ตอนที่ 1827 : มาถึงที่

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1827 : มาถึงที่

“ ชายคนนั้นเพิ่งจ่ายเงินก้อนโตเพื่อซื้อวัตถุเซียนระดับสูงไป เขาคงคิดว่ามันเป็นสมบัติ การชิงมันจากเขาคงไม่ใช่เรื่องง่าย “ ขั้นเทพจากตระกูลหยางได้พูดขึ้นมา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและรู้ถึงจุดประสงค์ร้ายของหยางเทีย

ก่อนที่หยางเทียจะได้พูดอะไร ผู้อาวุโสก็ได้พูดต่อ “ยิ่งกว่านั้นชายคนนี้คงไม่ธรรมดาเนื่องจากมีเงินมากมายเช่นนั้น เนื่องจากเขากล้าพอจะซื้อวัตถุเซียนระดับสูงไป เขาอาจจะมีความแข็งแกร่งที่ปกป้องมันได้และป้องกันตัวเองจากการโดนปล้นหลังจากที่ซื้อมันมา ผลก็คือข้าสรุปได้ว่าชายคนนี้เองก็แข็งแกร่งเช่นกัน ไม่งั้นแล้วเขาก็มาจากตระกูลหรือกลุ่มที่มีขั้นเหนือเทพ ข้าสงสัยว่าเขามาจากตระกูลไหนกัน นายน้อย วัตถุเซียนระดับสูงนั้นมีค่า แต่มันไม่ใช่ตัวเลือกที่ฉลาดที่จะมาหาเรื่องตระกูลที่มีขั้นเหนือเทพด้วยเรื่องเช่นนี้”

ผู้อาวุโสวิเคราะห์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเกลี้ยกล่อมหยางเทียไม่ให้ไปหาเรื่องเจี้ยนเฉิน

นี่เพราะเขาเข้าใจดีว่าคนที่กล้าพอจะซื้อวัตถุเซียนระดับสูงต่อหน้าทุกคนจะต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งพอหรือมีความมั่นใจกับตัวเช่นนี้

ผู้อาวุโสไม่ได้สนใจความเป็นไปได้ที่ชายคนนั้นจะแข็งแกร่งเพราะเหรียญผลึกระดับสูง 6 ล้านชิ้นนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะมีได้หากไม่มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่

แต่หยางเทียไม่ได้สนใจคำพูดของผู้อาวุโส เขายังยืนกรานความคิดเดิม เขาพูดขึ้นด้วยท่าทีหยิ่งทะนง “ข้าไม่รู้ว่าเขามาจากตระกูลที่มีขั้นเหนือเทพหรือไม่ เจ้าเองก็แค่คาดเดา หากเจ้าเดาผิดและชายคนนั้นไม่ได้มีภูมิหลังยิ่งใหญ่อะไรแต่ยังอ่อนแอด้วยล่ะ ? หากเขาแค่โชคดีที่พบสมบัติของคนอื่นและได้รับเงินทองจากที่นั่นมาล่ะ ? ยิ่งกว่านั้นไอ้เด็กน้อยนั่นก็ทำให้ยามของข้าแขนขาดด้วยท่าทีไม่เกรงกลัว ฮึ่ม ตระกูลหยางของข้าเป็นตระกูลใหญ่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน ข้าต้องแก้แค้นให้กับพวกนั้น หากเขามาจากตระกูลที่มีขั้นจอมเทพแล้วมันยังไง ? เราคือตระกูลหยาง อย่าลืมเรื่องนี้ ! ”

หยางเทียภูมิใจเมื่อพูดถึงตระกูลหยาง ตระกูลหยางนั้นมีฐานะที่สูงส่งในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนเพราะบรรพชนของพวกเขา ทุกตระกูลที่มีขั้นเหนือเทพในอาณาจักรต่างก็ยำเกรงตระกูลหยาง

นี่เพราะบรรพชนนั้นเป็นขั้นเหนือเทพช่วงปลายที่มีฐานะเป็นรองแค่ราชาศักดิ์สิทธิ์และผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุด

หลังจากนั้นหยางเทียก็ได้สั่งการให้ค้นหาเจี้ยนเฉิน ด้วยอำนาจของตระกูลหยางในเมืองหลวงแล้ว การหาคนนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร พวกเขาพบโรงเตี้ยมที่เจี้ยนเฉินพักอยู่ในเวลาไม่นาน

ห้องนี้อยู่ชั้นสูงสุดของโรงเตี้ยมฟินิกซ์ ป้าย ‘สวรรค’ ซึ่งครอบคลุมด้วยค่ายกล เจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนเตียงในห้องทำการปรับแต่งกระบี่สายรุ้ง เขาไม่ได้คิดว่านายน้อยตระกูลหยางจะมาสนใจวัตถุเซียนที่เขาเพิ่งจะซื้อมา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะรู้แต่เขาก็ไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย บรรพชนตระกูลหยาง หยางไคนั้นแข็งแกร่งอย่างมากเป็นถึงขั้นเหนือเทพช่วงปลาย แต่เขาเองก็เป็นขั้นเหนือเทพช่วงปลายในด้านความเข้าใจ ที่เขาขาดไปก็แค่ขอบเขตการบ่มเพาะ

ผลก็คือมันไม่มีเหตุผลที่เขาต้องกลัว หยางไค เลย

ตอนนั้นหยางเทียได้พาคนล้อมโรงเตี้ยมเอาไว้ โดยมีคนจากตระกูลหยางนับร้อยคน ไม่ใช่แค่มีนักสู้ขั้นศักดิ์สิทธิ์หลายคน แต่หยางเทียถึงกับเรียกผู้อาวุโสที่เป็นขั้นเทพหลายคนมาด้วย

แม้ว่าฐานะของหยางเทียที่เป็นนายน้อยนี้จะไม่เพียงพอจะสั่งการผู้อาวุโสโดยตรงได้ แต่เขาก็ยังคงได้รับความเคารพในฐานะนายน้อยอยู่ นี่ไม่ต้องพูดถึงความจริงว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับวัตถุเซียนระดับสูง

หากพวกเขาได้วัตถุเซียนระดับสูงมาให้กับบรรพชน มันก็คงเป็นผลงานชิ้นใหญ่และพวกเขาก็จะได้รับรางวัลก้อนโต

ในด้านของปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น มันจะมีสักกี่คนที่กล้าจะหาเรื่องตระกูลหยางด้วยฐานะที่พวกเขามีตอนนี้ ?

“คนที่ซื้อวัตถุเซียนระดับสูงทำให้ยามต้องแขนขาดไป เขาคือคนที่หาเรื่องก่อน เรามีเหตุผลจะเอาคืนได้ มันมีเหตุผลที่เราจะเอาวัตถุเซียนระดับสูงของเขา” หนึ่งในผู้อาวุโสที่มาทีหลังได้พูดขึ้นมาด้วยท่าทีจริงจัง

“แม้ว่าข้าจะไม่ได้เห็นขั้นเหนือเทพของอาณาจักรใกล้เคียงด้วยตัวเองมาก่อน แต่ข้าก็ได้ยินเรื่องพวกเขามา ข้าจึงพอเข้าใจพวกเขาอยู่บ้าง มันมีแค่หัวหน้าตระกูลเทียนหยวนที่ข้าไม่รู้รายละเอียดเนื่องจากเขาเพิ่งจะทะลวงผ่านเมื่อไม่นานมานี้ แต่มันก็ดูไม่น่าจะเป็นชายหนุ่มที่เพิ่งซื้อวัตถุเซียนระดับสูงไป ผลก็คือข้ามั่นใจว่าชายคนนี้ไม่ใช่ขั้นเหนือเทพ แม้ว่าเขาจะเป็นขั้นเทพแต่เขาอาจจะไม่ได้มาจากอาณาจักรของเรา เพราะข้ามีข้อมูลของขั้นเทพทั้งหมดในอาณาจักรของเรา” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น เขาสวมชุดสีขาวดูราวกับนักปราชญ์

หยางเทียดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาได้พูดขึ้นมาว่า “ผู้อาวุโส ไปหาตัวชายคนนั้นกันเถอะ”

ผู้อาวุโสตระกูลหยางพยักหน้าและตามหยางเทียเข้าไปในโรงเตี้ยมทันที

มีผู้อาวุโสที่เคยเกลี้ยกล่อมหยางเทียเพียงคนเดียวที่คิดว่าเรื่องนี้มันผิดปกติ แต่เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือก เขาได้แต่ถอนหายใจก่อนจะตามคนอื่น ๆ เข้าไปในโรงเตี้ยม

ในฐานะหนึ่งในโรงเตี้ยมที่หรูหราที่สุดในเมือง โรงเตี้ยมแห่งนี้จึงมีภูมิหลังอยู่บ้าง แต่เมื่อผู้จัดการทราบว่าคนเหล่านี้คือผู้อาวุโสตระกูลหยาง เขาก็ได้แต่ทำเป็นมองไม่เห็น เขาไม่กล้าจะพูดอะไรออกมาด้วยซ้ำ

แม้ว่าโรงเตี้ยมนี้จะเป็นธุรกิจของตระกูลที่มีขั้นเหนือเทพในเมืองหลวง แต่เขาก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ มันมีน้อยคนนักที่กล้าหาเรื่องตระกูลหยางด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้

“ที่นี่ ชายคนนั้นพักอยู่ที่นี่” หยางเทียพาผู้อาวุโสไปตรงหน้าห้องของเจี้ยนเฉิน เสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาไม่ลังเลที่จะสัมผัสค่ายกลทันที

เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ในห้องหลับตาพร้อมกับกระบี่สายรุ้งที่ส่องแสงลอยอยู่ตรงหน้าเขา มันแผ่ปราณกระบี่ที่คมกริบของวัตถุเซียนระดับสูงออกมาเต็มไปทั่วทั้งห้อง

แต่ตอนนั้นแสงที่อยู่รอบกระบี่จู่ ๆ ก็หายไปเผยให้เห็นตัวกระบี่

มันคือตอนที่เจี้ยนเฉินได้ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ เขามองไปที่กระบี่สายรุ้งตรงหน้าอย่างใจเย็น หลังจากที่ตรวจสอบมันแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยท่าทีดีใจออกมา เขาได้พึมพำออกมา “เจ้าจะเป็นคู่หูของข้าในอนาคต กระบี่สายรุ้ง”

ตอนที่เขาพูดจบ มือขวาเขาก็จับไปที่กระบี่ ตอนนั้นกระบี่ได้หายไปในทันทีเข้าไปในร่างของเจี้ยนเฉิน

ทันใดนั้นคลื่นพลังก็ปรากฏขึ้นในค่ายกลป้องกันนอกห้อง ตาของเจี้ยนเฉินหรี่ลง ทันทีที่เขาเก็บกระบี่ไป เขาก็หันไปที่ทางเข้า สายตาที่ดูเฉยเมยของเขาดูคมกริบขึ้นมาทันที