ตอนที่ 3371

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3371 : นิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง

 

“ภายในสามวัน?”

 

ด้านเฟิ่งเทียนหวู่ที่ตอนแรกยังไม่ทราบว่าเภทภัยจะมาเยือนนิกายกระบี่เมฆรุ้งเมื่อไหร่ มา ตอนนี้หลังได้ยินข้อความของอวี่เหวินชิง นางก็รู้ได้ทันที

 

นิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง จะมานิกายกระบี่เมฆรุ้งของนางเพื่อบีบให้ชื่อหลิงแต่งด้วยในอีกไม่เกิน 3 วันหลังจากนี้!

 

ถึงตอนนั้นเมื่อซื้อหลิงไม่อยู่ที่นั่น ด้วยอารมณ์ของอดีตประมุขนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งที่ ขึ้นชื่อว่าเอาแต่ใจทั้งโหดร้ายกระหายเลือด นิกายอมตะทะเลเยือกแข็งคงไม่กลับไปแต่โดยดีแน่นอน!

 

“ศิษย์พี่..”

 

เดิมที่เฟิงเทียนหวู่ก็ตัดสินใจไว้ว่าหากการไปเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ครั้งนี้คว้าน้ําเหลว นางก็จะพาซื้อหลิงไปยังที่ปลอดภัยก่อน จากนั้นก็จะย้อนกลับไปนิกายกระบี่เมฆรุ้งเพียงลําพัง เพื่อร่วมเป็นร่วมตายกับอาจารย์และศิษย์พี่

 

แต่ตอนนี้หลังได้รับข้อความจากศิษย์พี่ นางก็บังเกิดความลังเลขึ้นมา

 

เพราะที่อวี่เหวินชิงกล่าวนับว่ามีเหตุผล

 

หากนางรีบร้อนย้อนกลับไป ก็มีแต่ตายกับตายไม่อาจพลิกกลับสถานการณ์ เปลี่ยนกระแสการรบอะไรได้

 

ทว่าหากนางไม่ย้อนกลับไป รอให้นางกับต้วนซื่อหลิงเติบโตขึ้นก่อน ในอนาคตไหนเลยจะไม่อาจฆ่าล้างบางนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งเพื่อล้างแค้นได้?

 

นางกับต้วนชื่อหลิงนั้น คนหนึ่งอายุกําลังจะครบ 300 ปี ส่วนอีกคนยังห่างจาก 300 อีกหลายสิบปี แต่ตอนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นราชาอมตะกันหมดแล้ว

 

หากพวกนางมีเวลาสักพันปีหมื่นปี กับอีแค่ด่านพลังจักรพรรดิอมตะจะไปไม่ถึงเชียวหรือ?

 

“ศิษย์พี่หญิง ท่านอาจารย์”

 

สองตาเฟิงเทียนหวู่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง แม้นาจะพยายามหลบไม่ให้ตัวนซื้อหลิงเห็น แต่ไหนเลยยต้วนซื่อหลิงจะมองไม่เห็น กระทั่งยังระแคะระคายอะไรบางอย่าง

 

ตอนแรกต้วนซื่อหลิงก็เชื่อคําที่อาวุโสใหญ่โหยวไป๋เฟิงบอก

 

แต่ตอนนี้หลังผ่านไปสักพัก พอได้สงบสติอารมณ์ลงจึงเริ่มรู้สึกว่าเรื่องราวมีบางอย่างผิดปกติ อาวุโสใหญ่นิกายกระบี่เมฆรุ้งโหยวไป๋เฟิง จะขอความช่วยเหลือจากสหายให้ช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้จริงหรือ?

 

“ซื่อหลิง ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้เป็นอะไรก็แค่คิดถึงพ่อเจ้า”

 

เฟิงเทียนหวู่ที่ใช้เวลาอยู่กับต้วนซื่อหลิงมากกว่าใคร นางย่อมรู้ลักษณะนิสัยของอีกฝ่ายดี หากซื้อหลิงรู้ว่านิกายกระบี่เมฆรุ้งตกอยู่ในหายนะถึงขั้นล่มสลายเพราะตัวเอง ซื่อหลิงย่อมไม่คิดหนีเอาตัวรอดคนเดียวและปล่อยให้นิกายกระบี่เมฆรุ้งรับเคราะห์เพราะนางแน่!

 

หลังจากกล่าวสร้งความมั่นใจให้ตัวนซื่อหลิงแล้ว เฟิงเทียนหวู่ก็ได้แต่ลอบทอดถอนในใจ พี่ใหญ่ต้วน ลูกสาวของท่านองอาจเหมือนท่านไม่มีผิด…ตอนนี้ท่านอยู่แห่งหนใด ใช่อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียนแล้วหรือไม่?”

 

หลังคิดถึงจุดนี้ เฟิงเทียนหวู่ก็หันไปกล่าวกับต้วนซื่อหลิงว่า “ซื่อหลิง พวกเราเร่งเดินทางไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนกันเถอะ…ตอนนี้มันผ่านไปร้อยกว่าปีแล้ว ไม่แน่ปานนี้ ท่านพ่อของเจ้าอาจจะอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียนแล้วก็เป็นได้”

 

“ท่านพ่อ…”

 

ใบหน้าต้วนซื่อหลิงชะงักนิ่งค้างไปพักหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มฉายชัดถึงความคิดถึงออกมา ถึงแม้ว่าความทรงจําจะเลือนรางแสนห่างไกล แต่นางก็ยังจดจําความยิ่งใหญ่ของบิดาได้อย่างชัดเจน

 

“ท่านพ่อเก่งกล้าสามารถและสร้างปาฏิหาริย์ได้ตลอด…หากมีท่านพ่ออยู่ล่ะก็ พวกเราไม่ต้องกลัวนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งแน่!”

 

ต้วนซื่อหลิงกล่าวพึมพําออกมาด้วยสองตาเชื่อมั่น เห็นได้ชัดว่าในใจของนางยึดถือผู้เป็นบิดาว่าเก่งกล้าสามารถเหนือใคร

 

อย่างไรก็ตาม ด้านเฟิงเทียยนหวู่หลังได้ยินคํากล่าวพึมพําของตัวนซื่อหลิง นางก็อดยิ้มออกมาอย่างอื่นขมไม่ได้…ถึงแม้นางก็เชื่อมั่นในตัวชายคนรักอย่างพี่ใหญ่ตัวนของนางมาก และอีกฝ่ายมักสร้างความประหลาดใจให้นางอยู่เสมอ แต่พี่ใหญ่ตัวนที่ดิ้นรนอยู่ในระนาบเซียนเพียงลําพังตอนนั้น ในเวลาไม่กี่ปีจะเปลี่ยนแปลงไปได้สักกี่มากน้อย…

 

หากนางกับตัวนซื่อหลิงไม่เคยได้รับการชําระขัดเกลาจากพลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศของระนาบเทพ เกรงว่าพวกนางคงไม่อาจมาถึงจุดนี้ได้ในเวลาไม่กี่ร้อยปี

เช่นนั้นเฟิงเทียนหวู่จึงรู้สึกไปตามจิตใต้สํานึก

 

ถึงแม้นางจะได้พบเจอกับพี่ใหญ่ตัวนขอนาอีกครั้งในระนาบเทวโลก แต่ระดับพลังฝึกปรือของพี่ใหญ่ต้วน ไม่แน่ว่าจะสูงเท่านางกับตัวนซื่อหลิง

 

เว้นเสียแต่พี่ใหญ่ต้วนของนางจะพลิกฟ้าสร้างปาฏิหาริย์บนระนาบเทวโลกได้เหมือนอยู่ในระนาบเซียน พานพบการผจญภัยเหนือคาดคิด ประสบโชควาสนาปาฏิหาริย์ ก็อาจจะมีโอกาสที่ด่านพลังเท่าเทียมกับพวกนางหรือกระทั่งเหนือล้ํากว่าพวกนาง

 

ซุ้ม! ซุ้ม!

 

เสียงแหวกสายลมฉับไวสองสําเนียงดังก้องฟ้าไม่ขาดสาย เฟิงเทียนหวู่กับตัวนซื้อหลิงห้อเหยียดข้ามเวหา มุ่งหน้าไปยังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนด้วยความเร็วสูงสุด

 

เมื่อ 100 ปีก่อนเฟิงเทียนหวู่เคยให้อาจารย์อย่าง โหยวไป๋เฟิง อาวุโสใหญ่แห่งนิกายกระบี่เมฆรุ้งพามายังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์รี่เมี่ยเทียนแล้วครั้งหนึ่ง เช่นนั้นนางจึงคุ้นเคยเส้นทางดี

 

หวังว่าพี่ใหญ่ตัวนจะอยู่ที่นั่น

 

“หากพี่ใหญ่ตัวนไม่อยู่ที่นั่น ก็ขอให้ผู้อาวุโสฟงชิงหยางอยู่อีกทั้งขอให้ผู้อาวุโสฟงชิงหยางยินยอมออกหน้าช่วยยเหลือพวกเราสักครั้ง

 

เฟิงเทียนหวู่ที่พาชื่อหลิงเหินร่างมุ่งหน้าไปยังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์อย่างงรีบเร่ง ได้แต่ลอบภาวนาอธิษฐานในใจอย่างวาดหวัง

 

แน่นอนว่านางก็ได้เตรียมใจรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้วเช่นกัน

 

นิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง ในฐานะที่เป็นขุมกําลังระดับ 2 ในนิกายย่อมมีตัวตนขอบเขตจัก รพรรดิอมตะมากมาย ถึงแม้จะไม่มีจักรพรรดิอมตะสมญานาม แต่ก็นับว่าเป็นทรราชท้องถิ่นปกครองพื้นที่ได้อย่างมั่นคง

 

ดั่งคํากล่าวที่ว่า บนภูไร้พยัคฆ์ ลิงกังก็เป็นราชา!

 

“ช่างเหนือความคาดหมายข้านัก ไม่คิดเลยว่าในนิกายกระบี่เมฆรุ้งกลับมีผู้ที่สามารถเข้าใจกฏแห่งเวลาได้จริงๆ…ต้องทราบด้วยว่าในบรรดา 4 กฏสูงสุด กฏเวลาเป็นอะไรที่ยากทําความเข้าใจมากที่สุด กระทั่งเป็นกฎที่ถือว่าทรงพลังที่สุดในบรรดา 4 กฏสูงสุด”

 

ณ ถิ่นที่อยู่ของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง ซึ่งเป็นหุบเขาอันกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยบรรยากาศร่มรื่นมากล้นไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ พร้อมพรั่งทั้งมวลหมู่สกุณาอมตะขับขานเอื้อนแจ้ว และภายในบ้านลานอันเสืบสงบหลังหนึ่งใจกลางหุบเขา ปรากฏชายชราเส้นผมสีดอกเลา นั่งกล่าวพึมพําอยู่บนโต๊ะหินอ่อน

 

“ฮ่าๆ…เพราะเหตุนี้ ผู้หลานจึงอยากตบแต่งกับนางไงเล่าท่านปู่!”

 

บนโต๊ะหินอ่อนฝั่งตรงข้ามชายชรา ปรากฏชายหนุ่มในชุดสีฟ้านั่งอยู่ ชายหนุ่มคนนี้แลดูธรรมดาๆ แต่หากไม่ใช่เพราะดวงตาเรียวแคบราวหนูให้ความรู้สึกสามานย์ อันที่จริงมันก็ยังพอหาความหล่อเจออยู่บ้าง

 

และชายหนุ่มในชุดสีฟ้าคนนี้ ก็คือนายน้อยของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง หลานจี้เหนียน!

 

ถึงแม้ตําแหน่งประมุขนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง จะไม่มีธรรมเนียมให้ผู้สืบสายเลือดขึ้นดํารงตําแหน่งประมุขสืบต่อ แต่เพราะชายชราที่นั่งบนโต๊ะหินอ่อนคนนี้ได้ให้กําเนิดบุตรชายประเสริฐ ไร้ซึ่งผู้ใดในรุ่นเดียวกันสามารถเทียบเทียมได้ เช่นนั้นลูกชายของมันจึงได้กลายเป็นประมุขคนปัจจุบันสืบต่อจากมันที่วางมือ

 

และลูกชายของมันก็คือ หลานข่งเชวียน ประมุขคนปัจจุบันของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง!

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับหลานข่งเขวียน และหลานเหิงชายชราที่นั่งอยู่บนโต๊ะหินอ่อนอัน เป็นประมุขรุ่นก่อนแล้ว หลานจี้เหนียนนับว่าห่างชั้นกว่ากันจนเทียบไม่ติด!

 

มีคนในรุ่นเดียวกับหลานจี้เหนียนมากมายที่มีพลังฝีมือและพรสวรรค์โดดเด่นเหนือมัน เช่นนั้น ประมุขรุ่นต่อไปจึงไม่มีวันตกถึงมันอย่างเด็ดขาด

 

ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะหลานข่งเชวียนผู้เป็นบิดาก็ดี หรือหลานเหิงผู้เป็นปู่ก็ดี ล้วนหวังให้บุตรหลานคนนี้ตบแต่งภรรยาประเสริฐ จะได้มาชดเชยเรื่องที่หลานจี้เหนียนไร้ความสามารถ

 

อนิจจา ไม่มีผู้ใดเข้าตาหรือผ่านเกณฑ์พวกมันมาโดยตลอด

 

เหล่าอิสตรีของขุมกําลังระดับ 2 ไม่ว่าใครล้วนดูแคลนหลานจี้เหนียนที่อ่อนหัดเป็นที่สุด ส่วนอิสตรีจากขุมกําลังระดับ 3 อย่างดีก็มีความสามารถแค่พอๆกับหลานจี้เหนียน ส่วนอิสตรีจากขุมกําลังระดับ 4 หากไม่โดดเด่นมากๆก็คงยากจะเข้าตาพวกมันได้

 

อย่างไรก็ตาม คราวนี้อิสตรีที่หลานจี้เหนียนไปบังเอิญพบเจอจนต้องตาพึงใจนั้น ไม่เหมือนกับสตรีคนใดเลย

 

สตรีนางนั้น ถึงแม้จะเป็นลูกศิษย์คนเก่งของประมุขนิกายกระบี่เมฆรุ้ง แต่สําหรับพวกมันก็ไม่ถือว่าสลักสําคัญอะไร เพราะนิกายกระบี่เมฆรุ้งเป็นแค่ขุมกําลังระดับ 4 เท่านั้น

ที่ทําให้พวกมันบังเกิดความสนใจจริงๆก็คือพรสวรรค์และความเข้าใจของสตรีนางนั้นต่างหาก!

 

อายุไม่ทันถึง 300 ปีที่ ก็บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว!

 

หากไม่มีอะไรผิดพลาด ภายภาคหน้านางย่อมทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะได้แน่นอน!

 

ยิ่งไปกว่านั้น กฏที่นางเข้าใจก็เป็นถึงกฎเวลา 1 ใน 4 กฏสูงสุดของสวรรค์และโลก และยังเป็นกฏสูงสุดที่ยากเข้าใจเป็นที่สุดอีกด้วย!

 

ว่ากันว่าตราบใดที่คู่สมรสนั้น มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าใจกฏแห่งเวลา เช่นนั้นลูกที่จะเกิดจากคู่สมรสดังกล่าว ก็มีโอกาสสูงถึง 5 ส่วน ที่จะเข้าใจกฏแห่งเวลา!

 

ด้วยเหตุนี้ไม่เพียงศิษย์คนเก่งของประมุขนิกายกระบี่เมฆรุ้งจะถูกหลานจี้เหนียนต้องตาพึงใจเท่านั้น กระทั่งมันผู้เป็นปู่ไม่เว้น บิดาของหลานจี้เหนียนก็ต้องตาพึงใจและอยากได้อีกฝ่ายมาเป็นสะใภ้ให้หลานจี้เหนียนเช่นกัน หลานข่งเชวียนเองพอได้ฟังเรื่องราวจากลูกชายแล้ว ก็เร่งรุดไปสู่ขอคนที่นิกายกระบี่เมฆรุ้งทันที

 

อย่างไรก็ตาม แม้หลานข่งเชวียนประมุขของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งจะมีพลังฝีมือไม่ใช่ชั่ว แต่ตอนถูกทางกระบี่เมฆรุ้งปฏิเสธการสู่ขอ มันก็ไม่อาจใช้กําลังบีบบังคับอะไรได้

 

เพราะในสายตาของหลานข่งเชวียน

 

นิกายอมตะทะเลเยือกแข็งของมัน จะอย่างไรก็เป็นถึงขุมกําลังระดับ 2 จะไปบีบคั้นนิกายกระบี่เมฆรุ้งที่เป็นแค่ขุมกําลังระดับ 4 ให้ส่งตัวคนออกมาแต่งกับลูกตัวเองได้อย่างไร? นี่ยังไม่ใช่อะไรกับการรังแกผู้คน ต่อไปมันจะยืนหยัดสู้หน้าประชาชนได้อย่างไร..

 

“ฮ่าๆๆๆ เหนียนเอ้อหลานปู่ เจ้าอย่าได้กังวลไป เดี๋ยวปู่จะไปนิกายกระบี่เมฆรุ้งกับเจ้า และทําให้นังหนูตุ๊กตานั่นตบแต่งกับเจ้าให้จงได้!”

 

หานเหิงหัวเราะออกมาอย่างโผงผาง กล่าวกับหลานจี้เหนียนว่า “2-3 วันหลังจากนี้เจ้าก็ไปตระเตรียมสินสอดที่จะใช้สู่ขอผู้อื่นเขาเถอะ แม้พวกมันจะเป็นแค่นิกายระดับ 4 พวกเราก็ไม่อาจเสียมารยาทได้”

 

“แต่ไม่ต้องอันใดมากมาย เจ้าไปคุ้ยๆหาของเหลือๆในคลังที่ไร้ประโยชน์พวกนั้นก็พอ”

 

กล่าวจบคํามุมปากของหลานเหิงก็ยกแสยะ ฉายความดูแคลนหยามหยันเป็นที่สุด

 

เพราะในสายตามัน

 

หลานชายคนดีของตัวมัน หลานเหิง เต็มใจตบแต่งกับศิษย์ของนิกายระดับ 4 ก็เป็นบุญหัวของอีกฝ่ายเท่าไหร่แล้ว! คิดได้รับสินสอดทองหมั้นราคาแพงหรือ? ของล้ําค่าหรือ? พวกมันยังไร้คุณสมบัติ!!

 

“ท่านปู่ ข้าเกรงว่าพวกนิกายกระบี่เมฆรุ้งจะไม่ยอมน่ะสิ…ตอนนั้นท่านพ่อก็ไปสู่ขอคนให้ข้าดีๆแล้ว แต่ถูกพวกนังบ้านั้นไล่ตะเพิดจนรีบกลับมาแทบไม่ทัน”

 

หลานจี้เหนียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเหยเก

 

“ฮี!!”

 

หลานเหิงพ่นลมสบถอย่างไม่พอใจ “พ่อเจ้าดีหมดทุกสิ่ง ไม่ว่าจะการบริหารปกครองหรือพรสวรรค์ฝึกปรือล้วนไร้ที่ติ! เสียอย่างเดียวมันชอบห่วงหน้าพะวงหลัง จะทําอะไรสักทีก็คิดแล้วคิดอีก กับอีแค่นิกายระดับ 4 หากไม่ร่วมมือ ยังจะไปยากอะไร แค่ทุบตีพวกมันให้พินาศไปเสีย!!”

 

“หลานปู่ไม่ต้องกลัวไม่ได้เมีย มะรืนนี้ปู่จะไปนิกายกระบี่เมฆรุ้งกับเจ้า…หากคนกระบี่เมฆรุ้งกล้าปฏิเสธอีกครั้ง รวมถึงนังหนูตุ๊กตานั้นหากสุราคารวะไม่รับชมชอบสุราจับกรอกนัก ข้าจะตีนางให้ตายทั้งทําลายนิกายกระบี่เมฆรุ้งเสีย!”

 

ขณะกล่าววาจาดุร้ายประโยคนี้ สภาวะร่างหลานเหิงก็แผ่พุ่งความเผด็จการ ทั้งเอาแต่ใจออกมาอย่างไร้สิ้นสุด

 

อย่างไรเสียมันก็มีทุนรอนให้เผด็จการ

 

ในนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งถึงแม้จะมีชนชั้นจักรพรรดิอมตะมากมาย แต่พลังฝีมือของมันกล้าแข็งสูงสุด ถึงแม้จะยังห่างไกลจากจักรพรรดิอมตะสมญานามหลายขุม แต่ในพื้นที่ปกครองของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง ให้กล่าวคําไร้ผู้ต่อกรก็ไม่เกินเลย

 

นิกายกระบี่เมฆรุ้งหรือ?

 

ตราบใดที่มันต้องการ อาศัยมันลําพังก็พังถล่มได้ราบคาบ!

 

“ขอบคุณท่านปู่!”

 

หลานจี้เหนียนเร่งกล่าวขอบคุณด้วยสองตาลุกวาว ใบหน้าฉายความกระหยิ่มยิ้มย่อง ลึกลงไปในแววตายังฉายชัดถึงความปรารถนาไร้สิ้นสุด!

 

ศิษย์คนเก่งของประมุขนิกายกระบี่เมฆรุ้งนามต้วนซื่อหลิงนั่น ถึงแม้มันจะเห็นนางผ่านๆแค่ครั้งเดียว แต่ก็หลงใหลในตัวอีกฝ่ายแล้ว

 

ยิ่งไปกว่านั้น สตรีนางนี้ไม่เพียงมากล้นไปด้วยศักยภาพพรสวรรค์ทั้งความเข้าใจสูงล้ํา แต่นางยังเข้าใจกฏแห่งเวลา อันเป็นถึง 1 ใน 4 กฏสูงสุดอีกด้วย สิ่งนี้นับว่าถูกจริตมันเป็นที่สุด!

 

“หากข้าได้นางเป็นภรรยา วันหน้าต่อให้พลังฝีมือของข้าจะไม่สูงพอนั่งตําแหน่งประมุข แต่ในนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งยังจะมีผู้ใดกล้าล่วงเกินข้าอีก?”

 

“ด้วยความสามารถของนาง เรื่องจะทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น!”

 

และสิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือ…แม่เทพธิดาน้อยของข้านางช่างงดงามเหลือเกิน!!”

 

ตอนนี้หลานจี้เหนียนราวกับได้เห็นฉากสตรีนางนั้นกลายเป็นเจ้าสาวในหอห้อง และกําลังร้องขอความเมตตาใต้ร่างของมันบนเตียง!

 

คิดถึงจุดนี้สองตามันก็ทอประกายสว่างจ้ามากล้นไปด้วยความตื่นเต้น ไฟอารมณ์ลุกโชนขึ้น มาอย่างยากรับ

 

2 วันต่อมา

 

ถิ่นที่อยู่นิกายอมตะทะเลเยือกแข็งก็นับว่าคึกคักนัก ปรากฏขบวนของตัวตนระดับสูงในนิกาย เห็นร่างขึ้นฟ้ามุ่งหน้าสู่นิกายกระบี่เมฆรุ้งอย่างเอิกเกริก

 

3 คนแรกที่เห็นนําขบวนขี่สัตว์อมตะสายพันธุ์พยัคฆ์ สีขาวบริสุทธิ์แลดูสูงส่ง ทว่าในความสูงส่งกลับเต็มไปด้วยความดุร้ายน่าเกรงขาม

 

3 คนนี้ไม่ใช่ใครอื่น หนึ่งในนั้นก็คือนายน้อยนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง หลานจี้เหนียน

 

อีกคนก็คือหลานเหิง อดีตประมุขรุ่นก่อนของกากยอมตะทะเลเยือกแข็ง

 

ส่วนคนสุดท้ายเป็นชายวัยกลางคนท่าที่เคร่งขรึมจริงจัง ดาวยาวในฝักวางขวางไว้เบื้องหน้า แม้คนไม่ได้มีโทสะแต่หว่างคิ้วกลับแผ่พุ่งความน่าเกรงขาม ใบหน้าไม่เผยความยินดียินร้ายใดๆ