“เหมือนกับว่าผลการฝึกตนของตวนมู่ชางนั่นยังบรรลุไม่ถึงแดนมกุฎเทพ หรือว่ามันยึดกุมกฎดั้งเดิมขั้น 6 แล้ว?”หลัวซิวรู้สึกตะลึงเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าแค่อาศัยฝีมือการกลั่นยาของตนก็สามารถเอาชนะตวนมู่ชางนั่นได้อย่างง่ายดายแล้ว แต่ทว่ากลับนึกไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามสามารถกลั่นโอสถมกุฎเซียนได้แล้วอย่างนั้นหรือ?

เงื่อนไขพื้นฐานของการกลั่นโอสถมกุฎเซียนก็คือกฎดั้งเดิมขั้น 6 สาเหตุที่โอสถมกุฎเซียนอยู่เหนือยาเซียนระดับ 9 นั้น ก็เป็นเพราะภายในโอสถมกุฎเซียนมีพลังแห่งกฎดั้งเดิมขั้น 6 แฝงซ่อนอยู่นั่นเอง

“ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว มาตรแม้นว่าเป็นหยุนเทียนหยูในหอยอดอัมพรที่ได้รับสมญานามเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งนั่น เขาที่อยู่ในแดนกึ่งมกุฎเทพก็ไม่สามารถยึดกุมกฎดั้งเดิมขั้น 6 ได้เช่นกัน ทว่าแดนกฎของตนเองไม่เพียงพอ กลับสามารถอาศัยกำลังภายนอกมาบรรลุได้”

จีเสวียนคงใช้มือลูบหนวดเคราที่ขาวหงอกพลางพูด: “หากอาจารย์พูดไม่ผิดละก็ ที่ตวนมู่ชางนั่นสามารถกลั่นโอสถมกุฎเซียนได้นั้น น่าจะอาศัยอัคคีเทพขั้นดำชนิดหนึ่ง”

อัคคีเทพพรสวรรค์แบ่งออกเป็นขั้นฟ้า ดิน ดำและเหลืองสี่ขั้น ซึ่งในอัคคีเทพขั้นดำก็มีกฎเพลิงอัคคีดั้งเดิมขั้น 6 แฝงซ่อนอยู่แล้ว

“ซึ่งใช่ว่าผู้ใดก็สามารถกลั่นแปรอัคคีเทพขั้นดำได้ คนธรรมดาทั่วไปที่อยู่ในแดนกึ่งมกุฎเทพ การที่สามารถกลั่นแปรอัคคีเทพขั้นดำชั้นล่างได้นั้นก็ถือเป็นอัจฉริยะแล้ว ส่วนตระกูลตวนมู่นั่นเชี่ยวชาญการกลั่นยา ฝีมือความสามารถด้านกฎเพลิงอัคคีจึงไม่ต่ำอยู่แล้ว ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงมากกว่าสิ่งที่ตวนมู่ชางกลั่นแปรนั้นคืออัคคีเทพขั้นดำชั้นกลางหนึ่งดวง”

อัคคีเทพขั้นดำชั้นกลาง กฎเพลิงอัคคีที่แฝงซ่อนอยู่ภายในแทบจะบรรลุถึงแดนดั้งเดิมขั้น 6 ระดับบริบูรณ์แล้ว ซึ่งดีเลิศกว่าอัคคีเทพขั้นดำชั้นล่างอย่างแน่นอน

ซึ่งอัคคีเทพเพลิงดาราครั้นเมื่อหลัวซิวประมูลได้ในงานประมูลดาราจันทราก็คืออัคคีเทพระดับนี้นั่นเอง

“โชคดีที่อาจารย์กลับมาไว มิเช่นนั้นหากเจ้าพ่ายแพ้ให้เจ้าเด็กเมื่อวานซืนในตระกูลตวนมู่นั่นละก็ เช่นนั้นอาจารย์คงต้องขายหน้ายกใหญ่แล้วล่ะ”

จีเสวียนคงหัวเราะเบา ๆ ในเมื่อเขาบอกหัวใจหลักของปัญหาออกมาแล้ว เช่นนั้นเขาก็ต้องมีวิธีการจัดการกับมันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น จีเสวียนคงก็กางมือขวาออก จากนั้นก็มีเพลิงอัคคีสีแดงสดดุจเลือดดวงหนึ่งลอยข้ึน เหมือนดั่งภูตตัวน้อยในเพลิงอัคคี

“นี่คืออัคคีเทพขั้นดำชั้นสูงดวงหนึ่ง มีนามว่าอัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์ภายในมีกฎอัคคีดั้งเดิมขั้น 7 แฝงซ่อนอยู่ เจ้ากล้ากลั่นแปรมันแล้วนำมันมาหลอมรวมกับอัคคีเทพชีวีของตัวเองหรือไม่?”

นักยาเซียนทุกคนที่อยากกลายเป็นอาจารย์ยาเซียนล้วนมีอัคคีเทพชีวีของตนเอง จากนั้นค่อยอาศัยการตระหนักรู้ในกฎของตัวเองมาหล่อเลี้ยงอัคคีเทพชีวี

เมื่อปีนั้นจีเสวียนคงก็นำอัคคีเทพชีวีของตัวเองหลอมรวมกับอัคคีเทพขั้นดำหนึ่งดวงครั้นเมื่ออยู่ในแดนราชาเทพเช่นกัน และต่อมาเมื่อกาลเวลาผ่านพ้นไปหลายสิบล้านปี เขาถึงจะนำการตระหนักรู้ในกฎชีวิตของตน หล่อเลี้ยงอัคคีเทพชีวีของเขาให้กลายเป็นอัคคีเทพระดับมหาจักรพรรดิอย่างปัจจุบัน อีกทั้งเขายังตั้งชื่ออัคคีเทพดวงนี้ตามชื่อของเขาอีกด้วย นั่นก็คือมหาจักรพรรดิอัคคีเทพเสวียนคง!

เดิมทีแผนการของจีเสวียนคงคือรอให้ผลการฝึกตนของหลัวซิวบรรลุถึงราชาเทพช่วงปลายแล้วคอยหลอมรวมเข้ากับอัคคีเทพดวงนี้ อย่างไรเสียอัคคีเทพขั้นดำชั้นสูงนั้นมันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย ถึงแม้เขาจะประเมินความสามารถของหลัวซิวสูงมาก ๆ แล้ว ทว่ากลับไม่คิดว่าเขาจะสามารถกลั่นแปรและหลอมรวมเข้ากับมันได้ในแดนเทพฟ้า

แต่ภายในจิตใจของจีเสวียนคงก็แอบคาดหวังอยู่เล็กน้อย หากหลัวซิวสามารถทำเช่นนั้นได้จริง ๆ ละก็ เช่นนั้นศักยภาพในอนาคตของเขาต้องลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้แน่นอน

เนื่องจากยิ่งอัคคีเทพชีวีของนักยาเซียนได้รับการหลอมรวมเข้าด้วยกันเร็วเท่าไหร่ ผลประโยชน์ที่ตามมาก็จะยิ่งมากเท่านั้น

“เหอะ ๆ เหตุใดถึงต้องเกรงกลัวด้วยขอรับ?”

ปฏิกิริยาของหลัวซิวไม่ได้ทำให้จีเสวียนคงผิดหวังแต่อย่างใด เขาแค่ยิ้มอย่างสุขุมเรียบนิ่งมาก ๆ แววตาก็ร่วงลงบนอัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์แล้ว

ในขณะเดียวกัน เขาสัมผัสได้ว่ามีแรงสั่นเล็กน้อยเพราะความหวาดกลัวส่งตรงมาจากภายในโลกาจุดลมปราณที่ตนเปิดออกเป็นจุดแรกบนมือข้างซ้าย