนว่าในขณะที่จะเดินทางกลับ ทั้ง 3 ก็ไม่ลืมส่งข้อความมาหาต้วนหลิงเทียนอย่างคึกคักว่าจะรีบกลับมาเร็วๆ
“อาวุโสเหลียนชิว อาวุโสตู้เสวียน พวกท่านคิดจะทําอย่างไรต่อไปหรือ?”
หลังเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 จากไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปถามคู่สามีภรรยาอย่างเหลียนชิวกับตู้เสวียน เพราะหลังจากนี้ไม่นานเขากับส่วนเอ่อจะไปสมรภูมิอเวจี เช่นนั้นก่อนจะไปก็ต้องจัดการ เรื่องราวของเหลียนชิวกับตู้เสวียนให้ดีก่อน ฮ่วนเอ๋อถึงจะไปสมรภูมิกับเขาได้อย่างสบายใจ
“พวกเราคิดจะอยู่ที่ระนาบเซียนแห่งนี้อีกสักพัก”
ตอนนี้สายตาที่ตู้เสวียนใช้มองต้วนหลิงเทียน ไม่ต่างอะไรจากสายตาแม่ยายที่มองเขยมังกร เลยฉายชัดถึงความพึงพอใจถึงขีดสุด “ส่วนเรื่องหลังจากนี้ทุกอย่างรอพวกเจ้ากลับจากสมรภูมอเวจีแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
ถึงแม้นางกับเหลียนชิวก็จะล่วงรู้ถึงความอันตรายของสมรภูมิอเวจีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ท่าทางมั่นใจและความรู้สึกที่ต้วนหลิงเทียนส่งออกมาราวกับที่นั่นก็แค่สวนหลังบ้าน ก็ทําให้พวกนางพลอยติดเชื้อไปด้วย
นอกจากนั้นเหลียนชิวยังเห็นกับตาว่าต้วนหลิงเทียนซัดจักรพรรดิอมตะไว้ใจ เหลยอิง แห่งวังเทียนฉือจนเปลี้ยอย่างไร! ต้องทราบว่าเหลยอิงไม่ใช่จักรพรรดิอมตะสมญานามธรรมดาๆ กระทั่ง เหลียนชิวยังจนปัญญาจะทําอะไรนางได้ แต่ไม่คิดว่าปุบปับต้วนหลิงเทียนจะลงมือทําลากระบวนท่าเหลยอิงดื้อๆ แถมเหลือพลังไปซัดเหลยอิงจนปลิวไปไม่เป็นท่าได้แบบนั้น…
ทุกอย่าง ทําให้มันบังเกิดความไว้วางใจในตัวด้วนหลิงเทียน
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะให้ลูกสาวของมันรั้งรออยู่ที่นี่ และไปช่วยพวกมันที่คุกหมื่นพันธนาการเพียงลําพัง ทําให้พวกมันรู้ว่าหากต้วนหลิงเทียนไม่มั่นใจย่อมไม่มีทาง ปล่อยให้ลูกสาวของพวกมันไปเสียงแน่!
พอคิดถึงจุดนี้มันก็สบายใจมากขึ้น
“ ตกลง”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
หลังจากนั้นฮ่วนเอ๋อก็มักคอยดูแลอยู่เคียงข้างตู้เสวียนเหลียนชิว และภายใต้การนําพาของต้วนหลิงเทียน ทั้งหมดก็ได้ท่องเที่ยวไปทั่วทุกมุมของระนาบเซียน…ระหว่างนี้ฮ่วนเอ๋อก็คอย เล่าเรื่องราวการเดินทางของต้วนหลิงเทียนจากจุดต่ําสุดในเมืองเล็กๆจนถึงปัจจุบัน
จังหวะนี้พอตู้เสวียนกับเหลียนชิวได้รู้ถึงประสบการณ์ที่ต้วนหลิงเทียนผ่านพ้นมา ทั้งคู่ก็อดไม่ได้ที่จะขึ้นชมจับใจ และหลายๆอย่างพวกมันยังคิดว่าเป็นปาฏิหาริย์ด้วยซ้ําที่ต้วนหลิงเทียนเอาตัวรอดมาได้
หนึ่งในพวกมันเกิดในตระกูลใหญ่ของเผ่าจิ้งจอกมายา อีกหนึ่งก็เติบโตขึ้นมาในหุบเขากระบี่ฟ้า ชีวิตไหนเลยสมบุกสมบัน ผ่านเรื่องราวทางโลกมาโชกโชนเท่าต้วนหลิงเทียน
วันเวลา 3 ปีก็ผ่านไปในชั่วพริบตา
ต้วนหลิงเทียนที่เฝ้ารอ ในที่สุดก็ไม่ได้เห็นเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ มีแต่เสี่ยวจีนที่มาหาเขาได้
“พี่ใหญ่หลิงเทียน ก่อนข้าจะหนีออกมา ข้าได้ติดต่อไปหาพวกมันแล้ว…พวกมันบอกว่าโดนอาวุโสใหญ่จับตามองไม่ห่างเลย แม้ยามออกนอกเผ่าไปเมืองใกล้ๆก็แทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ไกล เพราะมีอาวุโสเป็นสิบๆล้อมหน้าล้อมหลัง ได้รับการคุ้มกันยิ่งกว่าลูกจักรพรรดิสวรรค์ซะอีก! นอกจากนั้นพวกมันก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวมั่วซั่ว ไม่งั้นต่อไปก็อย่าหวังจะได้ออกมาเล่นนอกเผ่ามังกรแล้ว!!”
เสี่ยวจินกล่าวเล่าให้ต้วนหลิงเทียนฟัง “แต่พวกมันยังบอกว่าให้พวกเรารออีกสักปี…หนึ่งปีต่อมา ถ้าหากพวกมันมาได้ก็แล้วไป แต่ถ้ามาไม่ได้ก็หมายความว่าพวกมันหาวิธีหนีมาไม่ได้ เช่นนั้น ก็ให้พวกเราไปสมรภูมิอเวจีกันเอง”
“เอาล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ก่อนจะคลี่ยิ้มยินดี และมีความสุขกับพวกเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไปจากใจ
เพราะการที่ทั้งคู่ถูกเผ่ามังกรจับตาถึงขนาดนี้ หมายความว่าเผ่ามังกรให้ความสําคัญกับทั้งคู่มากจริงๆ
และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องดีสําหรับเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป ต่อไปเขาก็สามารถวางใจได้ เพราะถ้าเผ่ามังกรยังไม่ล่มสลาย ก็คงไม่มีใครสามารถแตะต้องทั้งคู่ได้แน่!
“ถ้างั้นพวกเราก็รอทั้งคู่อีกสักปีแล้วกัน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายหลังผ่านไป 1 ปี แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไปจะปรากฏตัว เสี่ยวจินก็เลยย้อนกลับไปว่านโชวเทียนอีกครั้ง พอติดต่อไปก็พบว่าทั้งคู่ยังหาโอกาสหลบหนีออกมา ไม่ได้เลย ลูกล่อลูกชนทั้งหลายถูกอาวุโสเผ่ามังกรล่วงรู้หมดสิ้น เพราะพวกมันใช้หลบหนีไปเที่ยวก่อนหน้าไม่น้อย…
สําหรับทางเข้าสมรภูมิอเวจีนั้น มีอยู่ทั่วทุกระนาบเทวโลก สําหรับทางออก โดยทั่วไปแล้ว หากคิดจะกลับมาจากที่นั้นก็จะถูกส่งตัวมายังงระนาบเทวโลกที่อยู่ใกล้ที่สุดแทน
“พี่ใหญ่หลิงเทียน ข้างหน้านั่นล่ะ เป็นทางเข้าสมรภูมิอเวจี”
ในแดนจักรพรรดิหยก ของอวี่หวงเทียน เสียวจนมองชี้ไปยังอาคาร 2 ชั้นเบื้องหน้า พลางกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน
เหตุผลที่ไฉนวนหลิงเทียนเลือกจะเข้าสู่สมรภูมิอเวจจากอ หวงเทียน ก็เพราะต้วนหลิงเทียนรู้สึกใกล้ชิดกับอวหวงเทียนแค่นั้น และไม่ว่าจะเข้าจากระนาบเทวโลกใด ก็ไปถึงสมรภูมิอเววเหมือนๆกัน
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเห็นร่างนําฮ่วนเอ๋อกับเสี่ยวจินเข้ามาใกล้อาคารปลูกสร้างสองชั้นดังกล่าว ทั้ง 3 ก็ได้เห็นสิ่งก่อสร้างที่ดูละม้ายคล้ายแท่นบูชาขนาดเล็ก และยังเห็นบางคนกําลังเดินขึ้นไปบนแท่นบูชาดังกล่าว พอถึงด้านบนสุดของแท่นบูชา ก็พบว่ามีการสลักชื่ออะไรบางอย่างบนแท่นศิลาที่อู่กลาแท่นบูชา จากนั้นก็จะถูกอาคมเคลื่อนย้ายส่งตัวไปทันที
“พี่ใหญ่หลิงเทียน หลังพวกเราขึ้นไปด้านบนแท่นนี้ แล้วไปสลักชื่อตรงนั้น พวกเราก็จะถูกส่งเข้าบังสมรภูมิอเวจีทันที”
เสียวจนกล่าวอธิบายออกมาอย่างแข็งขัน ตอนนางอยู่ในหุบจันทร์โลหิตของว่านโช่วเทียน นางได้ไปศึกษาหาข้อมูลของสมรภูมิอเวจีมาไม่น้อย “ถ้ามีคนใช้ชื่อเดียวกับท่าน และมันยังไม่ถูกกําจัดออกมาจากสมรภูมิ ท่านก็จําต้องหาชื่อใหม่”
“หลังจากเข้าไปในสมรภูมิแล้ว ไม่ว่าท่านฆ่าผู้ใด ก็จะได้แต้มรบทั้งหมดที่มันมีมาทันที และค่าแต้มยศรบหลังชื่อท่านก็จะเพิ่มขึ้นตามจํานวนแต้มรบที่ได้ด้วย และเป็นแต้มสะสมที่จะไม่ลดลงถึงแม้ท่านจะใช้แต้มรบเพื่อเปิดแดนลับอะไร”
“และหากท่านอยากเห็นแต้มยศรบของท่านกับผู้อื่นในสมรภูมิอเวจี ท่านอาศัยเพียง หนึ่งห้วงคิด ก็จะเห็นถึงตารางคะอันดับได้ทันที แน่นอนว่านอกเหนือจากแต้มยศรบของตัวท่านเองแล้ว ท่านสามารถดูได้ก็แต่ผู้ที่มีแต้มยศรบติด 1,000 อันดับแรกเท่านั้น”
“ผู้ที่มีแต้มยศรบคิดอยู่ใน 1,100อันดับแรกนั้น แบบ่งเป็นผู้ที่อยู่ใน 100 อันดับแรก กับผู้ที่อยู่ใน 1,000 อันดับถัดมา และพวกมันจะได้รับยศนายกองกับแม่ทัพ”
“ส่วนคนที่ไม่ติดอยู่ใน 1,100 อันดับแรก ก็จะยังไม่ได้รับยศอะไร เพียงต้องสะสมแต้มยศรบให้ถึงเกณฑ์ก่อนเท่านั้น”
“และอย่างที่ข้าบอกไว้ก่อนหน้า แต้มยศรบของท่านจะเป็นตัวเลขบอกแต้มรบทั้งหมดที่ท่าน ได้มาภายหลังถึงท่านจะใช้แต้มรบไปจนหมด แต่แต้มยศรบก็จะยังมีเท่าเดิม ยศของท่านก็จะไม่ลดลง”
“แต้มรบนั้น สามารถนําไปแลกกับโอกาสเข้าสู่แดนลับได้”
“กระทั่งหากมีแต้มรบมากพอ ก็สามารถเข้าสู่แดนลับส่วนตัว ที่ไม่มีใครสามารถแย่งชิงทรัพยากรกับโอกาสวาสนาภายในนั้นของท่านได้”
หลังได้ยินคําอธิบายของเสี่ยวจิน ต้วนหลิงเทียนก็มีความเข้าใจในสมรภูมิอเวจีมากขึ้น เพราะก่อนหน้านั้นเขาเข้าใจเรื่องราวกับสถานการณ์ทั่วไปในนั้นอย่างเดียวไม่ได้หาข้อมูลลงลึกอะไร
“ดูเหมือนจะเข้าไปเป็นกลุ่มได้ด้วยแหะ…”
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็สังเกตว่าบนแท่นบูชานั้น ก็มีคนบางกลุ่มที่เลือกจะขึ้นไปสลักสื่อที่แท่นพร้อมๆกัน และถูกส่งตัวไปพร้อมๆกัน
คาดว่าหลังเข้าไปแล้ว ทั้งหมดน่าจะไปโผล่ที่เดียวกัน
มิฉะนั้นไฉนพวกมันถึงเลือกจะจะสลักชื่อพร้อมๆกัน?
“เสี่ยวจิน กลุ่มคนที่ไปสลักชื่อบนแผ่นศิลาพร้อมๆกันนั่น หรือพวกมันเข้าไปแล้วจะปรากฏตัวในที่เดียวกัน?”
เพื่อความแน่ชัดต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยถามเสี่ยวจินดู
“ใช่แล้วพี่ใหญ่”
เสี่ยวจินพยักหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่หลิงเทียน หากพวกเราคิดจะไปโผล่ที่เดียวกันพวกเราก็ต้องสลักชื่อลงบนแท่นศิลาไล่เลี่ยกัน….และหากพวกเราสลักชื่อเสร็จไล่เลี่ยกันไม่เกิน 1 ลมหายใจ พวกเราก็จะถูกส่งไปโผล่ที่เดียวกันเต็มสิบส่วน แต่ถ้าไม่สลักชื่อให้เสร็จพร้อมกันเกิน 1 ลมหายใจ ก็อาจจะถูกส่งไปไหนไม่รู้”
ต้วนหลิงเทียนเข้าใจแจ่มแจ้งทันที
“ส่วนเอ้อ พวกเราไปกัน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวชวนฮ่วนเอ๋อและเดินขึ้นไปบนแท่นบูชาพร้อมๆกับเสี่ยวจิน จากนั้นภาย ใต้การนัดแนะ ต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อ เสี่ยวจิน ก็เลือกจะสลักชื่อพร้อมๆกัน จากนั้นทั้ง 3 ก็ถูกอาคมเคลื่อนย้ายส่งตัวหายไปทันที
หลังฉากเรื่องราวโดยรอบมืดมิดอยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นแสงสว่างอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าเขาถูกส่งมายังสถานที่ๆมืดมิดอึมครึมแห่งหนึ่ง
ที่นี่ยังเต็มไปด้วยม่านหมอกปกคลุมหนาตา ทัศนวิสัยต่ําเตี้ยเรี่ยดิน ไม่อาจเห็นสิ่งใดที่อยู่ไกลเกินไป
“ พี่หลิงเทียน พี่ใหญ่หลิงเทียน”
เสียงฮ่วนเอ๋อกับเสี่ยวจินดังขึ้นไล่เลี่ยจากข้างกาย หลังดึงสติกลับมาจากการมองสํารวจรอบๆ ต้วนหลิงเทียนก็ลองคิดในใจดูว่า แต้มยศรบ ทันใดนั้นในใจเขาพลั้นปรากฏแต้มยศรบของตัวเองขึ้นมา…รวมถึงอันดับแต้มยศรบของตัวเองอีกด้วย ซึ่งเป็นอันดับที่ 137,065
นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนยังเห็นตารางอันดับแต้มยศรบอีกด้วย
ในตารางอันดับดังกล่าวมีทั้งสิ้น 1,100 คน เห็นได้ชัดว่าเป็นการบอกยศของของผู้ที่มีแต้ มยศรบสูงติด 1,100 อันดับแรก แน่นอนว่า 100 รายชื่อแรกยังเด่นเป็นพิเศษ