เย่เฉินยิ้มเบาๆ:“ได้ผลก็ดีแล้ว”

หม่าหลันยิ้มและพูดอย่างประจบว่า:“ลูกเขย แม่ขอคุยอะไรกับคุณหน่อยได้ไหม?”

เย่เฉินพยักหน้า:“ได้ครับ”

หม่าหลันรีบพูด:“ลูกเขยคือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ ถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ผลิตจากคาเวียร์ชุดใหญ่นี้จะมีเยอะ แต่มันก็มีวันที่แม่ใช้จนหมด แม่กลัวว่าหลังจากที่ใช้หมด ถ้าไม่ได้ใช้อย่างต่อเนื่อง ริ้วรอยบนใบหน้าของแม่จะกลับไปเหมือนเดิม รอให้แม่ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ใกล้หมด คุณช่วยซื้อให้แม่อีกชุดหนึ่งได้ไหม ?”

เย่เฉินเข้าใจในทันที

อันที่จริงหม่าหลันกลัวว่าถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ชุดนี้จนหมดก็จะไม่มีชุดใหม่ให้ใช้ ดังนั้นเธอจึงอยากให้เขาซื้อชุดใหม่ให้เธออีก

ความจริงแล้ว ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวราคาสี่แสนหยวนต่อชุด สำหรับเขามันก็ไม่ได้แพงเกินไป แต่มันก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย เขาไม่สามารถรับปากหรือสัญญาหม่าหลันได้ในทันที

ถ้าเธอดูแลคนในครอบครัวได้ดี แน่นอนเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าเธอดูแลคนในบ้านได้ไม่ดี อย่าว่าแต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีราคาแพงขนาดนี้ แม้แต่ครีมทาผิวต้าเปาที่มีราคาขวดละไม่กี่หยวน เขาก็ไม่ซื้อให้เธอย่างแน่นอน

ดังนั้น เขาก็พูดเบาๆว่า:“ แม่ ถึงเวลานั้นพวกเราค่อยว่ากัน ผลิตภัณฑ์ชุดนี้ยังไงก็ใช้ได้เกินครึ่งปี?รอให้แม่ใช้จนใกล้จะหมด พวกเราค่อยพูดเรื่องนี้ก็ยังไม่สาย”

หม่าหลันเป็นคนฉลาด เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็เข้าใจความหมายของเย่เฉินทันที

เขาคงต้องการดูว่าเธอดูแลคนในครอบครัวดีหรือเปล่า แล้วค่อยตัดสินใจ

ดังนั้นเธอเลยรีบพูดด้วยรอยยิ้มทันที:“ ลูกเขย คุณวางใจได้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เรื่องในบ้านแม่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ถ้าคุณต้องการให้แม่ทำอะไร แม่จะทำให้ทุกอย่าง!”

เมื่อพูดจบ เธอก็รีบถามทันที :“ ลูกเขย แม่ได้ตุ๋นซี่โครงให้คุณทานในตอนกลางวัน เดี๋ยวแม่จะไปทำปลาดาบน้ำแดงให้คุณอีก!”

เย่เฉินพยักหน้าและพูด:“แม่ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป อาหารของที่บ้านควรดีกว่าเดิม อย่าทำแต่อาหารพื้นบ้าน ควรทำอาหารดีๆรสชาติอร่อยๆบ้าง ชูหรันทำงานลำบากทุกวัน ควรบำรุงร่างกายให้เธอบ้าง”

เมื่อพูดจบ ไม่รอให้หม่าหลันพูด เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพูดเบาๆ:“ฉันจะโอนเงินทางวีแชทให้แม่สามหมื่นหยวน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปครอบครัวของเราใช้จ่ายค่าอาหารสามหมื่นหยวนต่อเดือน”

หม่าหลันได้ยินว่าเย่เฉินให้ค่าใช้จ่ายอาหารในครอบครัวสามหมื่นหยวนต่อเดือน เธอตื่นเต้นดีใจและมีความสุขมากๆ!

สามหมื่นหยวน ค่าใช้จ่ายอาหารสำหรับสี่คน ยังไงก็ใช้ไม่หมด?

เมื่อถึงเวลานั้น ตัวเองก็สามารถหักเงินออกมาบางส่วน ทุกเดือนอย่างต่ำก็คงหักเงินออกมาได้ซักหนึ่งถึงสองหมื่นหยวน

ไม่คาดคิดเลยว่า ตอนนี้เย่เฉินจะพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า:“ แม่ เงินสามหมื่นหยวนสำหรับค่าใช้จ่ายของอาหาร แม่ห้ามหักเงินและเก็บไว้เอง ทุกเดือนต้องใช้เงินสามหมื่นหยวนเพื่อปรับปรุงอาหารในครอบครัวของเราให้ดีขึ้น ฉันก็ไม่เอาเปรียบแม่แน่นอน ทุกเดือนฉันจะให้แม่เพิ่มอีกหนึ่งหมื่นหยวน เป็นค่าเหนื่อยสำหรับแม่”

หม่าหลันได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็ไม่รู้สึกโกรธเลย แต่เธอกลับรู้สึกโล่งใจ

ถ้าตัวเองหักเงินบางส่วนไว้ เธอก็กลัวเย่เฉินจะรู้และตำหนิเธอ แต่ถ้าตัวเองไม่หักเงินบางส่วนไว้ เขาก็จะไม่มีเงินสำหรับใช้ส่วนตัวเลย และมันคงจะอยู่ยาก

ตอนนี้เย่เฉินให้ค่าเหนื่อยกับเธอเดือนละหนึ่งหมื่นหยวน มันก็ดีมากแล้ว

อย่างไรก็ตาม เงินหนึ่งหมื่นหยวนมันก็ไม่ใช้เงินจำนวนมากนัก ตอนนี้ตัวเองไม่ได้ออกไปหาเพื่อน ทุกวันสวมหน้ากากและแว่นกันแดดออกจากบ้านไปซูเปอร์มาเก็ตที่อยู่ใกล้ๆเพื่อซื้ออาหาร มันก็ไม่มีที่ให้ใช้เงินจริงๆ

แต่ในอนาคต หากขาของเธอหายดีเป็นปกติ และเธอทำฟันจนเสร็จ เธอคงต้องหาเพื่อนและต้องมีค่าใช้จ่ายแน่นอน

ดังนั้นเงินหนึ่งหมื่นหยวนของแต่ละเดือน เธอต้องเก็บออมเงินไว้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หม่าหลันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและครุ่นคิด:“เดือนละหนึ่งหมื่นหยวน มันไม่ใช่เงินที่มากเลย และมันก็เป็นเงินที่แลกมาด้วยความเหนื่อย ดูเหมือนว่าถ้าฉันต้องการมีอนาคตที่สุขสบาย ฉันคงต้องเร่งให้ชูหรันมีลูกหลายๆคนให้เย่เฉิน!ถึงเวลานั้นเย่เฉินคงให้ค่าเหนื่อยกับฉันเดือนละหลายแสนหยวน ให้ฉันช่วยพวกเขาดูแลลูกๆ ฉันคงมีเงินเยอะแน่นอน?