นี่มันคือครั้งแรกที่กองทัพสวรรค์แรกได้ออกมาจากเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์!
ทหารนับแสนนั้นต่างแสดงอารมณ์ที่หลากหลายออกมาอย่างไม่อาจห้ามตัวเอง ต่างคนต่างรู้สึกภาคภูมิอย่างมาก
เพราะพวกเขานั้นคือทหารกลุ่มแรกที่ได้ออกจากเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์มา!
ที่แท้แล้วนอกเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์มันกลับมีภาพเช่นนี้อยู่ด้วย!
บางคนนั้นถึงกับต้องร้องไห้หลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่อาจห้ามตัว
“มันกว่าห้าพันปีแล้ว ในที่สุดข้าก็ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินเกิด! ฮือๆ…ขอบพระคุณอาจารย์เย่!”
จักรพรรดิเที่ยงคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาขอบคุณเย่หยวนพร้อมน้ำตาที่นองหน้า
เขานั้นต้องอพยพหนีเข้าไปอยู่หลังเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์และคิดว่าทั้งชีวิตนี้คงไม่อาจจะกลับมาเหยียบ แผ่นดินเกิดได้อีกแล้ว
ไม่นึกฝันว่าวันนี้ตัวเขานั้นจะได้ออกมาจากเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์อีกครั้ง!
เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นั้นมันเป็นกำแพงที่สุดแสนทรงพลังสามารถป้องกันการรุกรานของเผ่าเลือดได้อย่างหนักแน่นแต่มันก็หยุดไม่ให้ยอดฝีมือทั้งหลายออกจากทวีปสวรรค์แรกเช่นกัน
ที่ผ่านๆ มานั้นทางสวรรค์แรกตั้งนครต่างๆ ไว้ปิดช่องโหว่แต่ฝ่ายเผ่าเลือดเองก็ส่งทหารมาตั้งค่ายปิดอีกด้านของเขตแดนไว้เช่นกัน
แต่หลังจากชัยชนะที่มหานครฉีใต้นั้นทหารเผ่าเลือดใดๆ ต่างต้องถอนกำลังกลับไปสิ้น
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงสามารถออกมาจากเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ได้อย่างไม่ต้องกังวลใดๆ
กองทัพนับแสนนั้นมุ่งหน้าเดินทัพลงใต้ไปเรื่อยๆ จนถึงเมืองข่ายยักษ์ในที่สุด!
เผ่าเลือดที่ได้เห็นกองทัพที่สุดขอบฟ้านั้นต่างต้องผงะไปตามๆ กัน!
คนฉีใต้มันบ้ากันไปหมดแล้ว?
เฉียนั้วยืนอยู่บนกำแพงเมืองมองหน้าเฟิงเสี่ยวเถียนที่นำทัพมาก่อนจะหัวเราะลั่น “เฟิงเสี่ยวเถียน สมองเจ้าพังไปแล้วหรือ? คิดอย่างไรถึงกล้ามาบุกเมืองข่ายยักษ์เราเช่นนี้?”
เฟิงเสี่ยวเถียนตอนกลับไปอย่างหนักแน่น “เฉียนั้ว หากข้าไม่บุกมาข้าก็สังหารเจ้าไม่ได้น่ะสิ!”
เฉียนั้วหัวเราะลั่นขึ้นมา “ก็ได้ เข้ามาสิ! ข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้าจะเอาอะไรมาสังหารข้า!”
เมืองข่ายยักษ์นั้นเป็นเมืองที่ไม่มีค่ายกลใดๆ ป้องกัน
แต่แน่นอนว่าเผ่าเลือดย่อมจะไม่ได้ตั้งกำแพงโง่ๆ ที่ไร้กลไกใดๆ ขึ้นมาล้อมเมือง
เพราะแท้จริงแล้วชิ้นส่วนต่างๆ ที่ประกอบขึ้นมาเป็นเมืองข่ายยักษ์นี้มันล้วนแล้วแต่เป็นของที่ถูกส่งมาจากเผ่าเลือดส่วนกลางทั้งสิ้น
หากมันมีศัตรูคิดบุกเข้ามาแล้วพลังของกำแพงป้องกันนั้นก็จะปะทุขึ้นมาฆ่าสังหารลงได้แม้แต่มหาจักรพรรดิ
พลังของมันนั้นเรียกได้ว่าไม่อ่อนแอกว่าค่ายกลเลย!
สิ่งนี้มันมีชื่อเรียกกันในเผ่าเลือดว่าแสงเนตรโลหิต!
“เฉียนั้ว เจ้าขยะ เห็นข้ามาแล้วทำไมยังไม่มากราบคารวะอีก?!” เย่หยวนร้องลั่นขึ้น
ได้เห็นหน้าเย่หยวนเฉียนั้วก็ต้องกัดฟันแน่นด้วยตาแดงก่ำ
เมื่อสองศัตรูร้ายเจอหน้ากันมันย่อมจะทำให้ไฟแค้นลุกโชน!
มีคนมากมายแค่ไหนที่ต้องตายไปเพราะมือของมันคนนี้!
เจ้าเมืองมู่ซู่ที่มองดูเรื่องราวอยู่ข้างๆ เองก็ปลดปล่อยคลื่นพลังเลือดล้นฟ้าออกมา
เขานั้นคิดอยากจะพุ่งไปฉีกร่างเย่หยวนเป็นชิ้นๆ
สหายของเขา เฉียเจียนคนนั้นกลับตายลงเพราะคนอย่างเย่หยวนนี้!
ในตอนนั้นเขาได้แต่ปลอบใจตัวเองไปว่าเฉียเจียนไปลบหลู่บุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางจะช่วยอะไรได้
แต่ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นคือเย่หยวน!
‘น้องเฉียเจียน ความตายของเจ้ามันช่างไม่ยุติธรรมนัก!’
“อึก!” เฉียนั้วที่ได้ยินนั้นต้องกระอักเลือดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ในเมืองข่ายยักษ์นี้เขาถูกเย่หยวนทำให้ต้องอับอายมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง!
แต่ตอนนี้มันกลับยังกล้ามาพูดจาเย้ยหยันเขาอีก!
“เย่หยวน เจ้ามีหน้าออกมาจากเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ด้วยหรือ? ข้าจะสังหารเจ้าลงให้ได้!” เฉียนั้วร้องลั่นขึ้นมาด้วยดวงตาแดงก่ำ
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ขยะมันก็คือขยะ เจ้ามันไร้ค่าใดในสายตาข้า! โหยวจินเจ้าบังอาจสังหารท่านหวู่เฟิง วันนี้เราจะมาเอาหัวของเจ้ากลับไปเซ่นท่านแล้ว!”
ในเวลานี้โหยวจินเองก็ยืนอยู่บนกำแพงเมืองเช่นกัน
ได้ยินคำของเย่หยวนนั้นเขาก็เข้าใจถึงเป้าหมายขึ้นมาทันที
ทัพสวรรค์แรกมาเอาหัวเขา!
แต่เขาก็อดยิ้มเย้ยขึ้นไม่ได้ เจ้าบ้าพวกนี้มันจะไม่ประเมินตัวเองจนเกินไปแล้ว!
เจ้าโลกนั้นต่อให้จะบาดเจ็บแค่ไหนมันก็ยังเป็นเจ้าโลก มีหรือที่ขยะชั้นต่ำจะมาทำร้ายเขาได้?
เขามองหน้าเย่หยวนและตอบกลับไปอย่างดูถูก “เอาสิ! ข้าเอง…ก็อยากจะเห็นนัก!”
เฉียนั้วนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้ยิน “ไอ้เจ้าโง่โอหัง! เจ้าคิดว่าตัวเองกลายเป็นบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์แล้วจะเก่งกาจเหนือฟ้าดินหรือ? เจ้าโลกนั้นจะอย่างไรก็คือเจ้าโลก ใช่ตัวตนที่เจ้าจะแตะต้องได้?”
“อ่า คิดเช่นนั้น? อย่างนั้น…ข้าก็จะบุกแล้ว! พวกเราบุก!”
ได้ยินคำสั่งนั้นกองทัพนับแสนมันก็พุ่งตัวเข้าสู่เมืองอย่างรวดเร็ว
รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉียนั้ว
หลังจากที่แสงเนตรโลหิตปะทุขึ้นมาแล้วกองทัพนับแสนนี้มันคงเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งแน่นอน!
มหาจักรพรรดิเองก็ไม่อาจจะรอดไปได้!
‘นี่คือไม้ตายของเจ้าแล้ว?’
‘หากมันตายลงสิ้นเจ้าโลกทั้งหลายคงปวดหัวตายแล้ว?’
คิดมาถึงตรงนี้เฉียนั้วและโหยวจินก็อดยิ้มกว้างขึ้นไม่ได้
ศึกที่ฉีใต้นั้นเป็นการสูญเสียที่รุนแรงจนเกินไป!
แต่ว่าเขาเองก็ไม่คิดฝันว่าทางสวรรค์แรกกลับจะเดินเข้ามาหาที่ตายเองเช่นนี้!
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียตอนนี้ในเมืองข่ายยักษ์ก็ยังมีคนอยู่เกือบสามแสน!
แม้ว่าคนทั้งหลายนี้จะไม่ได้เป็นทหารแนวหน้าแต่พวกเขาก็ยังพอสู้ได้หากได้รับการช่วยเหลือจากพลังของแสงเนตรโลหิต พวกเขาย่อมจะสามารถจัดการกองทัพหัวกะทิแค่หนึ่งแสนของสวรรค์แรกได้ไม่ยาก!
แท้จริงแล้วจักรพรรดิเซียนและจักรพรรดิเที่ยงในระยะปกครองของเมืองข่ายยักษ์นั้นมันยังมีอยู่อีกมากกว่าหลายล้านคน
แต่การโจมตีของสวรรค์แรกนั้นรวดเร็วเกินกว่าที่เมืองข่ายยักษ์จะส่งคำสั่งออกไปรวมกำลังพลใดๆ ได้
ตอนนี้มันจึงมีทหารอยู่ในเมืองแค่สามแสนคนเท่านั้น แต่มันก็มากเกินพอ!
เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นนำทัพเข้าไปพร้อมด้วยมหาจักรพรรดิคนอื่นๆ มุ่งตรงไปหาเฉียนั้ว
กองทัพนับแสนนั้นเองก็พุ่งเข้าไปจนเกือบประชิดกำแพงเมืองในพริบตา
แต่ในเวลานั้นเองที่กำแพงเมืองข่ายยักษ์มันเกิดแสงสีแดงพุ่งทะยานขึ้นมาสู่ท้องฟ้า ทำให้คนที่ได้เห็นต้องขนลุกตั้ง
เวลานี้ทหารทั้งหลายรู้สึกหวั่นๆ ขึ้นมาในใจ
แต่ความเร็วของพวกเขามันกลับไม่ช้าลงเลย!
เพราะเย่หยวนได้บอกเรื่องนี้กับพวกเขาไว้ก่อนแล้วพร้อมบอกว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้
พวกเขาแค่กลัวที่ได้เห็นมันกับตาจริงๆ เท่านั้น!
หากคนอื่นบอกเช่นนี้มันคงไม่มีใครเชื่อถืออย่างแน่นอน!
แต่คำพูดของเย่หยวนนั้น ต่อให้จะไม่อยากเชื่อมันก็อดเชื่อไม่ได้!
คนผู้นี้คือตัวตนแห่งปาฏิหาริย์ที่สร้างเรื่องราวสุดเหนือล้ำจินตนาการมานับครั้งไม่ถ้วน!
หากไม่เชื่อเขาแล้วจะไปเชื่อใครได้อีก?
เมื่อเฉียนั้วได้เห็นเช่นนั้นเขาก็หัวเราะลั่นขึ้นมา “พวกโง่! หรือว่าเย่หยวนมันไม่ได้บอกหรือว่าเมืองข่ายยักษ์เรานั้นมีแสงเนตรโลหิต? ตายไปเสียเถอะ!”
แต่ว่าวินาทีเดียวกันนั้นมันกลับมีร่างหนึ่งพุ่งตัวขึ้นมาเหยียบบนกำแพงเมือง!
จากนั้นมันก็เกิดคลื่นกำเนิดที่รุนแรงปะทุขึ้น
มันคือพลังของเลือดต้น!
แต่ความน่ากลัวของมันนั้นทำให้แม้แต่เผ่าเลือดยังต้องขนลุก!
จากนั้นแสงเนตรโลหิตที่รุนแรงนั้นมันก็ค่อยๆ หดหายลงไป!
เมื่อเฉียนั้วได้เห็นเช่นนี้สองตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างแทบเป็นลมลง
แม้แต่เจ้าโลกโหยวจินเองก็ยังต้องอ้าปากค้าง
‘ไอ้…ฉิบหาย!’
แสงเนตรโลหิตนั้นกลับไม่กล้าจะแสดงพลังใดๆ ต่อหน้าเลือดต้นที่ศิลามารดามอบให้!
แสงเนตรโลหิตนั้นมันถูกเย่หยวนผนึกลงไปในพริบตา!
เพราะแท้จริงตัวเย่หยวนก็ย่อมจะเคยเห็นแล้วว่าในเมืองข่ายยักษ์มันมีแสงเนตรโลหิต
แสงเนตรโลหิตนี้มันเหมือนกับแสงเนตรโลหิตของเมืองมหาจักรพรรดิเลือดสวรรค์สัมบูรณ์
เพียงแค่ว่าพลังของมันนั้นอ่อนแอกว่ากันมาก
เย่หยวนนั้นเคยลอบเข้ามาใกล้ๆ กำแพงเมืองและใช้พลังของเลือดต้นออกมา
ผลลัพธ์คือแสงเนตรโลหิตนั้นกลัวเขาราวกับลูกแกะที่เจอเสือร้าย!
ตอนนั้นเย่หยวนได้เข้าใจแล้วว่าพลังเลือดต้นที่เขาได้รับมานี้มันเหนือล้ำกว่าแสงเนตรโลหิตของเมืองข่ายยักษ์
ต้องขอบคุณศิลามารดานั้นจริงๆ ที่ให้เลือดต้นอันมากประโยชน์นี้แก่เขา!
“อ่อก!”
เฉียนั้วต้องกระอักเลือดขึ้นอีกครั้งด้วยความรู้สึกอยากจะตายเสียให้ได้!
‘ศิลามารดา ท่านอย่าได้เล่นงานลูกหลานท่านเช่นนี้!’
แบบนี้มันจะไม่เท่ากับส่งลูกหลานไปตายหรือ?
เพราะแม้แต่ตัวเจ้าโลกโหยวจินนั้นเองก็ยังไม่รู้แน่ว่าเลือดต้นที่เย่หยวนได้มามันทรงพลังแค่ไหน
แต่อย่างน้อยๆ เจ้าโลกโหยวจินคนนี้ก็ไม่อาจจะผนึกพลังของแสงเนตรโลหิตได้ด้วยตัวคนเดียว!
แต่เย่หยวนกลับทำได้!
เพราะว่าเลือดต้นที่เขาได้รับมานั้นมันคือเลือดจากต้นกำเนิดที่บริสุทธิ์อย่างมาก!
ไม่ว่าจะอย่างไรเสียเผ่าเลือดนั้นมันก็เกิดขึ้นมาด้วยศิลามารดานี้
ในจิตใจของเฉียนั้วนั้นมันเกิดอารมณ์ความรู้สึกนับร้อยพัน
เผ่าเลือดนั้นกลับถูกศิลามารดาเล่นงานเข้าเอง!
เมื่อกองทัพสวรรค์แรกเห็นว่าพลังของแสงเนตรโลหิตค่อยๆ หดหายไปพวกเขาก็ยิ่งพุ่งตัวเข้าเมืองไปรวดเร็วขึ้นกว่าเก่า!
เฟิงเสี่ยวเถียนและมหาจักรพรรดิคนอื่นๆ นั้นยิ้มกว้างขึ้นมาทันที!
เพราะก่อนหน้านี้พวกเขายังมีเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง
เผ่าเลือดนั้นมีลูกไม้มากมายเกินกว่าจะเข้าใจ
แต่ตอนนี้พวกเขาเลิกที่จะลังเลอีกต่อไปแล้ว!
เห็นสีหน้าเฉียนั้วนั้นพวกเขาเข้าใจได้ทันทีว่ามันหมายถึงอะไร
บุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์มันไม่ธรรมดาจริงๆ!
เย่หยวนนั้นคือผู้กอบกู้สวรรค์แรกที่สวรรค์ส่งมาให้โดยแท้!
ยอดเยี่ยมนัก!
เจ้าโลกโหยวจินนั้นกัดฟันแน่นพร้อมปล่อยคลื่นพลังเตรียมลงมือ!
แม้ว่าจะบาดเจ็บแค่ไหนเขาก็ยังพอมีแรงสังหารเฟิงเสี่ยวเถียนได้ไม่ยากเย็นนัก
แต่ในเวลานั้นเองที่มันมีอีกเงาร่างหนึ่งพุ่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาและยิ้มกว้างขึ้น “โหยวจิน ศัตรูของเจ้าคือข้า!”
…………………………