ตอนที่ 3360

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3360 : พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์

 

“โฮ่? เจ้าสามารถมองออกได้ด้วยว่าข้าเป็นสัตว์เทพ นับว่าสายตาเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว”

 

ได้ยินคําพูดของต้วนหลิงเทียน ชายวัยกลางคนก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจพักหนึ่ง ก่อนยกยิ้มปรามาส “ถึงแม้ข้าจะรู้ดีว่าที่เจ้าพูดมาทั้งหมดเพราะเจ้าไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ…แต่ในเมื่อเจ้ารีบร้อนด่วนตายนัก ข้าก็จักสงเคราะห์ให้เอง!”

 

แทบจะพร้อมๆกันกับที่เสียงชายวัยกลางคนดังจบคํา ร่างมันก็สั่นไหว บังเกิดเงาร่างมหึมาหนึ่งปกคลุม ก่อนที่เงาร่างดังกล่าวจะค่อยๆชัดเจน จากไร้สภาพกลับกลายเป็นมีสภาพ!

 

บัดนี้ชายวัยกลางคนได้อันตรธานหายไปโดยสมบูรณ์ คงเหลือแต่สัตว์อสูรตัวเขื่องสีครามที่ร่างกายเสมือนจะโปร่งแสง จากรูปร่างลักษณะ ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่ามันคล้ายกับพยัคฆ์ขาวในตํา นานที่โลกเก่าที่เขาเคยเห็นในภาพวาด เพียงแต่แลดูดุร้ายกว่ากันมาก

 

และพอชายวัยกลางคนคืนร่างเดิม สีหน้าเสี่ยวจินก็ซีดลงเล็กน้อย จากนั้นเงาร่างที่แท้จริงของ นางก็ปรากฏขึ้นมาด้านหลัง ต้านทานกลิ่นอายสะกดข่มทางสายเลือดของอีกฝ่าย

 

สัตว์เทพนั้นมีบารมีของสัตว์เทพ เป็นพลังอํานาจสะกดข่มสายเลือดที่ต่ำชั้นกว่าตามธรรมชาติ

 

ขณะเดียวกันด้านหลังส่วนเอ๋อ ก็ปรากฏเงาร่างจิ้งจอกน้ําแข็งพันมายาขึ้นมาเช่นกัน

 

และไม่ว่าจะเสี่ยวจินหรือส่วนเอ๋อ ก็ไม่มีใครใช้พลังสร้างเงาร่างที่แท้จริงของตัวออกมาด้วยค วามตั้งใจของตัวเอง เพียงแค่พอถูกพลังของสัตว์เทพกดดัน เงาร่างที่แท้จริงจึงปรากฏออกมาเอง

 

สัตว์ร้ายคล้ายพยัคฆ์คราม นอกจากร่างกายจะแลดูแข็งแกร่งดุดันแล้ว ดวงตาคู่นั้นของมันยัง แหลมคมเป็นที่สุด สองตาคมกริบกวาดผ่านเสียวจินด้วยความดูแคลน ก่อนจะเบนไปตกลงบนร่างฮ่วนเอ๋อ “โฮ ไม่คิดเลยจริงๆว่าข้าจะได้พบเจอจิ้งจอกน้ําแข็งพันมายาที่นี่ได้”

 

“พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์”

 

ในขณะที่ฮ่วนเอ๋อเห็นเงาร่างของอีกฝ่ายก่อนหน้า นางก็ยืนยันจากความทรงจําที่สืบทอดมาได้ทันที ว่าเบื้องหน้าก็คือสัตว์เทพที่มีชื่อเสียงเลื่องลือตัวหนึ่งในระนาบเทวโลก

 

พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์ เป็นสัตว์เทพที่มักจะปรากฏขึ้นทุกๆรอบ 100,000 ปีในเผ่าพยัคฆ์ขาว อัตราการปรากฏตัวของมันเรียกว่าเท่าๆกับการปรากฏตัวของมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บในเผ่ามังกรและเป็นสัตว์เทพที่โดดเด่นเรื่องการเข่นฆ่าสังหารมากที่สุดชนิดหนึ่ง ต่างจากจิ้งจอกน้ําแข็งพันมายาที่เก่งกาจในเรื่องภาพมายา ถึงแม้ท่าไม้ตายพิฆาตศัตรูของจิ้งจอกน้ําแข็งพันมายาจะน่าสะพรึงกลัว แต่ก็ไม่ใช่การเข่นฆ่าสังหารศัตรูตรงๆ

 

ในแง่ของการจู่โจมเข่นฆ่าซึ่งๆหน้า อย่างดีจิ้งจอกมายาก็พอๆกับสัตว์อมตะชั้นยอดที่เก่งกาจเรื่องฆ่าฟันเท่านั้น

 

“พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเลยเถอะ!”

 

ทั่วร่างพยัคฆ์สีคราม พลันอุบัติพลังสีฟ้าสว่างจ้าสาดส่องออกมา จากนั้นเหนือศีรษะของมันก็ปรากฏม้วนภาพหนึ่งขึ้น ต่อมาม้วนภาพดังกล่าวก็ค่อยๆคลี่กางอย่างช้าๆ กลิ่นอายเก่าแก่โบ ราณเริ่มกําจายไปในบรรยากาศ ชวนให้ผู้คนรับรู้ถึงแรงกดดันประการหนึ่ง ยังเป็นแรงกดดันที่อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิอันมีจิตวิญญาณสถิตย์ยังไม่อาจเทียบได้!

 

“อุปกรณ์เทพ!”

 

ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนกับพวกจะระบุได้ทันที ว่าม้วนภาพวาดที่อีกฝ่ายนําออกมาเป็นอุปกรณ์เทพชิ้นหนึ่ง!

 

ด้านเสี่ยวจินยังอดกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจไม่ได้ “เอ๋? นี่มัน ภาพวารีเทพ” 1 ใน 2 อุปกรณ์เทพของเผ่าพยัคฆ์ขาวนี่นา…คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเผ่าพยัคฆ์ขาวจะมอบอุปกรณ์เทพป ระจําเผ่าให้จอมราชันอมตะเช่นเจ้าพกติดตัว”

 

เผ่าพยัคฆ์ขาวก็เป็นขุมกําลังระดับสวรรค์เช่นกัน เพียงแต่สถานที่ตั้งเผ่าหลักนั้นไม่ได้อยู่ในว่านโช่วเทียน แต่เป็นระนาบเทวโลกแห่งอื่น

 

เนื่องจากเผ่าพยัคฆ์ขาวจัดได้ว่าเป็นขุมกําลังระดับแนวหน้าของระนาบเทวโลกทั้งมวล และมี ชื่อเสียงพอๆกับเผ่ามังกร เช่นนั้นเสี่ยวจินก็เลยรับรู้ข้อมูลของเผ่าพยัคฆ์ขาวมาไม่น้อย และข้อมูลที่หุบจันทร์โลหิตนางมี ก็บอกเรื่อง 2 อุปกรณ์เทพประจําเผ่าของพวกมันเอาไว้ด้วย

 

1 ใน 2 อุปกรณ์เทพล้ำค่าประจําเผ่าพยัคฆ์ขาว ก็คือภาพวารีเทพ ซึ่งกล่าวขานกันว่าได้ดูดซับพลังอํานาจฟ้าดินของแม่น้ําอมตะนับหมื่นสายในระนาบเทวโลกมารวมไว้ ยามจู่โจมจึงอุบัติเป็นพลังวารีหนุนเนื่องต่อเนื่องไร้จํากัด! เรียกว่าหากไม่อาจสลายการโจมตีของมันได้ในคราเดียว ก็จําต้องแบกรับพลังวารีโถมกระหน่ำเข้ามาอย่างไร้สิ้นสุด!!

 

“โฮ่ เจ้าหนูตัวจ้อยนี้นับว่ารู้มากไม่เบาเลยนี้”

 

พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์ กวาดตามองไปทางเสี่ยวจินอีกครั้ง เอ่ยออกด้วยน้ําเสียงประหลาดใจอยู่ บ้าง

 

“เผ่าพยัคฆ์ขาวของเจ้านับว่าซ่อนได้ลึกยิ่งข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยยว่าในเผ่าพยัคฆ์ขาวของเจ้ายุคนี้จะมีพยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์เช่นเจ้าปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว แต่เรื่องนี้ข้าก็พอเข้าใจได้ไม่พ้นเผ่าพยัคฆ์ขาวตั้งใจให้เจ้าเติบโตเต็มวัยก่อนค่อยเปิดเผยเรื่อเจ้าในภายหลังสินะ คงกลัวเจ้าถูกผู้อื่นลอบฆ่าทิ้งตั้งแต่ยังเติบโตไม่เต็มที่แหงแซะ…”

 

เสี่ยวจินกล่าวสืบต่อ

 

“ในเมื่อเจ้าเป็นพยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์ที่พกภาพวารีเทพติดตัว แถมยังมีวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 อีกแบบนี้หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าสมควรเป็น 1 ใน 2 แม่ทัพระดับ 7 บนตารางจัดอันดับยศแต้มรบ?”

 

เสี่ยวจินเอ่ยถามออกมาสืบต่อ

 

ในตารางจัดอันดับยศแต้มรบ 2 คนที่สามารถทําลายขีดจํากัดยศแต้มรบครั้งที่ 7 ได้ จนมีแต้มรบได้ถึง 8,000 แต้มนั้น นับว่าเป็นที่ยําเกรงของทุกคนในสมรภูมิอเวจี

 

ที่สําคัญในสมรภูมิอเวจี ก็มีแค่ 2 คนนี้เท่านั้นที่เป็นแม่ทัพระดับ 7

 

“นามแฝงเจ้าคือ ไปสุ่ยหาน ล่ะสิ?”

 

เสี่ยวจินยังเอ่ยถามหยั่งเชิงต่อ

 

“หนูน้อยเจ้า นับว่ารู้มากจริงๆ”

 

พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์คลี่ยิ้มสดใส พลังเซียนอมตะทั่วร่างเริ่มผสานเข้ากับกฎแห่งน้ํา ก่อเกิดเป็นสายธารพลังสีฟ้าม้วนวนในอากาศปานธารเชียว เสียงครืนๆดังกึกก้องออกมาไม่หยุด สภาวะพลังยิ่งมายิ่งกล้าแข็ง ราวพร้อมจะลงมือจู่โจมได้ทุกเมื่อ

 

“แต่น่าเสียดายที่วันนี้พวกเจ้าทุกคนต้องตายอยู่ที่นี่!”

 

พอกล่าวจบคํา แววตาของพยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์ก็ทอประกายเย็นชาออกมา

 

“เสี่ยวเทียนไม่ต้องรีบร้อน ลงมือหยั่งเชิงมันไปก่อน พอสบโอกาสที่มันประมาทค่อยลงมือเต็มกําลัง”

 

ขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดจะลงมือระเบิดพลังสังหารให้จบไปในคราววเดียว เสียงวารีเทพชําระโลกาพลันดังขึ้นเสียก่อน

 

แม้จะไม่เข้าใจว่าทําไม แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดละเลยคําชี้แนะของวารีเทพชําระโลกา จึงเลือกที่จะจ่ายพลังควบสร้างร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวขึ้นมา พร้อมถ่ายทอดพลังของเทพเบญจธาตุทั้งหมดอย่างแยบคาย แน่นอนว่าพลังมิติ รวมถึงพลังอํานาจหนุนเสริมจากกระบี่ เทพหลิงหลง 7 เปลี่ยนก็ถูกรวมผสานเข้าร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวเช่นกัน

 

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

 

กิ่งต้นไม้เทพสนหลิวผสานรวมเป็นหนึ่งกิ่งใหญ่ ก่อเกิดเป็นกิ่งเขื่องปานเสาค้ำฟ้า ฟาดทุบไปทางพยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์อย่างดุดัน อารามกิ่งใหญ่แหวกฟ้าฉับไวเหนือเสียง ห้วงอากาศจึงแตกระ เบิดส่งเสียงสนั่นดังปงๆไม่หยุด!

 

“ฮ่วนเอ๋อ เสี่ยวจิน พวกเจ้าคุมเชิงไว้ห่างๆ อย่าพึ่งลงมือ”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปส่งเสียงผ่านพลังถึงฮ่วนเอ๋อกับเสี่ยวจิน

 

ขณะเดียวกัน ร่างพยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์ก็กระโจนเข้ามาโรมรันพันตูกับกิ่งต้นไม้เทพสนหลิวลํา เขื่อง พยัคฆ์ร่างเขื่องคล้ายมัจฉาท่องวารี พลิ้วกายหลบหลีกได้อย่างร้ายกาจ อีกทั้งด้วยมวลพลัง ดั่งธารน้ําเชี่ยวที่ม้วนวนรอบกายพยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์ ทําให้กิ่งเบื่องต้นไม้เทพสนหลิวไม่เพียงยากจะฝ่าทําร้ายถึงตัว ยังถูกสายธารพลังเชี่ยวเชือดเฉือนจนแตกร่อนเป็นชิ้นๆไม่หยุด

 

แน่นอนว่านี่เป็นการโจมตีส่งๆของต้วนหลิงเทียนอย่างไม่ได้หวังผลอะไร พลังเทพเบญจธาตุเองก็จ่ายออกมาแค่เสี้ยวเศษ จนพยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์ไม่อาจค้นพบร่องรอยใดๆ

 

“เฮอะ เจ้าทําได้เท่านี้!?”

 

พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์ แสยะยิ้มหยินหยาม จากนั้นภาพวารีเทพที่ลอยล่องเหนือร่างพลันปรากฏแสงฟ้าเจิดจ้าสาดส่องลงมา จากนั้นประหนึ่งทํานบกั้นน้ําทลาย อุบัติสายธารพลังถาโถมลงมาอย่างเกรี้ยวกราด มวลน้ํามหาศาลดั่งพายุโหมกระหน่ำเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนไม่หยุดยั้ง

 

แน่นอนว่าร่างอวตารกฏเทพสนหลิวของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้สิ้นท่าง่ายๆแต่อย่างใด กิ่งสนหลิวงอกเงยออกมาฟันฟาดเบื้องหน้าจนเห็นเป็นเงาเลือนร่าง ทําลายมวลพลังที่โถมกันเข้ามาราวคลื่นสมุทรสุดเกรี้ยวกราดได้อย่างไม่แพ้พ่าย!

 

“ไอ้หนู! เจ้าทําได้แค่ตั้งรับงั้นรึ? รีบบอกให้นังหนูกระจ้อยกับจิ้งจอกน้อยนั่นช่วยเถอะ!!”

 

พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์เห็นต้วนหลิงเทียนได้แต่ต้านรับเป็นพัลวันก็หัวเราะกล่าวออกอย่างย่ามใจ

 

ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามของมันจะมีถึง 3 แต่มันก็มิใช่ชนชั้นต่ำทราม!

 

แถมมันยังเห็นชัดว่าทั้ง 3 ไม่ได้ลงมือร่วมกัน แต่แยกย้ายกระจัดกระจายปานเม็ดทรายอีก!

 

หากวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 อยู่ในร่างสัตว์เทพเฉกเช่นเดียวกับมันอย่างจิ้งจอกน้ําแข็งพันมายานั่น ยังทําให้มันบังเกิดความหวาดหวั่นอยู่บ้าง แต่พอมาอยู่ในร่างมนุษย์ธรรมดาเช่นนี้ มีอะไรที่มันต้องกลัว?

 

มนุษย์แท้นั้น เกิดมาร่างกายก็มีขีดจํากัดนัก ไร้ซึ่งพลังสายเลือดหรือพรสวรรค์วิชาแต่กําเนิด เช่นนั้นต่อให้จะมีอุปกรณ์เทพทั้งวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 สุดท้ายก็ไม่อาจหลีกหนีชะตาถูกมัน บดขยี้ราบคาบ!

 

สําหรับจิ้งจอกน้ําแข็งพันมายาของอีกฝ่าย มันก็หาได้หวาดกลัวไม่!

 

เพราะด้วยความที่มีพลังอํานาจจู่โจมต่อเนื่องไร้สิ้นสุดแล้ว ภาพวารีเทพของมันก็ไม่ต่างอะไร จากดาวข่มของผู้ใช้พลังมายาทั้งมวล เพราะไม่ว่าจิ้งจอกน้ําแข็งพันมายาจะสร้างโลกมายาที่ซับซ้อนแยบยลขนาดไหน ต่อหน้าพลังอํานาจไร้สิ้นสุดของภาพวารีเทพมัน สุดท้ายก็ต้องถูกทําลายอยู่ดี เช่นนั้นมันยังต้องกลัวอะไร!?

 

ในสายตาของมัน จิ้งจอกน้ําแข็งพันมายาที่ถูกพลังอํานาจอันเหนือชั้นกว่าของภาพวารีเทพ ทําลายภาพมายาได้หมดจด จึงแทบไม่ต่างอะไรจากสัตว์อมตะชั้นยอดดาษๆ!!

 

“อาศัยเจ้า ไม่คู่ควรให้พวกเรา 3 คนลงมือพร้อมกันหรอก”

 

ตัวนหลิงเทียนที่ได้ยินเสียงย่ามใจของพยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์ก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้อีกฝ่าย กําลังผยองลําพอง คิดว่าชัยชนะอยู่ในกํามือแล้ว เขาจึงเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่จะลงมือเสียที

 

“ทั้งหมดเตรียมลงมือ ฆ่ามันในกระบวนเดียว!”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ในร่าง จากนั้นก็สื่อสารกับหวงเอ้อจิตวิญญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนให้เตรียมพร้อม ขณะเดียวกันเขาก็ควบคุมร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวให้พุ่งทะยานฝ่าธารพลังฟาดทุบเข้าใส่พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์ทันที!

 

ไม่ผิด!

 

พุ่งทะยานไปฟาดทุบมัน!!

 

ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวอันสูงตระหง่านหาที่เปรียบมิได้ บัดนี้คล้ายสลัดรากถอนโคนพุ่งทะยานออกไปฉับไว้เป็นที่สุด หนึ่งต้นเรื่องต่างไม้พลองค้ำฟ้า ฟาดทุบเข้าใส่พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์อย่างดุร้าย!

 

“ตั๊กแตนคิดหยุดรถม้า!”

 

พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์เห็นการจู่โจมแบบโถมมาทั้งตัว ก็แค่นเสียงหัวเราะหยินหยาอย่างขบขัน ทันใดนั้นเอง ภาพววารีเทพที่คลี่กลางพลันปรากฏแสงพลังสีฟ้าสาดส่องออกมาเจิดจ้า สลายความมืดสุดทั้งกลบสีสันใดๆทั่วฟ้าดินให้กลายเป็นฟ้าใส!

 

ปังงงง!!

 

ตูมมมมม!!!

 

ประหนึ่งมวลน้ําล้างโลกพวยพุ่งออกมาจากภาพวารีเทพอย่างเกรี้ยวกราด โถมถล่มออกมา ราวกับไร้สิ้นสุด!!

 

ระลอกแรกซัดสาดไม่ทันไรระลอกหลังซัดสาดเข้ามาตามติด ดั่งคลื่นทะเลคลั่งหนุนเนื่องต่อเนื่อง!!

 

หลังจากที่คลื่นน้ํามหาประลัยโถมถล่มร่างต้นไม้เทพสนหลิวที่โถมเข้ามาได้ 3 ระลอก มันก็ถูกทําลายจนสลายหายไปในความว่างเปล่า

 

“อ่อนแอเกินไป!”

 

พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์แสยะยิ้มกล่าวเย้ยออกมาเมื่อเห็นร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวถูกทํา ลาย สองตามองแคลนต้วนหลิงเทียนที่ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง พลางหัวเราะกล่าวอย่างได้ใจว่า “ไอ้หนู เจ้าตายไปได้แล้ว…ส่วนวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ของเจ้าข้าจักรับมันมาเอง ฮ่าๆๆๆ!!”

 

ตอนนี้พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์หัวเราะออกมาอย่างย่ามใจมาก ทําราวกับวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ของต้วนหลิงเทียนอยู่ในกระเป๋ามันแล้วอย่างไรอย่างนั้น

 

“หลังจากฆ่าไอ้หนูนี่แล้วได้วารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ของมันมา…วารีเทพชําระโลกาของข้าต้องบรรลุถึงขั้น 8 ได้แน่!”

 

พอคิดถึงจุดนี้ พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์ก็ตื่นเต้นคึกคักขึ้นมาอักโข ขณะเดียวกันสองตาคมกริบของมันก็ฉายชัดถึงความโหดเหี้ยมอํามหิต ฆ้องจ้องไปยังร่างชายหนุ่มวัย 16-17 ปีในชุดสีขาว ไม่ไกล “ไอ้หนู หากชาติหน้ามีจริงเจ้าก็จดจําเอาไว้ให้ดีว่า คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก…หาก เจ้าจะโทษใครก็โทษที่ในร่างเจ้ามีวารีเทพชําระโลกาเถอะ!!”

 

“หาไม่แล้ว ข้าเองก็คร้านจะฆ่าเจ้าให้เสียมือ!”

 

ระหว่างท่องไปทั่วสมรภูมิอเวจี พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์ก็พบมนุษย์ที่อ่อนแอมากมาย แต่มันคร้านจะเข่นฆ่าตัวอ่อนแอให้แปดเปื้อนเพื่อแต้มรบกระจ้อยร่อย

 

มันจะลงมือก็แต่ยามพบเจอผู้แข็งแกร่งเท่านั้น

 

สําหรับหนุ่มน้อยชุดขาวเบื้องหน้า แม้ในบรรดามนุษย์ด้วยกันความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะไม่ ธรรมดา แต่ในสายตาของมันก็ไม่ต่างอะไรกับตัวอ่อนแอแสนน่าเวทนา!

 

“วาจาคําโตเขื่องโขนัก”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนเย็นลง จากนั้นพลังมิติพันปะทุออกมาในฉับพลัน คนวูบร่างข้ามมิติไป ผุดโผล่ด้านหลังพยัคฆ์เทพววารีพิสุทธิ์ทันที!

 

แน่นอนว่าพริบตาที่ร่างเขาปรากฏตัวขึ้นมาด้านหลัง พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์ก็หันกลับมาด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด ภาพวารีเทพที่ลอยเหนือศีรษะ ยังปลดปล่อยมวลน้ําเชี่ยวกราดเปี่ยมล้นไปด้วยพลังสุดไพศาลถล่มลงมาอีกรอบ

 

“ไอ้หนู ข้าจะส่งเจ้าไปตามทางตอนนี้!”

 

พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์คํารามออกมาด้วยยน้ําเสียงอํามหิต จากนั้นทั่วร่างก็เปล่งแสงพลังจ้าหนู นเสริมให้พลังของภาพวารีเทพโหมกระหน่ำแรงขึ้นอีกหลายส่วน! พลังสภาวะยังน่าพรั่นพรึงประห นึ่งอุทกภัยล้างโลก!!

 

พริบตานี้ ทั้งโลกราวกับถูกย้อมไปด้วยแสงสีฟ้าใส ไร้แง่มุมใดมีสีสันอื่น

 

ต่อหน้าพลังอํานาจที่ราวกับอุทกภัยล้างโลกนี้ ร่างชายหนุ่มชุดขาวแลดูกระจ้อยร่อยเหลือเกิน พริบตารางกระจ้อยร่อยก็จมอยู่ภายใต้มวลพลังสีฟ้า ดั่งเรือใบลําน้อยโดนคลื่นสมุทรสุดคุ้มคลั่งชัดจนอัปปาง ช่างเปราะบางเหลือเกิน

 

ทว่าในห้วงเวลาที่พยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์เข้าใจว่ากําชัยเป็นมั่นเหมาะแล้วนั้น

 

วู้มมม!!

 

บังเกิดจุดแสงหนึ่งปลดปล่อยแสงสีรุ้งอมเทาออกมาเจิดจ้าท่ามกลางโลกฟ้าคราม ราวกับดาราดวงหนึ่งคิดสาดแสงย้อมฟ้าดิน!!