ตอนที่ 1821 : การเคลื่อนไหวของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า (3)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1821 : การเคลื่อนไหวของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า (3)

ตอนนี้กองกำลังที่เหลือของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยาได้ประจำอยู่ในเมืองหลวง พวกเขาใช้ค่ายกลที่แข็งแกร่งและสมบัติของอาณาจักรในการรับมือกับกองทัพที่เก้า ตอนนี้พวกเขาพอรับมือกันได้ชั่วคราว

พวกคนที่เหลือของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งได้ด้วยค่ายกลและสมบัติ แม้ว่าลัทธิปีศาจชั้นฟ้าจะแข็งแกร่งกว่าอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกนั้นก็ต้องดิ้นรนหากต้องการจะยึดเมืองหลวงให้ได้ในทันที

แต่ทั้งกองทัพที่เก้าและกองกำลังที่เหลือของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ต่างก็เข้าใจว่าภาวะนี้จะคงอยู่ไม่ได้นาน มันแค่เรื่องของเวลาก่อนที่กองทัพที่เก้าจะทำลายอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยาได้

ข่าวสงครามระหว่างลัทธิปีศาจชั้นฟ้าและอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยาได้แพร่กระจายไปนานแล้ว แม้ว่าจะมีหลายองค์กรที่เห็นว่าลัทธิปีศาจชั้นฟ้านั้นทำเกินไป แต่พวกเขาต่างก็หมดหนทางเมื่อต้องเผชิญหน้ากับองค์กรใหญ่เช่นนี้

ผลก็คือแม้แต่ตอนที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยาถูกลัทธิปีศาจชั้นฟ้าล้อมเอาไว้ แม้แต่ตอนที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยาขอความช่วยเหลือแต่มันก็ไม่มีใครไปช่วยพวกเขา

นี่เพราะอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยานั้นเผชิญหน้ากับลัทธิปีศาจชั้นฟ้าที่น่ากลัว

แม้ว่าพวกเขาจะยื้อรึทำลายกองทัพที่เก้าได้ง่าย ๆ หากร่วมมือกันแต่มันก็ไม่มีใครกล้าลงมือ มันยังมีกองทัพที่แปดและเจ็ดอีก มันถึงกับมีกองทัพที่หนึ่งที่เพียงพอทำให้หลายคนต้องหน้าซีดเพราะความกลัวได้

ผลก็คือหลายคนได้แต่สงสารอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยา แต่ไม่มีใครกล้าที่จะทำอะไรในเรื่องนี้เลย

ตอนนั้นมันมีฐานกองทัพห่างจากเมืองหลวงไป 100 กิโลเมตร ฐานแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่และมีเมฆดำลอยอยู่ด้านบนฐาน พลังปีศาจได้ไปรวมตัวกันที่นั่น

ทหารทุกคนในฐานต่างก็บ่มเพาะด้วยวิธีบ่มเพาะปิศาจที่แข็งแกร่งและโหดร้าย ไม่ใช่แค่มีขอบเขตการบ่มเพาะที่โดดเด่น แต่พลังในการต่อสู้ของพวกเขาก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน

มันเพราะเรื่องนี้ที่พวกเขาสามารถกำจัดกองทัพของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยคนแค่แสนคนและมาถึงเมืองหลวงได้

มันมีห้องโถงใจกลางฐานแห่งนี้ ห้องโถงนี้เป็นสีแดงราวกับโดนย้อมด้วยเลือด กลิ่นเลือดลอยราวกับมีเลือดทาเอาไว้ แค่มองจากภายนอกก็เพียงพอทำให้คนต้องหวั่นใจได้

ตอนนั้นก็มีบางคนฟาดโต๊ะลงไปอย่างแรง เสียงตะโกนอันเย็นชาดังขึ้นตามมา “10 ปี นี่มันก็ 10 ปีเต็มแล้วและกองทัพที่เก้าของเราก็ยังเข้าไปเมืองหลวงไม่ได้ พวกเจ้าสามคนมีสมองหรือไม่ ? ทำไมพวกเจ้าไม่คิดหาทางเข้าไปยึดที่นั่นให้เร็วที่สุด ? ข้ามองเมืองบัดซบนี่มากว่า 10 ปีแล้ว แค่เพียงมองดูมันข้าก็โกรธขึ้นมาแล้ว”

คนที่พูดเป็นชายกำยำ ตอนนี้เขานั่งอยู่บนที่นั่งแม่ทัพและมองไปยังแม่ทัพที่อยู่รอบตัว เขาเป็นราชาเทพที่แข็งแกร่งอย่างมาก

แม่ทัพทุกคนต่างก็หน้าซีดเมื่อเผชิญหน้ากับแม่ทัพที่โกรธเกรี้ยว ชัดแล้วว่าพวกเขากลัวแม่ทัพอย่างมากจนผมตั้งเด่

“หยันวูหมิง ! ” ตอนนั้นเองก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นมาจากนอกห้องโถง ชายหนุ่มรูปร่างหล่อเหลาในชุดขาวได้เดินเข้ามา

ใบหน้าของชายหนุ่มผู้นี้ดูคล้ายกับผู้หญิง มองตอนแรกเขาดูเหมือนกับชายหนุ่มรูปงามที่ยากจะอธิบายได้ แต่เมื่อมองอีกครั้งแล้วเขากลับดูเหมือนหญิงสาวน่ายั่วยวนแทน

หากไม่ใช่เพราะหน้าอกของเขา งั้นหลายคนคงเชื่อว่าเขาเป็นผู้หญิงไปแล้ว

หยันวูหมิงมองชายหนุ่มอย่างเย็นชาพร้อมกับสายตาหงุดหงิดที่ไม่ได้ลดลงเลย เขายิ้มออกมาและพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ข้าสงสัยว่าใครกันที่กล้าจนเรียกชื่อของข้าแบบนี้ กลับเป็นผู้พิทักษ์เซิง นี่เอง ผู้พิทักษ์เซิง เจ้าคงไม่ได้เบื่อจนต้องมาดูว่าข้าทำอะไรอยู่เนื่องจากเจ้ามาไกลถึงเพียงนี้ เร็วเข้า บอกมาว่าเจ้าต้องการจะพูดอะไร เมื่อเจ้าพูดจบ เจ้าก็ออกจากที่ดินของข้าไปซะ “

“ฮึ่ม หยันวูหมิง เจ้ากล้าจริง ๆ ข้าคือผู้พิทักษ์ของลัทธิ ข้าไปไหนก็ได้ที่ต้องการในเก้ากองทัพ เจ้าไม่มีอำนาจมากพอสั่งให้ข้าทำอะไรได้” ผู้พิทักษ์เซิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

“ข้าไม่ได้มีเวลามาโต้เถียงกับเจ้า เจ้ามันไม่ใช่ทั้งชายและหญิง เร็วเข้า รีบพูดแล้วออกจากที่นี่ไปซะ” หยันวูหมิง พูดด้วยท่าทีหมดความอดทนพร้อมกับสายตาที่แสดงความชั่วร้ายออกมา

“ เจ้า….” ผู้พิทักษ์เซิงโมโหจนหน้าซีด เขาชี้ไปที่ หยันวูหมิง ด้วยความโกรธแต่เมื่อเห็นว่าหยันวูหมิงไม่ได้เกรงกลัว เขาก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ

แม้ว่าเขาจะมาที่นี่ด้วยตัวเองแต่เขาก็ไม่ใช่คู่มือของหยันวูหมิง นี่ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นแค่ภาพวิญญาณในตอนนี้

ผู้พิทักษ์เซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ข่มความโกรธของตัวเองลงและพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ข้ามาเพราะเรื่องเดียว เจ้าจับผู้สืบทอดของราชาเทพต้วนมู่ได้หรือไม่ ? “

“ ฮึ่ม เจ้าไม่เห็นรึไงว่าข้าโจมตีอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยาอยู่ พวกนั้นมีราชาเทพ 3 คน หากข้าไม่ดูแลการโจมตี งั้นกองทัพที่เก้าคงต้องพังทลายเพราะสามคนนั่น ทำไมข้าต้องไปสนเรื่องผู้สืบทอดของราชาเทพต้วนมู่ ด้วย ? ยิ่งกว่านั้นเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า” หยันวูหมิงพูดขึ้นอย่างเย็นชา

ผู้พิทักษ์เซิงฮึดฮัดอกมา “หยันวูหมิง ข้าจะพูดตรง ๆ มันคือรองหัวหน้าลัทธิห้วยอันที่สนใจเรื่องราชาเทพต้วนมู่ อย่างมาก ไม่นานเขาจะออกจากการเก็บตัวมา เมื่อเขาพบว่าผู้สืบทอดของราชาเทพต้วนมู่ยังมีชีวิตอยู่และยังไม่ถูกจับกุม เขาจะอารมณ์เสีย ไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่เจ้าจะรับได้ไหว”

หยันวูหมิงนิ่งไป ชัดแล้วว่าเขากลัวรองหัวหน้าของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าอย่างมาก

“หยันวูหมิง ข้ามาส่งข้อความแล้ว เจ้าจะทำอะไรก็เรื่องของเจ้า ลาก่อน” เมื่อพูดจบ ผู้พิทักษ์เซิงก็หายตัวไป

หยันวูหมิงนั่งนิ่งอยู่บนที่นั่งแม่ทัพ สายตาเขาสั่นไหวพร้อมกับคิดว่าเขาควรทำยังไง สักพักเขาก็สั่งการแม่ทัพด้านล่างเขา “ ลิ่วชาน เอาคนไปจับหลิงเฮ่ากงมาให้ข้า”