ตอนที่ 1728 คุมเชิงและแลกเปลี่ยน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

คนผู้เดียว ลากเหยื่อเลือดไหลรินเป็นแถบปีนเขาขึ้นมา!

ภาพนองเลือดนั้นทำให้ผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลที่ยืนอยู่ตรงไหล่เขาเหล่านั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี

เจ้าหมอนี่ ถึงกับปรากฏตัวขึ้นด้วยวิธีโหดเหี้ยมเช่นนี้!

นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาคาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง

‘ไป แจ้งศิษย์พี่กู่ฉางซิน บอกไปว่าเป้าหมายปรากฏตัว’ ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำสื่อจิตอย่างรวดเร็ว

ฮูม!

หญิงสาวคนหนึ่งกลายร่างเป็นนกสีทองเจิดจ้าตัวหนึ่ง กระพือปีกบินไป

เห็นได้ชัดว่าพลังผนึกห้วงอากาศที่สามารถทำให้ไม่ว่าผู้ฝึกปราณคนใดก็เหินทะยานเคลื่อนย้ายไม่ได้นั่น ไม่อาจขัดขวางหญิงสาวที่เดิมทีเป็นนกแปลงกายได้

จนกระทั่งตอนนี้ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าคนนั้นถึงลอบถอนหายใจโล่งอก ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นคมปลาบเย็นชาขึ้นมา

“เตรียมตัวสู้!”

เขาออกคำสั่ง

ทุกคนในบริเวณนั้นเริ่มเคลื่อนไหว บ้างเรียกสมบัติออกมา บ้างโคจรวิชาลับ แต่ละคนพลานุภาพน่าหวาดหวั่น ประหนึ่งทวยเทพกลางเขา มองลงไปยังหลินสวินที่เดินมาช้าๆ ไกลออกไป

บนบันไดหินสีเขียวเก่าแก่ หลินสวินเงยหน้าขึ้นชำเลืองมองพวกเขาครั้งหนึ่ง แววตาไม่มีคลื่นอารมณ์ใดสักนิด

ตูม!

ครู่ต่อมาดาบหักโฉบพุ่ง ขาวประกายดั่งแสงสายฟ้าฟาด

การต่อสู้เปิดฉากขึ้นแล้วโดยไม่มีคำพูดใด

การโจมตีอันแข็งกร้าวและอหังการปานนั้น ทำให้ผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลเหล่านั้นล้วนสีหน้าอึมครึม ออกโจมตีโดยไม่ลังเลด้วยเช่นกัน

……

ในขณะเดียวกันบนยอดเขาพญามังกร

ลมภูเขาหวีดหวิว ทะเลเมฆลอยเป็นไอ เหล่าผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคจักรวาล เรือนมรรคดึกดำบรรพ์ เผ่านักรบเถาอู้ และเผ่านักรบกิเลนโลหิตรวมตัวอยู่ในนั้น

เป็นภาพน่าตกตะลึงนัก!

ในนั้นไม่ขาดมกุฎมหาอริยะ กลิ่นอายแต่ละคนประหนึ่งสุริยันกลางนภา สีสันพิสดารแสงประหลาดไหลหลั่งไปทั้งกาย ทำให้ยอดเขาส่องแสงเจิดจ้าเปล่งประกาย

ความภาคภูมิใจผุดขึ้นในใจหลายๆ คน

ผู้สืบทอดจากขุมอำนาจใหญ่มากมายเช่นนี้มารวมตัวกัน ต่อหน้าขุมกำลังที่แข็งแกร่งยิ่งเช่นนี้ ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งคนไหนก็ต้องถูกทำลายแหลกสลายเป็นผุยผง!

สวบ…

บนทางขึ้นเขามีนกปีศาจสีทองเจิดจ้าตัวหนึ่งถลามา เอ่ยปากอย่างว่องไวว่า “ศิษย์พี่กู่ หลินสวินนั่นบุกจากตีนเขาขึ้นมาแล้ว!”

ประโยคเดียวทำเอาทั้งที่นั้นกระสับกระส่าย หลายคนต่างงุนงง เจ้าหมอนั่นถึงกับมาจริงๆ หรือ

“เหอะๆ รนหาที่ตาย! ในเมื่อเจาปรากฏตัวแล้ว ก็ไม่ทำให้พวกเราที่รวมตัวอยู่นี่รออย่างเสียเปล่า!”

กู่ฉางซินหัวเราะหยัน

ที่นี่มีบุคคลชั้นยอดรวมตัวกัน ล้วนเป็นอัจฉริยะในหมู่ขุมอำนาจใหญ่ ไม่ขาดผู้กล้าชั้นยอดที่อยู่บนกระดานมหาอริยะฟ้าดารา

เผชิญหน้ากับภาพตระการตาที่ยอดฝีมือเหล่านี้มาชุมนุมกัน สามารถทำให้ไม่ว่าผู้ใดก็หายใจไม่ออกขวัญหนีดีฝ่อได้ เขาหลินสวินมามุ่งหน้ามา ก็คือการเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง

“ทุกท่าน เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว อีกเดี๋ยวคนที่มีแค้นก็ล้าง คนที่ขุ่นเคืองก็สะสาง ข้าคนแซ่กู่ขอพูดเพียงประโยคเดียวว่า วันนี้ ต้องฆ่าเจ้าหมอนี่ตายที่นี่!”

กู่ฉางซินสีหน้าเหี้ยมเกรียม

“นี่มันแน่อยู่แล้ว”

ใกล้ๆ กันมกุฎมหาอริยะที่ยืนอยู่สิบกว่าคนล้วนเผยไอสังหาร

บนตัวพวกเขาบ้างมีเพลิงเทพพลุ่งพล่าน บ้างมีแสงทองหลั่งไหล บ้างมีเจตกระบี่ทะลุเมฆ และบ้างปราณกลืนภูผาธารา กลิ่นอายแต่ละคนล้วนแกร่งกล้าหาใดเทียบ ยกมือวาดเท้าล้วนมีอานุภาพทำลายล้างฟ้าดินทั้งนั้น

นี่เป็นบุคคลชั้นยอดในหมู่มกุฎมหาอริยะ ตระการตาดั่งดวงดารา หากอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ต่างเป็นบุคคลผู้โดดเด่นมีชื่อในดินแดนแถบหนึ่งทั้งสิ้น

เถาเจี้ยนสิง คุนจิ่วหลิงล้วนอยู่ในกลุ่มนี้

ผู้แข็งแกร่งที่มาจากขุมอำนาจต่างกันอย่างพวกเขาร่วมมือกัน ก็เป็นเพราะตอนอยู่ในแดนหลอมสมบัติพวกเขาแต่ละคนเคยพ่ายแพ้หลินสวินอย่างหนัก

หากไม่ร่วมมือกัน ยังไม่แน่ใจว่าจะกำราบหลินสวินได้

อย่างตอนนี้พวกเขาผู้แข็งแกร่งนับร้อยคนรวมตัว เตรียมรอโจมตีไว้นานแล้ว มั่นใจว่าสามารถล้มคนรุ่นเดียวกันคนใดก็ได้ นับประสาอะไรกับหลินสวิน!

“เหอะๆ เจ้าหลินสวินนี่คงจะคิดไม่ถึง ว่าเขาคนเดียวไปสร้างความโกรธแค้นไว้เท่าไรกระมัง”

กู่ชางซินเอ่ยเนิบๆ ลำพองใจนัก

“ถุย!”

เสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันเสียงหนึ่งดังขึ้น บนหน้าผาไม่ไกลนัก พญาเผิงที่เลือดชุ่มไปทั้งตัวตัวหนึ่งเงยหัวขึ้นมาอย่างยากลำบาก แค่นหัวเราะเอ่ยว่า “ใช้คนมากรังแกคนน้อยเดิมก็น่าขายหน้าพอแล้ว ยังคุยโวโอ้อวดกันใหญ่โตเช่นนี้อีก ไม่รู้สึกอับอายหรือ”

ปีกทั้งสองของมันถูกหักสะบั้น ร่างถูกเหล็กหมาดสำริดมหึมาเล่มหนึ่งเจาะทะลุ ตรึงไว้กับพื้น เลือดสดๆ ยังไหลหลั่ง ไม่มีแรงดิ้นรน

ไม่ไกลนักมีเสียงหัวเราะหยันแหบแห้งอ่อนแรงแว่วมา “ราชันเผิงน้อยเจ้าพูดผิดแล้ว คนไร้ยางอายอย่างพวกเขาจะไปอับอายได้อย่างไร”

นี่เป็นลิงจมูกเชิดร่างกายแข็งแรงตัวหนึ่ง เพียงแต่ผิวหนังปริแตก เลือดเนื้อเหวอะหวะ ไหล่แทบถูกตัดขาด แขนทั้งสองถูกโซ่สีดำสนิทเส้นหนึ่งแทงทะลุ กักไว้กับพื้น

หยวนฝ่าเทียน!

เขาถูกกำราบจนขยับตัวไม่ได้ บาดเจ็บปางตายเหมือนราชันเผิงปีกทองน้อย

“หนวกหู!”

กู่ฉางซินสีหน้าอึมครึม “ปรนนิบัติพวกมันดีๆ ให้ข้าที!”

ทันใดนั้นก็มีคนสองคนยืนขึ้นมา แต่ละคนต่างถือแส้เหล็กที่มีลายมรรคสีเลือดแน่นขนัดคนละเส้น แล้วฟาดลงไปอย่างแรง

เผียะๆๆ!

แต่ละครั้งที่โจมตีลงไป ไม่ต่างจากดาบทื่อบดกระดูก หมื่นคมรวมที่ใจ ทำให้ร่างของราชันเผิงปีกทองน้อยกับหยวนฝ่าเทียนเกร็งกระตุกรุนแรง ความเจ็บปวดเช่นนั้นลึกเข้าไปในกระดูก มีผลถึงในจิตวิญญาณ เรียกได้ว่าเป็นการลงโทษอันโหดร้ายในโลก

“กระดูกแข็งจริงๆ แต่ก็เป็นแค่เบี้ยบ้ายรายทาง ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเจ้ายังมีประโยชน์คงฆ่าพวกเจ้าไปนานแล้ว!”

กู่ฉางซินสีหน้าเหี้ยมเกรียม

ผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่อยู่ใกล้เคียงก็ต่างหัวเราะเหี้ยมเกรียมไม่หยุดหย่อน พวกเขาต่างรู้ดีแล้วว่าสองคนนี้สนิทสนมกับหลินสวิน จึงระบายความพ่ายแพ้ที่ได้รับจากหลินสวินที่พวกเขาสองคนจนหมด

“ฮ่าๆ มีพวกนั้นอยู่หลินสวินต้องไม่กล้าทำอะไรแน่ ข้าล่ะอยากดูเสียหน่อยว่าเขาจะเลือกอย่างไรเพื่อเจ้าสองคนนี้ รสชาติเช่นนั้นต้องอึดอัดมากแน่ๆ”

เถาเจี้ยนสิงหัวเราะร่า เจือสีหน้าโหดเหี้ยม

“น่าเสียดาย ก่อนพวกเรามาถึงยอดเขาพญามังกรแห่งนี้ ก็มีคนที่ถือป้ายคำสั่งเซียนเหินบางคนเข้าไปในแดนผนึกลึกลับแห่งนั้นแล้ว หาไม่ถ้าจับพวกเขาไว้ด้วยกัน ต้องทำให้หลินสวินยิ่งยากทานทน ยิ่งเจ็บปวดแน่”

คุนจิ่วหลินถอนใจเบาๆ

“วางใจได้ ลู่เสวียนจีกับสหายยุทธ์คนอื่นบางส่วนเข้าไปในแดนผนึกลึกลับแห่งนั้นแล้ว การจับคนที่ถือป้ายคำสั่งเซียนเหินพวกนั้นมาก็เป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว”

กู่ฉางซินเอ่ย

ในจุดซึ่งไม่ไกลจากที่ที่พวกเขายืนอยู่มีแดนผนึกลึกลับแห่งหนึ่งถูกหมอกหนาสีขาวทึบปิดคลุม หากไม่มีป้ายคำสั่งเซียนเหิน ทุกคนที่ฝืนบุกเข้าไปในนั้นจะต้องประสบเคราะห์

และในตอนที่ทุกคนพูดจาอวดดีกันนั้นเอง

จู่ๆ เสียงกระแทกทุ้มหนักก็แว่วมาจากทางขึ้นเขาด้านล่าง ดึงดูดความสนใจของคนไม่น้อย

จากนั้นเสียงสนทนาในที่นั้นก็หยุดลงทันควัน

ในจิตรับรู้ของแต่ละคนต่างปรากฏภาพนองเลือดพิสดารภาพหนึ่ง บนทางขึ้นเขา หลินสวินเดินขึ้นบันไดมาทีละขั้นเพียงลำพัง

ด้านหลักลากเชือกเส้นหนึ่ง ตัวเชือกมัดร่างผู้แข็งแกร่งที่เลือดหลั่งรินเอาไว้หลายร่าง มีมากนับหลายสิบคน แต่ละคนต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส เต็มไปด้วยรอยแผล กลิ่นอายรวยริน!

ในบรรดาผู้แข็งแกร่งที่เหมือนนักโทษคุกใต้ดินเหล่านี้ มีผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลที่ขวางหลินสวินที่กลางเขาก่อนหน้านี้สิบกว่าคนเพิ่มขึ้นมา!

เมื่อเห็นดังนี้หญิงสาวที่แปลงกายเป็นนกมาส่งข่าวก็ส่งเสียงร้องแหลมอย่างอดไม่ได้ ตกตะลึงพรึงเพริด

และขณะนี้ที่ยอดเขาพญามังกรก็ตกอยู่ในความสั่นสะเทือน

“บัดซบ!”

“น่าชังนัก พวกนั้นเป็นพวกพ้องเผ่านักรบกิเลนโลหิตของพวกเรา!”

“จะจะเจ้า… ถึงกับกล้าเหยียดหยามผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ของพวกเรา!”

บนยอดเขาเหล่าผู้แข็งแกร่งเดือดดาล คนไม่รู้เท่าไรสีหน้าอึมครึมลง ไอสังหารทะลักออกมาในแววตาจนหมดสิ้น จ้องหลินสวินอย่างดุร้าย

การคุยโวโอ้อวดก่อนหน้านี้หายไปแล้ว บรรยากาศในที่นั้นก็เปลี่ยนเป็นครัดเคร่งหาใดเทียบ ทำเอาชั้นเมฆในเวิ้งฟ้ายังปั่นป่วน

ขณะนี้สีหน้าของพวกกู่ฉางซิน คุนจิ่วหลิน เถาเจี้ยนสิงต่างก็เย็นชาไม่น่าดู

พวกเขาคิดไม่ถึงสักนิดว่าหลินสวินจะปรากฏตัวขึ้นด้วยวิธีนี้ ใช้เชือกมัดเหล่าผู้แข็งแกร่งแล้วลากจูงขึ้นมา นี่เป็นการท้าทายและเหยียดหยามที่ตรงไปตรงมาที่สุดอย่างไร้ข้อกังขา!

“ฮ่าๆๆ หลินสวินเจ้าร้ายกาจจริง ได้เจอเจ้าอีกครั้งที่นี่ แม้ตายข้าก็ตายตาหลับ!”

หยวนฝ่าเทียนหัวเราะบ้าคลั่ง น้ำตาผุดคลอเบ้า

เขาก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าหลินสวินจะถึงกับมาจริงๆ!

เขา…

ยังไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลย…

“เลอะเลือน เจ้าดูไม่ออกหรือว่านี่เป็นกับดักเพื่อจัดการเจ้า หนีไปเร็ว! ต่อให้ข้าตายก็ไม่คิดให้เจ้าเสี่ยงชีวิต!”

ราชันเผิงปีกทองน้อยด่าทอยกใหญ่ เขาร้อนรนแล้ว เมื่อกี้ถูกเฆี่ยนตีเหยียดหยามยังไม่โกรธเคืองกระวนกระวายเช่นนี้

หลินสวินยืนอยู่บนยอดเขา สายตามองผ่านกลุ่มคนไปยังราชันเผิงปีทองน้อยที่ถูกเหล็กหมาดตรึงอยู่กับพื้น และมองดูหยวนฝ่าเทียนที่ถูกสายโซ่ทะลวงไหล่แขน หน้าอกรู้สึกอึดอัดเหมือนมีกองหินทับ!

“เดิมทีพวกเขาก็จัดฉากขึ้นเพราะหมายหัวข้า พวกเจ้า… แค่ถูกข้าดึงมาติดร่างแหด้วยเท่านั้น…”

หลินสวินเสียงต่ำลึก ดวงตาดำทั้งสองล้ำลึกและน่ากลัว

“หนีไป!”

ราชันเผิงปีกทองน้อยคำราม ตาแดงไปหมดแล้ว

หรือเจ้าหมอนี่ไม่รู้ว่าที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่เป็นพวกร้ายกาจบนทางโบราณฟ้าดาราทั้งนั้น เทียบกับคนที่มาจากเก้าดินแดนพวกนั้นไม่ได้สักนิด

“คิดจะไปหรือ ไม่มีทาง!”

กู่ฉางซินเอ่ยปากเย็นชา ไอสังหารทั้งกายม้วนตลบห้วงอากาศ ผมดำของเขาปลิวไสว สายตาดั่งอสนีจับจ้องหลินสวินไว้มั่น พูดชัดถ้อยชัดคำว่า “วันนี้พวกเจ้าต้องตายทั้งหมด!”

ปึง!

หลินสวินยืนนิ่งเพียงลำพัง เงาร่างไม่ไหวติงสักนิด

แต่เบื้องหลังเขากลับมีร่างของผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลที่ถูกมัดไว้คนหนึ่งระเบิดออกโดยพลัน ฝนเลือดสาดกระเซ็นสูงนัก

เห็นได้ชัดว่านี่ก็คือคำตอบของหลินสวินต่อกู่ฉางซิน!

“เจ้ารนหาที่ตาย!”

ผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลในที่นั้นต่างเดือดดาลยิ่งนัก แค้นจนแทบจะกระโจนออกไป แต่กลับถูกผู้แข็งแกร่งคนอื่นรั้งไว้

หลินสวินควบคุมความเป็นความตายของผู้แข็งแกร่งหลายสิบคนไว้ในมือ ไม่เพียงผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาล ยังมีผู้แข็งแกร่งของขุมอำนาจอื่นด้วย

นี่ก็คือการข่มขู่อันใหญ่ยิ่ง ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างละล้าละลังไม่กล้าลงมือ!

“ถ้าปล่อยพวกเขาไป ข้าจะปล่อยคนพวกนี้ด้วยก็ได้”

หลินสวินสีหน้าเย็นเยียบ

นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมเขาถึงไม่ได้ลงมือเด็ดขาดในการต่อสู้ตลอดทางนี้!

จุดประสงค์ก็เพื่อเอาชีวิตของศัตรูพวกนี้ไปแลกกับชีวิตของราชันเผิงปีกทองและหยวนฝ่าเทียน

“ละเมอเพ้อพก!”

คุนจิ่วหลินตะคอกเกรี้ยวกราด

เดิมทีที่พวกเขาจับราชันเผิงปีกทองน้อยกับหยวนฝ่าเทียนไว้ก็เพื่อขู่บังคับหลินสวิน ใครจะไปคิดว่าตอนนี้หลินสวินก็เลียนแบบวิธีการเดียวกัน

ปึง!

ด้านหลังหลินสวิน ผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์คนหนึ่งตายคาที่ ร่างกระจายไปคนละทิศละทาง สภาพการตายน่าหดหู่ ทำเอาผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่ถูกมัดไว้ตกใจจนร้องเสียงแหลมคำรามขึ้นมาทุกคน

วิธีอันเหี้ยมเกรียมนองเลือดนี้ทำให้พวกกู่ฉางซินแค้นจนกัดฟัน โกรธจนตาแทบถลน เจ้าระยำนี่ดันเตรียมตัวมาเสียได้!

“เจ้าไม่กังวลว่าพวกเราจะฆ่าสองคนนี้หรือ”

เถาเจี้ยนสิงเอ่ยปากเสียงเรียบ ข่มขู่หลินสวินเช่นกัน

ปึง!

คราวนี้ในบรรดาเชลยที่อยู่ข้างหลังหลินสวิน ลูกหลานเผ่านักรบเถาอู้คนหนึ่งตายคาที่ ล้มลงไปในกองเลือด

ตั้งแต่เริ่มจนจบหลินสวินแข็งกร้าวอหังการหาใดเทียบ วิธีการก็นองเลือดถึงที่สุด ทำเอาผู้แข็งแกร่งในที่นั้นต่างขวัญหายอย่างอดไม่ได้

พวกเขาไม่กังขาสักนิดว่าถ้ายังท้าทายต่อไปอีก หลินสวินคงเอาแต่ฆ่าเชลยตายมากยิ่งขึ้น!