เธอ เป็นเหมือนดั่งดอกไม้ที่งามสง่าและหอมกรุ่นที่สุด คนที่ได้พบเจอต่างมีความรู้สึกอย่างปกป้องดูแล
เย่เฉินถึงจะไม่ได้ชอบเธอ แต่ความชื่นชอบของเขายังคงเป็นส่วนใหญ่
ชื่นชมคนคนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่อยากให้บุคคลนี้ได้รับบาดเจ็บ
แต่ คู่ต่อสู้ที่เธอเผชิญอยู่ตอนนี้ คือฉินเอ้าเสวี่ยนสาวแสบเหมือนพริกขี้หนู
จากการแข่งขัน แน่นอนว่าเย่เฉินอยากให้ฉินเอ้าเสวี่ยนชนะ ในขณะเดียวกันยังสามารถสร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้กับประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวแล้ว เขาก็ไม่อยากให้อิโตะ นานาโกะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในช่วงเวลาหนึ่ง เย่เฉินอยากย้ำเตือนกับฉินเอ้าเสวี่ยน ให้เธอหลังจากที่ขึ้นมาบนสังเวียนแล้ว เก็บออมแรงไว้หน่อย อย่าทำร้ายอิโตะ นานาโกะให้สาหัสนัก
แต่แล้ว หลังจากที่ลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาจึงล้มเลิกความคิดนี้
เพราะว่า เขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับการแข่งของฉินเอ้าเสวี่ยน
ถ้าหากตนเองพูดออกไป ในใจของฉินเอ้าเสวี่ยนจะเกิดความตกใจ และผิดหวัง
เนื่องจาก ในสายตาของเธอตนเองเป็นอาจารย์เย่ที่เธอเคารพ และเป็นครูฝึกของเธอในตอนนี้ ถ้าหากก่อนการแข่งขันตนเอง บอกให้เธอแสดงความเมตตาต่อศัตรู เธอจะต้องรู้สึกถึงการถูกหักหลังอย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้น ตัวเองจึงต้องเก็บความห่วงใยนี้ไว้ในใจ ในขณะเดียวกันก็แอบคิด ถ้าหากอิโตะ นานาโกะบาดเจ็บไม่หนัก เขาหยุดแทรกแซง แล้วปล่อยให้เธอกลับญี่ปุ่น
แต่ถ้าอิโตะ นานาโกะได้รับบาดเจ็บสาหัส ตัวเองคงไม่สามารถไม่เอ่ยถามไถ่ อย่างน้อยก็ต้องช่วยเธอหนึ่งครั้ง จะให้เธอเป็นเหมือนยามาโมโตะ คาซึกิผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ของเธอไม่ได้ เป็นคนพิการคนหนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน ห้องพักผ่อนอีกห้อง สีหน้าของอิโตะ นานาโกะมีความตื่นเต้นไม่ใช่น้อง
ผู้ช่วยของเธอ ทานากะโคอิจิวางโทรศัพท์มือถือตรงหน้าของเธอสองเครื่อง ซึ่งทั้งสองเครื่องกำลังสนทนาทางวิดีโอ
เครื่องหนึ่ง มีวิดีโอของยามาโมโตะ คาซึกิที่นอนอยู่ในโรงพยาบาล อีกเครื่อง เป็นการวิดีโอกับคุณพ่อของเธอที่อยู่ญี่ปุ่นแดนไกล วิดีโอกับอิโตะทาเคฮิโกะ
ทานากะโคอิจิพูดด้วยสีหน้าจริงจัง“นานาโกะ ถอนตัวตอนนี้ยังทันนะ ทางที่ดีที่สุดเธออย่าขึ้นสังเวียนแข่งกับฉินเอ้าเสวี่ยนคนนั้นเลยนะ ถ้าเกิดบาดเจ็บสาหัสหนัก ทั้งชีวิตเธอพังเลยนะ!”
อิโตะ นานาโกะพูดอย่างจริงจัง“อาจารย์คะ ถ้าเป็นแบบนี้ โปรดอย่าพูดอีกเลยค่ะ นานาโกะจะต้องขึ้นสังเวียนอีกในสิบนาที คุณช่วยพูดเป็นกำลังใจ หรือแนะนำเทคนิคเคล็ดลับเกี่ยวกับยุทธวิธีให้นานาโกะด้วยเถอะค่ะ!”
ทานากะโคอิจิถอนหายใจ“เห้อ!ธะ……ทำไมเธอถึงไม่ฟังกันบ้างล่ะ!”
อิโตะทาเคฮิโกะที่อยู่ในโทรศัพท์มือถืออีกเครื่อง ก็พูดอย่างประหม่ากดดัน“นานาโกะ!คุณยามาโมโตะเป็นอาจารย์ของลูกนะ ทำไมลูกไม่ฟังคำแนะนำของเขา แล้วยังยืนยันที่จะแข่งขันนัดนี้อีก?หนูเป็นลูกคนโปรดของพ่อ พ่อยอมให้ลูกเป็นคนสามัญธรรมดา แต่จะไม่ยอมให้ลูกได้รับบาดเจ็บ!”
อิโตะ นานาโกะดวงตาแดงก่ำ แล้วเริ่มเอ่ยปาก“คุณพ่อคะ คุณพ่อดูนานาโกะเติบโต รู้นิสัยของนานาโกะที่สุด ถ้าการแข่งขันของวันนี้ นานาโกะล่าถอย ในชีวิตนี้คงจะปล่อยวางไม่ได้ ปีนี้หนูพึ่งอายุ 22ปี หรือคุณพ่ออยากให้หนูใช้ชีวิตต่อจากนี้ ด้วยความเสียใจอย่างงั้นหรอคะ?”
อิโตะทาเคฮิโกะอดสะอึกไม่ได้ แล้วพูดว่า“นานาโกะ หนูเอาแต่เรียกว่าคุณพ่อ วันนี้ วันนี้ พ่ออยากได้ยินเหมือนครอบครัวเด็กคนอื่นๆ เรียกโอะโต้ซัง……”
อิโตะ นานาโกะรีบลุกขึ้นยืน แล้วโค้งคำนับต่อวิดีโอคอลบนโทรศัพท์มือถือตรงหน้า แล้วพูดอย่างเคารพ“โอะโต้ซัง!”
โอะโต้ซัง มีความหมายว่าคุณพ่อ ในภาษาญี่ปุ่น
หลังจากที่ได้ยินอิโตะ นานาโกะพูดคำว่าโอะโต้ซัง อิโตะทาเคฮิโกะจึงถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า“นานาโกะ ไปเถอะ พ่อเคารพการตัดสินใจของลูก ไปไล่ตามสิ่งที่ทำให้ตนเองไม่รู้สึกละอายใจในการตรวจสอบเถอะ พ่อจะรอลูกอยู่ที่โตเกียว!”
อิโตะ นานาโกะยิ้มหวาน แล้วพูดว่า“โอะโต้ซัง ถ้าหากหนูได้รับบาดเจ็บสาหัสในครั้งนี้ หนูไม่อยากกลับโตเกียวแล้ว หนูอยากไปพักร่างกายที่เกียวโต หนูชอบบรรยากาศที่เกียวโตกว่า……”
โตเกียวเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น มหานครระดับนานาชาติ มีตึกสูงใหญ่ คนและรถราวิ่งกันขวักไขว่ เต็มไปด้วยความทันสมัย
แต่เกียวโต เป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น ที่นั่นมีอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์จำนวนมากที่มีอายุนับร้อยกระทั่งหลายพันปี อีกทั้งได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี บรรยากาศสมัยใหม่ไม่รุนแรงนัก สภาพแวดล้อมเงียบสงบ และอากาศก็ดี
เมื่อตอนที่อิโตะ นานาโกะยังเด็ก เธอได้เติบโตในขึ้นมาในบ้านหลังเก่าของตระกูลอิโตะในเกียวโต เมื่ออายุได้สิบสี่ปีเธอก็ได้ย้ายไปอยู่ที่โตเกียว แต่ในใจของเธอ เกียวโตเป็นบ้านเกิดเพียงแห่งเดียวในความทรงจำของเธอ