และทั้งสองคน ไม่มีใครมองผู้ตัดสิน และไม่มองกันและกัน ทั้งคู่จับจ้องไปที่เย่เฉินที่อยู่ด้านล่างเวที
ทันใดนั้นเย่เฉินก็รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวทั้งสองคน จะไม่เตรียมเข้าแข่งขัน พอขึ้นเวทีก็จ้องมองตัวเองไม่หยุด
ตัวเองหล่อขนาดนั้นเชียวเหรอ?สนใจเรื่องสำคัญหน่อยไม่ได้รึไง?
กำลังคิดอยู่ ผู้ตัดสินที่อยู่บนเวทีรู้สึกอึดอัดเช่นกัน จึงกระแอมขึ้นมาเบาๆ แล้วพูดว่า“ทั้งสองท่านครับ ได้ตั้งใจฟังที่ผมพูดรึเปล่าครับ?”
ฉินเอ้าเสวี่ยนสติกลับมาได้ก่อน เธอรีบพูดอย่างเขินๆ“ขอโทษค่ะผู้ตัดสิน เมื่อกี้สติหลุดไปหน่อยค่ะ”
ผู้ตัดสินถึงกับไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหันไปมองอิโตะ นานาโกะ“คุณอิโตะครับ คุณล่ะ?”
ทันใดนั้นใบหน้าของอิโตะ นานาโกะก็แดงระเรื่อขึ้นมา เธอรีบพูดด้วยเสียงต่ำ“ขอโทษค่ะผู้ตัดสิน ฉันก็สติหลุดเหมือนกันค่ะ”
พูดจบ เธอก็อดมองไปที่ฉินเอ้าเสวี่ยนไม่ได้ ถึงได้พบว่า บนใบหน้าของฉินเอ้าเสวี่ยน เต็มไปด้วยความเขินอายของหญิงสาว
เธอจึงแอบคิดในใจว่า ฉินเอ้าเสวี่ยนคนนี้ ชอบเย่เฉินงั้นเหรอ?
ฉินเอ้าเสวี่ยนในตอนนี้มองไปที่อิโตะ นานาโกะอย่างแปลกใจ
ถึงแม้อิโตะ นานาโกะจะเยือกเย็นเงียบสงบกว่าตนเอง แต่ใบหน้าของเธอก็แดงเช่นกัน ดังนั้น ในใจของเธอจึงอดตกใจไม่ได้
“ไม่ใช่แล้วมั้ง?อิโตะ นานาโกะคนนี้ หรือว่าจะชอบอาจารย์เย่ เหมือนกับตนเอง?”
แต่ ในไม่ช้าเธอก็โล่งใจ แล้วคิดในใจว่า“ผู้ชายดีๆอย่างอาจารย์เย่ กลัวว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ จะไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเขาได้มั้ง?ดังนั้น อิโตะ นานาโกะจะชอบอาจารย์เย่ก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน ถึงจะเป็นหญิงสาวยุโรป ดีไม่ดีอาจจะชอบอาจารย์เย่เหมือนกัน”
“เห้อ น่าเสียดาย เนื่องจากอาจารย์เย่เป็นคนที่ผ่านการแต่งงานแล้ว ถึงจะมีผู้หญิงที่ชอบเขามากเท่าไร เกรงว่าคงจะมีโอกาสคบกับเขาได้จริงๆล่ะมั้ง?คุณพ่อเอาแต่บอกให้ฉันเข้าใกล้กับอาจารย์เย่ พยายามทำให้อาจารย์เย่ชอบฉัน แต่ตั้งนานขนาดนี้แล้ว ก็ไม่เห็นแววที่อาจารย์เย่จะมีความรู้สึกอะไรให้ฉันเลย……”
หญิงสาวทั้งสองคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ตกอยู่ในภวังค์
เดิมทีผู้ตัดสินคิดว่าดึงความสนใจของพวกเธอกลับมาได้แล้ว จึงพูดบ่นออกมาเยอะแยะมากมาย หลังจากนั้นพบว่าดวงตาของทั้งสองคนยังคงไม่ได้มองมาที่ตนเอง ดูเหมือนกำลังอยู่ในภาวะเหม่อลอย เขารู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก จึงเอ่ยถามว่า“ทั้งสองท่านฟังเข้าใจรึยังครับ?”
อิโตะ นานาโกะรีบพูด“กรรมการคะ ขอโทษค่ะ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ?”
ใบหน้าของฉินเอ้าเสวี่ยนเต็มไปด้วยความเขินอาย
ผู้ตัดสินถึงกับยอมแพ้ แล้วพูดเสียงต่ำ“ทั้งสองท่านครับ พวกคุณคือนักกีฬาสาวชั้นนำต่อสู้แบบฟรีสไตล์ เดินทางมาจนถึงรอบชิงชนะเลิศแล้ว อย่ามีข้อผิดพลาดในรอบตัดเชือก ผู้ชมเยอะแยะ และนักข่าวมากมายกำลังจับจ้องมาที่พวกคุณทั้งสองคนอยู่…………”
ฉินเอ้าเสวี่ยนกล่าวขอโทษ“ขอโทษค่ะกรรมการ พวกเราจะตั้งใจแข่งขันค่ะ เราจะตั้งใจค่ะ !”
อิโตะ นานาโกะที่อยู่ข้างๆแลบลิ้น แล้วพูดอย่างตั้งใจ“กรรมการคะ เราเตรียมพร้อมแล้วค่ะ”
กรรมการพยักหน้า แล้วพูดว่า“วันนี้พวกคุณไม่มีครูฝึกมาด้วยใช่ไหม?”
“ค่ะ”ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน
ครูฝึกของฉินเอ้าเสวี่ยนคือเย่เฉิน แต่วันนี้เย่เฉินไปนั่งเป็นผู้ชม ไม่ได้ให้คำแนะนำกับเธอบนสังเวียน
และครูฝึกของอิโตะ นานาโกะ ยังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยดูการถ่ายทอดสด เพราะฉะนั้นวันนี้ทั้งสองจึงไม่มีครูฝึกตามมาด้วย
กรรมการจึงตั้งใจพูดว่า“ทั้งสองท่านเป็นยอดฝีมือ และรู้ว่าหมัดและเท้าไร้ดวงตา(เปรียบเปรยใช้เตือนว่าการต่อสู้ต้องระวังถ้าไม่ระวังอาจจะเกิดอันตรายได้) เพราะฉะนั้นเมื่อเริ่มแข่งขัน ถ้าหากได้รับบาดเจ็บ ต้องพยายามตัดสินสถานการณ์ของตัวเองให้แม่นยำ อย่ายืนกรานอย่างหน้ามืดตามัว ถ้าไม่ไหว รีบบอกกับผม เพื่อที่ผมจะได้เข้าจบการแข่งขันได้ทัน เข้าใจไหมครับ?”
ปกติ เมื่อถึงจุดไคลแม็กซ์ หรือผู้เข้าแข่งขันเข้าสู่ช่วงที่อันตรายที่สุด ครูฝึกจะเป็นผู้โยนผ้าเช็ดตัวยอมแพ้
แต่ ถ้าครูฝึกไม่อยู่บนสนาม ผู้เข้าแข่งขันก็จะต้องพึ่งตัวเอง
แต่บางครั้งผู้เข้าแข่งขันต่อสู้จนมึนงง หรือได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถโต้ตอบได้ แบบนี้จะทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะฉะนั้นครูฝึกถึงได้เตือนพวกเธอ เมื่อถึงจุดที่ไม่ไหวแล้วอย่าพยายามฝืน
ทั้งสองจึงพยักหน้าอย่างจริงจัง
ด้วยเหตุนี้ ผู้ตัดสินจึงประกาศเสียงดัง“ได้ เริ่มแข่งขัน!”