เมื่อได้ยินว่าสุขภาพร่างกายของกู้เย้นจงช่วงนี้ไม่ค่อยดี เย่เฉินรีบถามเธอทันที:“หนานหนาน สุขภาพร่างกายของลุงกู้เป็นอะไรเหรอ?”
กู้ชิวอี๋พูดด้วยความเศร้า:“เป็นเรื่องของมะเร็งตับอ่อน ไม่นานมานี้หลังจากที่กลับมาจากต่างประเทศ อาการไม่ค่อยคงที่ หลายวันมานี้มีสัญญาณว่ามะเร็งจะแพร่กระจายเพิ่ม โรงพยาบาลที่เย่นจิงกำลังช่วยรักษาพ่อย่างสุดความสามารถ ใช้รังสีบำบัดและใช้เคมีบำบัดรักษา และใช้ยายับยั้งการแพร่กระจายของมะเร็ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ค่อยดีเลย…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ กู้ชิวอี๋อดไม่ได้ที่จะสะอื้นและพูด:“พี่เย่เฉิน คุณหมอพูดกับฉัน ให้ฉันเตรียมใจได้แล้ว ถ้าไม่มีวิธีการรักษาที่ดีกว่านี้ พ่อของฉันอาจจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงแค่สามถึงสี่เดือนเท่านั้น…”
เย่เฉินรีบพูดปลอบใจทันที:“หนานหนาน ตอนนี้คุณไม่ต้องเสียใจ ฉันแน่ใจว่าตัวเองสามารถรักษาลุงกู้ได้ เธอรอฉันก่อน เดี๋ยวฉันรีบไปเย่นจิง ฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาลุงกู้ให้หายจากโรคมะเร็ง”
กู้ชิวอี๋ร้องไห้และถามว่า:“พี่เย่เฉิน คุณจะมาที่เย่นจิงเมื่อไหร่?”
เย่เฉินครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่
ตอนนี้การแข่งขันของฉินเอ้าเสวี่ยนก็สิ้นสุดลงแล้ว มีเรื่องเดียวที่เขาต้องจัดการคือเรื่องของโคบายาชิจิโร่กับบริษัทผลิตยาโคบายา
หากดำเนินตามแผนการของตัวเอง เขาจะจับตัวโคบายาชิจิโร่ไปไว้ในโรงเลี้ยงสุนัขและปล่อยตัวโคบายาชิอิจิโร่กลับไปสืบทอดธุรกิจของบริษัทผลิตยาโคบายา ถ้างั้นตัวเองคงต้องไปญี่ปุ่นอีกครั้ง เพื่อไปควบคุมโคบายาชิอิจิโร่ และเปลี่ยนหุ้นของบริษัทผลิตยาโคบายามาเป็นชื่อของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสุขภาพร่างกายของกู้เย้นจงในตอนนี้แย่ลงเรื่อยๆ ถ้าอย่างงั้นตัวเองก็คงให้เขารอต่อไปไม่ไหวแล้ว เรื่องที่จะไปญี่ปุ่น คงต้องรอไปก่อน รอให้ตัวเองกลับมาจากเย่นจิงแล้วค่อยไป
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขารีบตอบกู้ชิวอี๋ว่า:“หนานหนาน ฉันยังมีเรื่องเล็กน้อยต้องไปจัดการ ใช้เวลาหนึ่งถึงสองวัน รอให้ฉันจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ ฉันจะรีบไปเย่นจิงทันที!”
กู้ชิวอี๋ได้ยินคำพูดนี้ก็โล่งอกทันที เธอพูดด้วยเสียงสะอื้น:“พี่เย่เฉิน ฉันจะรอพี่อยู่ที่เย่นจิง พี่ต้องรีบมาที่นี่เร็วๆหน่อย ฉันกลัวอาการของพ่อจะเลวร้ายไปมากกว่านี้…”
เย่เฉินพูดปลอบใจ:“คุณวางใจได้ ฉันจะรีบจัดการเรื่องทั้งหมด ใช้เวลาไม่เกินสองวัน!”
“อืม ! ฉันจะรอพี่อยู่ที่นี่!”
ทันทีที่เย่เฉินวางสายโทรศัพท์จากกู้ชิวอี๋ เฉินจื๋อข่ายก็โทรศัพท์ผ่านทางวีแชทมาหาเขา
หลังจากรับสาย เฉินจื๋อข่ายพูดด้วยความสุภาพ:“คุณชาย ฉันได้รับข้อมูลจากสายข่าวของฉัน ตั้งแต่วันนี้ตอนเช้า มียอดฝีมือของญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ามาที่นี่ ฉันสงสัยว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นคนที่โคบายาชิจิโร่จ้างมา พวกเขาอาจจะคิดการร้ายหรือต้องการบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนของคุณ”
เย่เฉินรับรู้และพูดเบาๆว่า:“คนของตระกูลโคบายาเป็นพวกตะเภาเดียวกัน พี่ชายกับน้องชายก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย เห็นของดีก็จะลงมือแย่งมันมา เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันจะสั่งสอนบทเรียนอันเจ็บปวดให้เขาเอง”
เมื่อพูดจบ เย่เฉินก็กำชับอีกครั้ง:“บอกให้คนของคุณติดตามดูยอดฝีมือญี่ปุ่นพวกนั้นด้วย ดูว่าพวกเขากำลังวางแผนการอะไรอยู่ ถึงเวลานั้นพวกเราจะเล่นกับพวกมัน สั่งสอนบทเรียนอันเจ็บปวดให้คนญี่ปุ่นพวกนั้น และจับตัวโคบายาชิจิโร่ไปไว้ที่โรงเลี้ยงหมาในจินหลิง”
เฉินจื๋อข่ายพูดด้วยรอยยิ้ม:“คุณชาย คุณจะจับตัวโคบายาชิจิโร่ไว้ใช่ไหม?ถึงเวลานั้น สองพี่น้องของตระกูลโคบายาตกอยู่ในมือของพวกเรา ตระกูลโคบายาก็ขาดผู้นำของตระกูลสิ?”
เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม:“จับตัวโคบายาชิจิโร่ไว้และปล่อยตัวโคบายาชิอิจิโร่กลับไป ตระกูลโคบายามีกำลังผลิตที่สูงขนาดนั้น ฉันไม่ปล่อยมันไปง่ายๆอย่างแน่นอน ดังนั้นฉันต้องการหุ่นเชิดที่เชื่อฟังและช่วยฉันแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้”
เฉินจื๋อข่ายเป็นคนที่ฉลาดมากๆ เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็รู้แผนการของเย่เฉินทันที อดไม่ได้กล่าวคำชื่นชม:“คุณชาย แผนการของคุณมันยอดเยี่ยมจริงๆ!”
เย่เฉินหัวเราะเบาๆ:“คุณช่วยฉันจับตาดูคนพวกนั้นให้ดีๆ ถ้าพวกเขามีการเคลื่อนไหวอะไรก็รีบโทรมาบอกฉัน”
“ได้ครับ คุณชาย!”
…
เมื่อเย่เฉินกลับมาถึงบ้าน หม่าหลันที่เป็นแม่ยายของเขากำลังทำอาหารกลางวันอยู่
ส่วนเซียวฉางควนที่เป็นพ่อตากับเซียวชูหรันที่เป็นภรรยาของเขา ตอนนี้ยังไม่กลับบ้านเลย
เมื่อเห็นเย่เฉินกลับมาถึงบ้าน หม่าหลันรีบเดินเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม:“ลูกเขย ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ผลิตจากคาเวียร์ที่คุณให้ฉัน มันได้ผลมากๆเลย!ทั้งชีวิตนี้ฉันไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีขนาดนี้มาก่อน!