ตอนที่ 1828 : ลงโทษสถานเบา

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1828 : ลงโทษสถานเบา

ไม่ใช่ค่ายกลในห้องสามารถกันการโจมตีจากขั้นเทพได้ แต่การทำงานของมันยังกันการมองเห็นและการรับรู้ทางวิญญาณได้ ในห้องนั้น เจี้ยนเฉินไม่ได้ถูกจำกัดอะไร ดังนั้นเขาจึงเห็นได้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอกห้อง

“ดูเหมือนว่านายน้อยตระกูลหยางจะแค้นข้ากับการที่ข้าตัดแขนพวกยามไป เขาพาขั้นเทพจากตระกูลมาด้วย แม้แต่ในตระกูลที่มีขั้นเหนือเทพ ขั้นเทพก็มีฐานะอยู่บ้าง พวกนี้คือผู้อาวุโสที่ได้รับความเคารพจากทุกคน หยางเทียแค่อับอายเล็กน้อยในศาลากระบี่แท้จริงและเขาก็ได้พาขั้นเทพมาด้วยถึง 4 คน ดูเหมือนว่าพวกนี้จะไม่ได้มาดี พวกนี้อาจจะต้องการแก้แค้น คนตระกูลหยางนี่ดื้อด้านกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เลยรึ พวกนี้ถึงกับยอมส่งคนมามากมายเพื่อคนบัดซบเช่นนี้เลยรึ ? ” เจี้ยนเฉินคิด

เขาเคยเห็นหยางไคในสุสานราชาเทพต้วนมู่ในอดีตมาก่อน หยางไคเป็นขั้นเหนือเทพช่วงปลายที่แข็งแกร่ง

เขาคือหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ขั้นเหนือเทพหลายสิบคนที่เข้าไปในสุสานก่อนหน้านี้

แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหยางไค แต่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่แย่เช่นกัน ผลก็คือเขาไม่คิดมีเรื่องบาดหมางกับอีกฝ่ายกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้

ตระกูลหยางคือหนึ่งในตระกูลใหญ่ที่สุดในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน มันคือตระกูลที่อยู่ระดับเดียวกับตระกูลเทียนหยวนของเขา สำหรับตระกูลเทียนหยวนแล้ว เขาไม่คิดจะหาเรื่องตระกูลที่มีขั้นเหนือเทพโดยไม่มีเหตุผล เพราะมันจะทำให้เกิดปัญหากับตระกูลของเขา

ยังไงซะมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ในตระกูลเทียนหยวนไปตลอด เขาต้องจากไปในสักวัน

แน่นอนว่ามันเป็นคนละเรื่องเมื่อพวกนี้มาหาเรื่องเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เจี้ยนเฉินไม่คิดจะสร้างปัญหาให้กับตระกูลเทียนหยวน แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่กลัวเรื่องแบบนี้ เขาจะเผชิญหน้ากับปัญหาเมื่อมันมาหาตัวเขาเอง

แค่โบกมือ เจี้ยนเฉินก็เปิดอาคมป้องกันรอบห้อง ทันทีที่อาคมลถูกเปิด คนจากตระกูลหยางก็รู้ทันที พวกนั้นต่างก็พากันยินดีและตื่นเต้นขึ้นมา

มันราวกับว่าพวกเขาได้เห็นวัตถุเซียนระดับสูงอยู่ตรงหน้าแล้ว !

หยางเทียกับผู้อาวุโสได้เข้ามาในห้องทันที นักสู้ขั้นศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ยืนคุ้มกันอยู่ด้านนอก ในหมู่ผู้อาวุโสทั้งสี่คน หนึ่งในนั้นปิดประตูทันทีที่เข้ามาแต่เขาก็รู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ เขาถึงกับสร้างอาคมรอบห้องเอาไว้ด้วย

หลังจากที่ผู้อาวุโสพากันพยักหน้าด้วยความพอใจ พวกเขาก็รู้สึกว่าการลงมือครั้งนี้จะไม่ล้มเหลว วัตถุเซียนระดับสูงต้องเป็นของพวกเขา

เจี้ยนเฉินยังคงอยู่บนเตียงตลอดเวลา เขามองทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยท่าทีเฉยเมย แต่สายตาของเขาเย็นชาพอจะบอกได้ว่าเขารู้สึกยังไงในตอนนี้ เขาไม่ได้ใจเย็นดังสีหน้าที่เขาแสดงออกมา

พวกนี้ประสงค์ร้ายต่อเขา พวกนี้มาเพื่อกระบี่ของเขา

โชคดีที่เป็นเจี้ยนเฉินที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ เขาไม่ได้กลัวตระกูลหยาง หากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ขั้นเหนือเทพ ผลลัพธ์มันคงผิดไปจากนี้

“เจ้าหนู ข้าไม่คิดว่าเราจะได้เจอกันอีกเร็วแบบนี้” หยางเทียมองไปที่เจี้ยนเฉินซึ่งนั่งอยู่ก่อนจะฮึดฮัดออกมา เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจหยางเทีย เขามองไปยังขั้นเทพตระกูลหยางและถามขึ้นมาอย่างใจเย็น “พวกเจ้าคงมาเพื่อวัตถุเซียนระดับสูงสินะ ? ”

เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่คิดจะชายตามองเขา หยางเทียก็หงุดหงิดขึ้นมาเพราะเขามักจะภูมิใจกับฐานะของตน ก่อนที่ผู้อาวุโสจะได้เอ่ยปากพูด เขาก็ได้ตะโกนขึ้นมาอย่างเย็นชา “เจ้าหนู นี่เป็นเพราะเจ้าหาเรื่องข้า ถูกต้อง เรามาเพื่อกระบี่สายรุ้งและมันจะไม่ใช่แค่กระบี่ เราจะเอาตัวเจ้าไปกับเราด้วย “

เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

แต่ผู้อาวุโสพากันมองไปที่เจี้ยนเฉินและเริ่มเครียดขึ้นมา ทุกคนต่างก็พบว่ามองทะลุความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน ไม่ออก ในสายตาพวกเขาแล้ว เจี้ยนเฉินเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปโดยไม่มีพลังของนักสู้แม้แต่น้อย

มันมีสองสถานการณ์ที่จะเป็นเช่นนี้ได้ อย่างแรกคือคนผู้นั้นมีทักษะลับที่ปกปิดพลังของตัวเองได้ ผลก็คือขั้นเทพหรือแม้แต่ขั้นเหนือเทพไม่อาจจะมองทะลุขอบเขตการบ่มเพาะของพวกขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้

อีกสถานการณ์คือความแตกต่างด้านการบ่มเพาะที่มากเกินไป ที่พวกเขาต้องทำคือปกปิดพลังและคนอื่นก็ไม่อาจจะรับรู้ถึงมันได้ ผู้อาวุโสตระกูลหยางพากันมองไปที่เจี้ยนเฉินอยู่สักพักก่อนจะได้ข้อสรุปเดียวกัน

“ชายคนนี้ไม่ใช่ขั้นเหนือเทพอย่างแน่นอน หากเขาเป็นขั้นเหนือเทพ เขาคงเป็นคนที่มีชื่อเสียง เขาอาจจะทำให้เราออกจากห้องไปแล้วแต่เขายังนั่งนิ่งไม่ทำอะไร มันอาจจะเพราะเขากลัวเรา ชายคนนี้คงเป็นขั้นเทพที่ปกปิดพลังของตัวเองด้วยทักษะลับ เขาอาจจะอยู่แค่ขั้นศักดิ์สิทธิ์”

“ตระกูลหยางกล้าดีถึงขนาดนี้ในเมืองหลวงเลยหรือ ? นี่พวกเขายึดเมืองหลวงไปได้แล้วหรือไง ? ” เจี้ยนเฉิน พึมพำกับตัวเอง

แต่สีหน้าของหยางเทียก็เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องแย่ ๆ ในอดีตพร้อมกับสีหน้าที่มืดครึ้ม เขาโมโหจนตะโกนออกมาว่า “เจ้ามันรนหาที่ตาย ! ” หยางเทีย เหวี่ยงมือเข้าตบหน้าเจี้ยนเฉิน

เขาไม่รู้ว่าเขากำลังจะตบหน้าใครในตอนนี้

แม้แต่บรรพชนตระกูลหยาง หยางไค ก็ไม่มีทางกล้าพอที่จะทำเรื่องแบบนี้

นี่เพราะการกระทำนี้จะสร้างความโกรธแค้น มันจะคงอยู่ในใจจนตัวตาย

สายตาของเจี้ยนเฉินเย็นชาขึ้นมา เขาจับมือของหยางเทียได้อย่างง่ายดายและมองไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะพูดขึ้นว่า “เจ้ากล้าดีจริง ๆ แค่การกระทำนี้ก็ทำให้ข้าปลิดชีวิตเจ้าได้แล้ว แต่ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าเพราะทวดของเจ้า เจ้าอาจจะหลีกหนีความตายไปได้แต่เจ้าก็ยังต้องได้รับการลงโทษ” ในพริบตาเจี้ยนเฉินก็ฉีกแขนของ หยางเทียทิ้งพร้อมกับเลือดที่สาดออกมาราวกับน้ำพุ

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็แตะตัวหยางเทียเบา ๆ หยางเทียกรีดร้องออกมาก่อนจะกระอักเลือดแล้วกระเด็นออกนอกหน้าต่างไป

ตาของผู้อาวุโสที่สร้างอาคมนั้นสั่นไหว อาคมนั้นพังทลายและหยางเทียก็กระเด็นออกไปผ่านรอยแตกนั้น

ผู้อาวุโสไม่ได้ลงมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ พวกเขาไม่ได้สนใจหยางเทียมากนักและการบาดเจ็บของหยางเทียก็เป็นผลดีต่อพวกเขาอย่างมาก มันจะทำให้พวกเขาหาข้อแก้ตัวได้ดีกว่าเดิมในการจัดการกับเจี้ยนเฉิน

เมื่อพวกเขาเอาวัตถุเซียนระดับสูงกลับไปได้ แม้ว่าขั้นเหนือเทพที่อยู่เบื้องหลังเจี้ยนเฉินจะมาด้วยตัวเอง แต่พวกเขาก็ใช้หยางเทียเป็นข้ออ้างในสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาได้

พวกเขาได้เห็นว่าเจี้ยนเฉินเป็นแค่ขั้นเทพจากกการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เกรงกลัว

เสียงกรีดร้องของหยางเทียดังขึ้นมาจากถนนด้านล่างพร้อมกับเลือดที่เริ่มรวมตัวเป็นแอ่งที่พื้น

มันหายากที่คนจะบาดเจ็บในเมืองหลวง ในเวลาไม่นานเสียงกรีดร้องของหยางเทียก็ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาสนใจ ไม่นานก็มีคนกลุ่มใหญ่มารวมตัวกัน พวกเขาต่างก็ชี้ไปที่หยางเทียซึ่งกลิ้งไปมาที่พื้นและพากันพูดคุยกัน

“หืม ? นั่นนายน้อยตระกูลหยาง หยางเทีย ไม่ใช่หรือไง ? เขาเป็นแบบนี้ได้ยังไง ….”

“ใครกัน ? ใครกันที่กล้าพอจะตัดแขนนายน้อยตระกูลหยาง….”

“ไม่สำคัญว่าคนที่พักอยู่ในโรงเตี้ยมฟินิกซ์จะเป็นใคร เขาตกอยู่ในปัญหาใหญ่แล้ว…”

“สมควรโดนแล้ว ใครรู้บ้างว่าต้องมีหญิงสาวบริสุทธิ์กี่คนที่ต้องตายไปเพราะนายน้อยตระกูลหยาง เมื่อเขามีสภาพเช่นนี้ เขาก็สมควรโดนแล้ว….”

“ยามของเมืองหลวงจะมาถึงในไม่ช้า….”

….

“หยางเทียนี่น่ารำคาญอยู่บ้าง มันไม่มีเหตุผลจะโทษเจ้ายกเว้นความจริงที่ว่าเขาเป็นนายน้อยตระกูลหยาง เพื่อเกียรติตระกูลหยาง เราไม่อาจจะมองข้ามเรื่องนี้ไปได้ หากเรื่องนี้ถูกพูดออกไปและบรรพชนรู้เข้า มันยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ ในอาณาจักรนี้มันอาจจจะไม่มีใครนอกจากแม่ทัพของกองทัพศักดิ์สิทธิ์ ซวนเตา และหัวหน้าตระกูลเทียนหยวนจากแคว้นตงอันที่ทนรับความโกรธของเขาได้” โล่พลังปิดรอยแตกนั้นและเก็บเสียงในห้อง ขั้นเทพที่ร่ายอาคมยิ้มและพูดต่อทำราวกับว่าเขากังวลแทนเจี้ยนเฉิน “แต่ข้าคิดว่าเราเป็นสหายกันได้ เมื่อเห็นว่าเจ้ามีปัญหาใหญ่เช่นนี้ ข้าจะช่วยเจ้าจัดการเรื่องนี้ให้ ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะร่วมมือกันด้วยดี”