บทที่ 2429 ม้าดีดกะโหลก + ตอนที่ 2430 หนูจะไปโรงเรียน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2429 ม้าดีดกะโหลก

เหยียนหมิงซุ่นทำตามคำร้องขอสุดท้ายของสวีหล่างโดยพาคุณแม่ของเขาเข้าพบร่วมหนึ่งชั่วโมง

เหยียนหมิงต๋าร่วมมือกับทางตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศตามสืบเรื่องหัตถ์พระเจ้าต่อไปจนยุ่งกันหัวหมุน ส่วนกลุ่มคนที่ถูกช่วยชีวิตออกมาส่วนมากก็ตามหาพ่อแม่ตัวเองจนเจอซึ่งมีบางส่วนที่ถูกพากลับบ้านไป แต่มีพ่อแม่บางส่วนพอรับรู้ว่าลูกตัวเองติดโรคสกปรกมาแล้วต้องทานยาทุกวันก็ไม่แม้แต่จะมาหา

รวมถึงเด็กหกคนที่ถังม่านลี่จะรับเลี้ยง พ่อแม่ของพวกเขาต่างไม่ยอมมาซึ่งเป็นเชิงว่าจะทอดทิ้งลูกแล้ว

“มาสิแปลก!”

ถังม่านลี่แค่นหัวเราะ ผลลัพธ์นี้อยู่ภายในความคาดหมายของเธอแต่แรกแล้ว เด็กหกคนล้วนถูกพ่อแม่แท้ ๆขายมาทั้งนั้น และด้วยเหตุผลนี้เธอถึงอยากดูแลเด็กทั้งหกคน

เหมยเหมยได้จัดการเอกสารรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมให้เธอ เธอได้ส่งมอบเอกสารรวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้กับถังม่านลี่

“ตรงนี้ยังต้องประทับตราอยู่อีกสองสามตราและต้องให้เจ้าตัวไปเอง ฉันบอกพวกเขาไว้แล้ว ไม่มีใครขัดขวางเธอแน่นอน”

“ขอบคุณมาก ฉันจะไปจัดการพรุ่งนี้เลย”

ถังม่านลี่รู้สึกขอบคุณและปลาบปลื้มใจอย่างมาก

เธอเอ่ยต่อเด็กทั้งหกคนด้วยรอยยิ้มว่า “รอพวกเธอออกจากโรงพยาบาลก็ไปอยู่กับฉัน ฉันจะส่งเสียให้พวกเธอเรียนหนังสือ ปิดเทอมก็ออกไปเที่ยวด้วยกัน ดีไหม?”

“ดี…” เด็กทั้งหกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน เผยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากทีเดียว

หนึ่งเดือนให้หลังเด็กทั้งหกคนก็ออกจากโรงพยาบาล ดูแล้วพวกเขายังซูบผอมกว่าเด็กทั่วไปอยู่บ้างแต่เทียบกับสภาพที่เพิ่งกลับมาแรก ๆก็ถือว่าดีกว่ามากแล้ว

ถังม่านลี่ไม่ได้อยู่เมืองหลวงต่อ เธอพาพวกเด็ก ๆย้ายไปอยู่ทางตอนใต้ซึ่งอากาศอบอุ่นดั่งฤดูใบไม้ผลิ ที่นั่นเหมาะกับการใช้ชีวิตมากกว่าและไม่มีใครรู้จักพวกเขา พวกเขาสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้

“มีเรื่องอะไรต้องการให้ฉันช่วยก็โทรหาฉันแล้วกัน”

เหมยเหมยทิ้งเบอร์ของเธอไว้ให้ถังม่านลี่ก่อนจะส่งเธอและเด็กทั้งหกจากไป

โลกนี้ช่างไม่เที่ยง ใครจะรู้ได้เล่าว่าถังม่านลี่คนเดิมที่ลุ่มหลงในชื่อเสียงเงินทองจะมีจุดจบเช่นนี้!

แล้วก็สีอันน่า…

สีอันน่าเองก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เพียงแต่บาดแผลของเธอรุนแรงกว่าถังม่านลี่มากโข เธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ตลอดชีวิต รวมถึงโรคทางนรีเวชที่ไม่สามารถบรรยายได้จนนำมาซึ่งความเจ็บปวดแก่เธอตลอดชั่วชีวิต

โชคดีที่รอดชีวิตมาได้ในที่สุด

ทว่าสีอันน่ายังต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เธอเพิ่งก้าวออกจากโรงพยาบาลก็ถูกจับกุมตัวทันที เหยียนหมิงซุ่นสั่งลูกน้องไว้ว่าให้จัดห้องที่ค่อนข้างสบายไว้ให้เธอ

เหมยเหมยเองก็ได้จ้างทนายส่วนตัวแก่เธอ หวังว่าจะเป็นประโยชน์

ผ่านไปอีกหนึ่งเดือนคดีนี้ก็ถูกตัดสินซึ่งสวีหล่างรวมถึงพวกของเขาต่างถูกตัดสินโทษประหารชีวิตทุกคนและให้ดำเนินการทันที ส่วนสีอันน่าถูกตัดสินให้มีโทษจำคุกสิบปี ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ไม่เลวแล้ว

เรื่องทุกอย่างปิดฉากลงเพียงเท่านี้ก่อนที่ชีวิตจะกลับมาสู่ความสงบสุขดั่งเดิม เหมยเหมยตั้งใจเลี้ยงลูกที่บ้าน เหนื่อยทว่ากลับมีความสุข

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามปีผ่านไปและฤดูร้อนมาเยือนใหม่อีกครั้ง

“แม่…หนูจะไปโรงเรียน”

เล่อเล่อในวัยสามขวบที่ตัวโตกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก แม้ไม่ได้ตัวอวบอ้วนมากอย่างตอนเด็กแต่เจ้าตัวก็ยังตัวกลมอยู่ดี ทุกครั้งที่เหมยเหมยซื้อเสื้อผ้าให้เล่อเล่อก็ต้องซื้อตามขนาดของเด็กวัยห้าถึงหกขวบ ไม่อย่างนั้นก็ยัดไม่ลง

เล่อเล่อยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งคล้ายเหยียนหมิงซุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น ยามที่เบิกตาโตเหมือนพ่อของเธอไม่มีผิด ได้ยินคุณย่าหยางบอกว่าเด็กที่อาศัยในละแวกเดียวกันเผลอร้องไห้เพราะกลัวเล่อเล่อกันหลายคน

เหมยเหมยเอาชาลูกพลัมจากตู้เย็นออกมา เธอเอาไปแช่เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนซึ่งตอนนี้อุณหภูมิกำลังดีไม่เย็นเกินไป

“ทำไมอยู่ดี ๆถึงอยากไปโรงเรียนล่ะ? ลูกเกลียดการไปโรงเรียนมากที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ?” เหมยเหมยถามเสียงอ่อนโยน

เล่อเล่อใช้มืออวบรับชาลูกพลัมชามใหญ่มาแล้วกรอกเข้าปากทีเดียวอย่างไม่คิดจะหยุดพักสักนิด จากนั้นก็ใช้หลังมือเช็ดมุมปากแล้วเรอออกมาเสียงดังอย่างมีความสุข

เหมยเหมยมุมปากกระตุก กิริยาท่าทางม้าดีดกะโหลกเช่นนี้ยิ่งกว่าพ่อของเธอซะอีก!

……………………….

ตอนที่ 2430 หนูจะไปโรงเรียน

“เล่อเล่อ แม่สอนลูกอย่างไร? เป็นเด็กผู้หญิงทานอะไรต้องเรียบร้อย ค่อย ๆทานคำเล็กคำน้อย อีกอย่างหลังทานอาหารเสร็จต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชูเช็ดปาก ใช้มือได้อย่างไร?”

เหมยเหมยหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดคราบชาตรงมุมปากของเล่อเล่อพร้อมสอนไปอย่างใจเย็น

ต่อให้คำนี้เธอจะพูดไปเป็นรอบที่ร้อยแล้วก็ตาม

เล่อเล่อโบกปัดอย่างหงุดหงิด “ทานคำเล็กคำน้อยมันไม่สะใจพอ แย่งไม่ทัน”

เหมยเหมยชะงัก หมายความว่าอย่างไร?

“คุณพ่อบอกแล้วว่าผู้อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่งกว่า ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีก็ต้องแข็งแกร่งกว่านี้” เล่อเล่อพูดแล้วก็ชูแขนเป็นปล้อง ๆทำท่าทางให้ดูด้วยสีหน้าจริงจัง

เหมยเหมยเข้าใจแล้ว แต่เธอหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ทั้งยังตำหนิเหยียนหมิงซุ่นในใจข้อหาต่อกรเธออยู่เรื่อย

เธอสอนลูกสาววาดรูปเหยียนหมิงซุ่นก็สอนเล่อเล่อชกมวยแล้วยังทำเสาต้นเหมยไว้ตรงลานบ้านอีกต่างหาก เรื่องนี้ยังพอว่า แต่สิ่งที่สร้างความปวดศีรษะแก่เหมยเหมยมากที่สุดคือเล่อเล่อมีความสนใจในศิลปะการต่อสู้มากกว่าการเล่นฉินหมากรุกหรือวาดภาพเขียนพู่กันจีนเสียอีก

พอให้เล่อเล่อวาดรูปหากเจ้าตัวเล็กไม่หาข้ออ้างปวดฉี่ก็อยากทานอะไรสักอย่าง หรือคันตรงนั้นตรงนี้เหมือนมีตะปูปักคาก้นถึงต้องบิดตัวไปมาอยู่นั่น

แต่พอถึงเวลาชกมวยเล่อเล่อก็คึกขึ้นมา ไม่ต้องให้เหยียนหมิงซุ่นคอยคุมก็ตื่นแต่เช้าไปยืนรอที่เสาต้นเหมยเองอย่างไม่คิดกลัวลำบาก ต่อให้ฝนตกฟ้าผ่าก็ไม่ย่อท้อ

ความต่างสุดขั้วนี้ทำให้เหมยเหมยปวดใจอย่างมาก

เธอไม่คาดหวังกับการวาดรูปแล้ว แต่ความเรียบร้อยอย่างที่เด็กผู้หญิงพึงมีก็ต้องมีหรือเปล่า?

แต่ตอนนี้ดูแล้ว…ยากเหลือเกิน!

เหมยเหมยอัดอั้นใจอย่างหนัก เธอชักสงสัยจากใจจริงแล้วว่าภายในร่างกายของเล่อเล่อเป็นวิญญาณเพศผู้ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งใช่ไหม?

คุณชายฉิวที่นอนฟุบตากลมเย็นฉ่ำอยู่บนเครื่องปรับอากาศเงยหน้าเหลือบมองเล่อเล่อแวบหนึ่ง ตาดำขลับมองอย่างสนอกสนใจ

เจ้าตัวเล็กนี่เก่งกว่าตัวผู้มากโข ที่มาที่ไปไม่ธรรมดาเชียวละ!

ฉิวฉิวกลับมาตอนเล่อเล่ออายุครบหนึ่งขวบซึ่งจู่ ๆก็โผล่มากลางบ้าน เขายังคงเหมือนเดิม พอกลับมาถึงก็เล่นกับเล่อเล่อและเสวี่ยเอ๋อร์อย่างสนุกสนาน

ส่วนฉาฉาดันไม่กลับมา ฉิวฉิวบอกว่ามันยังต้องอยู่ในป่าอีกหลายปี ความจริงเพราะหลังฉาฉาฝึกตนสำเร็จร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นผิดปกติ เกรงว่าออกมาจะสร้างความตื่นกลัวแก่ผู้คน อยู่ในภูเขาลูกใหญ่ต่อไปน่ะดีแล้ว

รอฝึกตนจนคล่องตัวสามารถควบคุมขนาดร่างกายได้ค่อยให้ฉาฉากลับบ้าน

“แม่…หนูจะไปโรงเรียน!” พอเล่อเล่อเห็นเหมยเหมยไม่ตอบตกลงก็ไม่พอใจเลยยู่ปากพองลมไว้ข้างแก้ม

“งั้นลูกก็บอกแม่มาว่าทำไมอยู่ดี ๆถึงอยากไปโรงเรียน?” เหมยเหมยสงสัยเหลือเกิน

หลังจากเจ้าตัวเล็กรู้ว่าการไปโรงเรียนต้องทำการบ้านทุกวันก็เกลียดโรงเรียนเข้าไส้ราวกับมีความแค้นลึกซึ้งซะอย่างนั้น ทั้งยังประกาศกร้าวว่าตีให้ตายเธอก็จะไม่ไปโรงเรียน

“พวกเขาไปโรงเรียนกันหมดเลย ไม่สนุก!”

คำตอบของเล่อเล่อสร้างความแปลกใจแก่เหมยเหมย ยังคงเป็นคุณย่าหยางที่ช่วยอธิบายเสริม

“เพื่อนละแวกเดียวกันจะเข้าอนุบาลกันปีนี้แล้ว ไม่มีคนเล่นกับเล่อเล่อ เธอเลยเหงาไง!”

เหมยเหมยเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะอยากเล่นตามคาด!

แต่ฝากไปขังไว้ที่อนุบาลก็ไม่เลว ได้ข่าวว่าเด็กจะเชื่อฟังคำพูดของคุณครูมากเป็นพิเศษ เธอคุมเจ้าวายร้ายนี้ไม่ไหวแล้ว ให้คุณครูคุมแทนแล้วกัน ไม่แน่อาจจะรักการเรียนไปด้วยก็ได้!

เหมยเหมยได้หาโรงเรียนอนุบาลละแวกใกล้ ๆบ้านไว้ให้เล่อเล่อล่วงหน้านานแล้ว หลังจากเล่อเล่อโตขึ้นเธอกับเหยียนหมิงซุ่นก็ย้ายออกจากเรือนสี่ประสานเล็ก ๆเดิมมาอยู่ในชุมชนบ้านจัดสรรที่เปิดใหม่โดยโม่ซิวหย่วน พวกเขาได้ตำแหน่งที่ดีที่สุดในชุมชนทั้งยังมีลานบ้านที่กว้างมากพอ ตัวบ้านก็ใหญ่พอให้เล่อเล่อกับเสวี่ยเอ๋อร์ซนเต็มที่

คุณย่าหยางคุณปู่เหยียนก็ย้ายเข้ามาอยู่ด้วย พวกท่านไม่อยากอยู่ห่างเล่อเล่อแม้แต่วันเดียว รั้นจะอยู่ด้วยกันให้ได้

ครอบครัวที่อาศัยในชุมชนเล็ก ๆแห่งนี้ต่างก็มีฐานะไม่ธรรมดา สองสามีภรรยาอย่างโม่ซิวหย่วนกับเซียวเซียงก็อาศัยอยู่ที่นี่เช่นกัน เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อต่างก็ซื้อไว้ทั้งคู่ บ้านของฉีฉีเก๋อลุงปาเกินเป็นคนซื้อให้แต่ยังไม่ถูกโอนให้อยู่ภายใต้ชื่อของฉีฉีเก๋อ!

พวกเซียวเซ่อ สยงมู่มู่กับอู่เชาก็ย้ายตามกันมาหมด ซื้อแล้วไม่อยู่แต่ปล่อยว่างอยู่อย่างนั้น

…………………