ตอนที่ 3382

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3382

 

“เหลยอิง!!”

 

วินาทีนี้ จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับที่อยู่ใกล้เหลยอิงมากที่สุด ย่อมเป็นคนเดียวท่ามกลางจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหมดของวังเทียนฉือที่สามารถยื่นมือเข้าช่วยเหลือเหลยอิงได้ทัน!

 

จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ ที่ลงมือเต็มกําลัง คนกระบี่พลันผสานรวมเป็นหนึ่ง อุบัติเป็นแสงกระบี่เล่มเขื่องพุ่งทะยานแหวกฟ้าไปฉับไว หมายจู่โจมทําลายเจดีย์ 7 ชั้นที่ถล่มสังหารเข้าใส่เหลยอิง!

 

ซู่มมม!!

 

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่โหยวเฟิงอวี้จ้าววังเทียนฉือเร่งปะทุพลังชั่วชีวิตโจนทะยานร่างเข้ามาเจดีย์ 7 ชั้นที่ถล่มลงจากฟากฟ้าก็ปะทะเข้ากับแสงกระบี่เล่มเขื่องที่ที่จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับรวมพลังทั้งหมดจู่โจมปะทะเรียบร้อย!

 

ปงงง!!!

 

เสียงระเบิดของพลังดังสนั่นสะท้านแดนดิน คลื่นกระแทกมหาประลัยกวาดสะท้านไปทั่วฟ้า อย่างไรก็ตามโหยวเฟิงอวี้ และคนอื่นๆไม่มีอารมณ์สนใจผลกระทบใด สองตาพลันหดเล็กแทบปิดชมดูเรื่องราวเบื้องหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

 

เพราะในสายตาของทุกคน ล้วนเห็นฉากชัดถนัดถนี่…ยามเมื่อเจดีย์ 7 ชั้นนั่นถล่มลงมาปะทะเข้ากับปลายแสงกระบี่ของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับนั้น ประหนึ่งนําไข่ไปกระทบหินอย่างไรอย่างนั้น! แสงกระบี่พังทลายลงอย่างรวดเร็ว พลังชั่วชีวิตของจักรพรรดิอมตะฟ้าลับ สุดท้ายก็ทําได้แค่ ชะลอความเร็วในการถล่มลงมาของเจดีย์ 7 ชั้น! เรียกว่าต่อหน้าเจดีย์ประหลาดนี้ พลังของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับคล้ายอ่อนแอไร้กําลังถูกทําลายลงในเสี้ยวพริบตา!!

 

ไม่เพียงเท่านั้น!!

 

เปรี๊ยงงง!

 

เป็นจักรพรรดลี้ลับที่รวมรั้งพลังจู่โจมทั้งหมด เสมือนหนึ่งแตงโมร่วงตกจากตึกสูงหมื่นหมี่แตกระเบิดเป็นเสี่ยงในพริบตา ก่อนจะโดนคลื่นพลังปนสลายกลับกลายเป็นละอองโลหิต ค่อยระเหยหายไป ไม่เหลือแม้แต่เศษซากเสื้อผ้ากระทั่งเส้นผมสักเส้น

 

สิ่งเดียวที่หลงเหลือก็คือแหวนพื้นที่ๆถูกแรงระเบิดซัดจนปลิวกระเด็นไร้ทิศทาง

 

จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ จักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีพลังฝีมือเป็นรองก็แต่จ้าววังเทียนฉือตายตกแล้ว!

 

ในวังเทียนฉือ ผู้ที่มีพลังฝีมือสูงสุดในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9 ก็คือ โหยวเฟิงอวี้นี้ ส่วนจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับนั้น ได้ถือครองผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 2 ร่วมกับจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือก และมีพลังฝีมือเหนือกว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆมาก

 

อย่างไรก็ตามจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือก เก่งกาจในเรื่องการลอบโจมตี หากต้องมาปะทะกันตรงๆแล้ว เกรงว่าจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกก็ไม่อาจต่อกรกับจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับได้

 

เป็นธรรมดา สิ่งนี้บอกได้แค่ว่า…ในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9 ของวังเทียนฉือ มีแต่โหยวเฟิงอวี้เท่านั้นที่ร้ายกาจกว่าจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ ทว่าไม่ได้กล่าวรวมถึงฉือหย่าชีที่ยัง ไม่ได้เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามไว้หนึ่งคน เพราะพลังของฉือหย่าชีตอนนี้นับว่าเหนือกว่าโหยวเฟิงอวี้เสียอีก!!

 

ปงงง!!

 

เหลยอิงที่เห็นจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับวูบร่างมาช่วยเหลือตกตายไปต่อหน้าต่อตา สติของนางก็อื้ออึงว่างเปล่าไปชั่วขณะ ร้อยพันหมื่นคาดนางก็ไม่เคยคิดว่าชายชราในชุดคลุมสีแดงเพลิงจะทรงพลังได้ถึงขนาดนี้

 

พลังอันน่าพรั่นพรึงระดับนี้ไม่ใช่อะไรที่ตัวนางจะต้านทานได้เลย!

 

“ท่านจ้าววังช่วยข้าด้วย!!”

 

และพอเห็นว่าเจดีย์ 7 ชั้นยังถล่มทลายลงมาสืบต่อเหลยอิงที่ดึงสติกลับมาจากความตื่นตระหนกก็เร่งร่ำร้องออกมาเสียงหลงตัวนางนั้นถูกพลังสะท้อนจากการที่กระบวนท่าถูกทําลายไปก่อนหน้า ทําให้ตอนนี้นางไม่อาจรีดเค้นเรี่ยวแรงทัดทานหรือหลบหนีไปไหนได้เลย ความหวังทั้งห มดของนางจึงอยู่กับ โหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือแต่เพียงผู้เดียว

 

“หยุดมือให้ข้า!”

 

เนื่องจากจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับได้ทุ่มลงมือด้วยพลังชั่วชีวิต จึงทําให้เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ชะลอตัวเล็กน้อยสิ่งนี้ถือว่าได้ซื้อเวลาชีวิตให้เหลยอิงเพิ่มเล็กน้อย แต่เวลาเล็กน้อยที่ว่าก็มีมากพอจะให้โหยวเฟิงอวี้จ้าววังเทียนฉือสอดมือเข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงที

 

สําหรับจักรพรรดิอมตะคนอื่นๆของวังเทียนฉือที่ปะทุพลังพุ่งเข้ามาก่อนหน้า บัดนี้แต่ละคนร่างแข็งไปคล้ายมีตะกัวลากถ่วง ทั้งหมดพากันหยุดมองชายชราในชุดคลุมแดงเพลิงด้วยความสยดสยอง กลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะเคลื่อนไหวใดๆ!

 

ชายชราผู้นี้ กระทั่งจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับอีกฝ่ายยังเข่นฆ่าได้ง่ายดาย

 

พวกมันทะสิ่งเข้าไปยังจะเกิดประโยชน์อันใด?

 

จริงอยู่ที่หากพวกมันลงมือพร้อมกันทุกคนย่อมสามารถหยุดยั้งได้

 

ทว่าการตกตายของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับในฉับพลัน สําหรับทุกคนแล้วนี่เป็นเรื่องน่าตกใจทั้งสะเทือนขวัญมากเกินไป จนทุกคนกลับกลายเป็นวิหกหวาดเกาทัณฑ์ไม่กล้าโผบินออกไปตัวแรก ด้วยกลัวว่าจะเจริญรอยตามจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับไปอย่างโง่งม

 

ซู่มมม!!

 

โหยวเฟิงอวี้จะอย่างไรก็เป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของวังเทียนฉือ บางทีตอนนี้พลังฝีมือของฉือหย่าชีอาจไม่ได้ด้อยไปกว่ามันก็จริง แต่พลังฝีมือของมันกล้าแข็งหรือไม่ เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคิดสงสัยเลย

 

เพียงแต่ว่าโหยวเฟิงอวี้พึ่งจะพุ่งร่างไปได้ไม่ทันไร อยู่ๆหน้าต่างชั้นที่ 2 ของเจดีย์ 7 ชั้นก็เปิด ออกจากนั้นปรากฏประกายแสงสายหนึ่งแล่นวาบตัดฟ้ามาด้วยความเร็วสูงล้ำเป็นกระบี่เล่มหนึ่งที่แผ่ซ่านกลิ่นอายคมกล้าหาใดเปรียบพุ่งเข่นฆ่าออกมาจากเจดีย์ จี้เข้าใส่โหยวเฟิงอวี้!

 

‘นั่นมันกระบี่นิลสวรรค์นี่นา!’

 

ถึงแม้จะผ่านไปหลายปีดีดักแล้วตั้งแต่ได้เห็นเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ รวมถึงสมบัติประจําเจดีย์แต่ละชั้นเป็นครั้งสุดท้าย และถึงต่อให้ตอนนี้ สําหรับต้วนหลิงเทียนแล้วจะเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ กระบี่นิลสวรรค์หรือศาสตราอมตะอื่นใดในเจดีย์ก็ไม่อาจเทียบกับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนของเขาได้เลย แต่อารมณ์ความรู้สึกของเขาก็อดพุ่งพล่านขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นไม่ได้!

 

ฉากเรื่องราวในวันวานครั้งยังอยู่ระนาบเซียน เริ่มฉายแล่นในใจเขาฉากแล้วฉากเล่า

 

ในตอนนั้นเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติถูกเขาเหน็บซ่อนไว้ในหู ติดตามเขาไปทุกแห่งหน กระทั่งผู้ เฒ่าหัวที่อยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก็เป็นดั่งญาติผู้ใหญ่ที่เขาสามารถพึ่งพิงขอคําชี้แนะได้เสมอ

 

ตอนแรกที่เขาหลงคิดว่าผู้เฒ่าหัวตกตายไปแล้ว ในใจก็เจ็บปวดทั้งทรมานไม่น้อย

 

มาวันนี้พอได้เห็นเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอีกครั้ง รวมถึงได้เห็นกระบี่นิลสวรรค์อันเป็นสมบัติประจําชั้น 2 ของเจดีย์ จะไม่ให้ต้วนหลิงเทียนตื่นเต้นได้อย่างไรไหว!

 

ฟัฟฟฟฟ!!

 

สมบัติ และแม้แต่ต้วนหลิงเทียนเองที่คุ้นเคยกับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติดี ก็ยังคิดไม่ถึงว่ากระบี่นิลสวรรค์ จะพุ่งเข่นฆ่าออกมาจากเจดีย์ได้!

 

“บัดซบ!!”

 

ถึงแม้ว่าอาศัยพลังทําลายของกระบี่นิลสวรรค์ที่เข่นฆ่าเข้ามา จะถือว่าเป็นภัยคุกคามแค่เล็กน้อยสําหรับโหยวเฟิงอวี้ แต่นั่นก็ทําให้โหยวเฟิงอวี้จําต้องหยุดลงต้านรับ เลิกล้มการช่วยเหลือเหลยอิงไปโดยปริยาย

 

หาไม่แล้ว กระบี่ที่อยู่ๆก็บินพุ่งสังหารเข้ามาปานอาวุธลับแบบนี้ ถึงจะฆ่ามันไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆก็ต้องทําร้ายมันให้บาดเจ็บได้แน่นอน!

 

ในฐานะจ้าววังเทียนฉือ และเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ หากตอนนี้มันพลาดพลั้งได้รับบาดเจ็บขึ้นมา เกรงว่าคงไม่อาจควบคุมสถานการณ์ในวันนี้ได้อีกต่อไป

 

หากเป็นในสถานการณ์ปกติ มันคงยอมบาดเจ็บเพื่อช่วยชีวิตเหลยอิง

 

แต่ในสถานการณ์แบบนี้ มันไม่คิดซ้ําสองด้วยซ้ํา!

 

“ไม่ !!”

 

ทันใดนั้นเอง เสียงกรีดร้องด้วยความสิ้นหวังทั้งไม่เต็มใจของเหลยอิงก็ดังขึ้นเป็นเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติถล่มลงมาถึงตัวเหลยอิงแล้ว

 

ตูมมม!!

 

พริบตาต่อมาเหลยอิงก็เจริญรอยตามจักรพรรดิอมตะฟ์ลี้ลับไปติดๆ ตกตายไม่เหลือแม้แต่ ซาก…

 

จังหวะนี้ผู้ที่ชมดูเรื่องราวทั้งหมด พร้อมใจกันเงียบกริบ..ไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ

 

ในเวลาชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบดับ ชายชราในชุดคลุมแดงเพลิงก็เข่นฆ่าจักรพรรดิอมตะ สมญานามของวังเทียนฉือได้ติดๆกัน 2 คน แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามอันดับสองรองจากโหยวเฟิงอวี้อีกด้วย

 

ชายชราในชุดคลุมแดงเพลิงผู้นี้เป็นใครกันแน่!?

 

“ไม่ทราบสหายท่านนี้เป็นยอดฝีมือจากที่ใด!?”

 

สองตาโหยวเฟิงอวี้มองจ้องไปยังชายชราคลุมแดงไม่วางตา เอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้ามืดมน

 

ด้านชายชราในชุดคลุมแดงเพลิง หลังเข่นฆ่าเสร็จก็โบกมือเบาๆ จากนั้นกระบี่นิลสวรรค์ก็พุ่ง ย้อนกลับเข้าไปในเจดีย์ ก่อนตัวเจดีย์จะหดเล็กลงฉับไว ทุ่งย้อนกลับมาหยุดลอยเหนือฝ่ามือชายชราคลุมแดงอย่างเงียบงัน..

 

“ข้าเป็นใคร เจ้าไม่คู่ควรจะรู้”

 

ผู้เฒ่าหัวเหลือบมองจ้าววังเทียนฉือผ่านๆ เอ่ยออกเสียงเบา

 

จังหวะนี้สีหน้าของโหยวเฟิงอวี้ ยิ่งมาก็ยิ่งอัปลักษณ์ปั้นยาก แต่มันไม่กล้าเคลื่อนไหวทุ่มบ่าม เพราะดูจากพลังที่ศัตรูเผยออก เกรงว่ามันจะไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่ายเลย หากลงมือก็รังแต่จะหาเรื่องขายหน้าตัวเองเท่านั้น ซ้ำร้ายยังอาจจะถูกผู้อื่นฆ่าทิ้งเอา!

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ถือหล่างกับลูกสาวของฉือหล่างถือหางด้วนหลิงเทียน วันนี้ต่อให้ถือหล่างกับลูกสาวไม่ลงมือ อาศัยมันกับจักรพรรดิอมตะสมญานามที่เหลือของวังเทียนฉือ ก็ไม่แน่ว่าจะต่อกรกับชายชราชุดคลุมแดงเพลิงผู้นี้ได้

 

“สหาย ท่านจะไม่กล่าวเกินจริงไปหน่อยหรือ?”

 

โหยวเฟิงอวี้เอ่ยออกเสียงหนัก “ท่านเองก็สมควรทราบดีกระมัง…ว่าท่านตาของข้าเป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน”

 

“ฮ่าๆๆ…”

 

ผู้เฒ่าหัวหันไปมองโหยวเฟิงอวี้พลางระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “หากไม่ใช่เพราะรู้ว่าเจ้าเป็นหลานของจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน เจ้าคิดหรือ ว่าตอนนี้เจ้ายังจะเหลือลมหายใจมาพล่ามสามหาวกับข้า? หรือคิดว่าข้าแค่อยากฆ่านั่งเฒ่านั้น แต่ไม่สนใจจะฆ่าเจ้า?”

 

พอกล่าวจบคํา มุมปากของผู้เฒ่าหัวก็ยกยิ้มแสยะแดกดันขึ้นมา

 

“ท่าน…!”

 

สีหน้าโหยวเฟิงอวี้ เปลี่ยนไปใหญ่หลวง ลูกตามันยังหดเล็กลงแทบปิดไม่คิดเลยว่าชายชราเบื้องหน้าจะรู้ฐานะมันอยู่แล้วว่าเป็นหลานของจักรพรรดิสวรรค์

 

อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายรู้ทั้งรู้ แต่ยังออกหน้าช่วยเหลือต้วนหลิงเทียน?

 

หรือไม่ทราบว่าต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะล่วงเกินวังเทียนฉือของมัน แต่ยังล่วงเกินตาของมันที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนด้วย?

 

อย่างไรก็ตามพอคิดได้ว่ามันได้เร่งรุดส่งข้อความไปแจ้งตาของมันแล้ว และอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่ากําลังเร่งรุดมาที่นี่ โหยวเฟิงอวี้ก็ฟื้นคืนความมั่นใจขึ้นมาทันที “ข้าอยากจะรู้นัก ว่าพอท่านตามาถึง ไอ้แก่นยังจะกล้าอวดดีเช่นนี้อยู่หรือไม่!”

 

ถึงแม้พลังฝีมือของชายชราในชุดคลุมแดงจะไม่ใช่ชั่ว แต่หากจะให้เทียบกับตาของมัน อีกฝ่ายยังคงห่างชั้นอยู่บ้าง

 

“ศิษย์น้องเล็ก ผู้อาวุโสท่านนี้เป็นใครหรือ? ก่อนหน้าข้าเห็นติดตามอยู่ด้านหลังเจ้าต้อยๆ ข้าก็หลงคิดว่าเป็นผู้ติดตามที่คอยรับใช้เจ้าเสียอีก…แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอาวุโสผู้นี้จะร้ายกาจมาก! เห็นได้ชัดว่าเหนือกว่าจ้าววังเทียนฉือซะอีก เจ้าดูนั่นสิผู้อื่นไม่กล้าลงมือทําอะไรแล้วนั่น!”

 

เสียงผ่านพลังของศิษย์พี่ 6 หงเฟยดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนด้วยความตกใจ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายตะลึงกับเรื่องราวเมื่อครู่ไม่น้อย

 

จากนั้นสักพักเสียงผ่านพลังมากมายจากเหล่าศิษย์พี่ก็ดังขึ้นในหูเขาระงม แต่ละคนล้วนถามว่าผู้เฒ่าหัวเป็นใครกันใหญ่กระทั่งท่ามกลางเสียงผ่านพลังของทุกคน เสียงตัดพ้อของหูเหม่ยยัง ก่อกวนเขามากที่สุด นางเอาแต่โอดครวญ ว่านางคิดว่าวันนี้คงถึงคราวฉิบหายแน่แล้ว แต่มิคาดเขาดันอุบเงียบเรื่องมียอดฝีมือติดตามข้างกายเอาไว้แบบนี้

 

จังหวะนี้กระทั่งถือหล่างกับฉือหย่าชี พอมองไปยังผู้เฒ่าหัวอีกครั้ง ในแววตาก็ฉายชัดถึงความยําเกรง

 

“สหายท่าน ตอนนี้ท่านตาของข้าจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนกําลังเดินทางมาที่นี่ แล้ว…”

 

โหยวเฟิงอวี้มองจ้องผู้เฒ่าหัว พลางเอ่ยออกเสียงหนัก “ข้าแนะนําให้ท่านรั้งอยู่เพื่อรอมอบคําอธิบายให้ท่านตาข้าแต่โดยดีเพราะหากท่านจากไป ก็ถือว่าไม่ไว้หน้าท่านตาของข้า สุดท้ายเพียงเพื่อเด็กน้อยขนอุยคนหนึ่ง ท่านเองก็คงไม่คิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับบท่านตาของข้ากระมัง”

 

“ข้าลืมบอกท่านไป…ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ข้างกายท่านผู้นั้น มันไม่เพียงแต่จะล่วงเกินวังเทียนฉือของพวกเราเท่านั้น แต่มันยังทําให้ท่านตาของข้าจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนขุ่นเคืองอีกด้วย”

 

“เพราะมันถึงกับกล้าปล่อยนักโทษที่ท่านตาข้าลงแรงจับไปขังด้วยตัวเอง!”

 

“ด้วยเหตุนี้ท่านตาของข้าจึงพิโรธนัก กระทั่งหากมันไม่ตายท่านไม่มีวันเลิกราแน่!”

 

ฟังจากคําพูดของโหยวเฟิงอวี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าคิดยกตาตัวเองมาข่มขู่ผู้เฒ่าหัว หมายให้ผู้เฒ่า ทั่วหวาดกลัวและเร่งล่าถอยจากไป

 

ได้ยินคําพูดดังกล่าวของโหยวเฟิงอวี้ สีหน้าถือหล่างกับฉือหย่าชีก็เปลี่ยนไปไม่น้อย จากนั้นทั้งคู่ก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังบอกให้ต้วนหลิงเทียนรีบหนีไปตอนที่ยังมีโอกาส…มิฉะนั้นเกิดจักรพรรดสวรรค์มาถึงคิดจะไปก็ไม่ได้ไปแล้ว

 

ตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่เหมาะที่สุดที่จะเร่งรุดหลบหนีจากไป!

 

“ครู เรื่องนี้ท่านไม่ต้องกังวล”

 

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ให้จักรพรรดิสวรรค์ของอู๋หยาเทียนมาได้ก็ดี จะได้สะสางเรื่องราวความ แค้นให้มันจบๆไป หากไม่สะสางให้จบ สิ่งนี้ก็ไม่พ้นกลายเป็นภัยซ่อนเร้นของพวกท่าน”

 

ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังไปตอบคือหลาง กับฉือหย่าชีตามลําดับ

 

วันนี้เขาไม่ได้รีบร้อนจะจากไปไหนทั้งนั้น

 

เพราะหากเขาจากไปในลักษณะนี้ ไม่พ้นเป็นการทิ้งภัยซ่อนเร้นไว้ให้ถือหล่างกับศิษย์พี่ทั้ง 6 และนั่นไม่ใช่อะไรที่เขาอยากจะเห็น

 

“เจ้า…”

 

และคําตอบผ่านพลังของต้วนหลิงเทียนก็ทําให้ฉือหล่างเป็นกังวลนัก อย่างไรก็ตามไม่ว่าฉือหล่างจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะไปไหนทั้งนั้น

 

สําหรับฉือหย่าชี นางเพียงจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตามองลึก เพราะนางรู้สึกว่าศิษย์น้องเล็กคนนี้ช่างลึกลับเสียจริง

 

กระทั่งถึงตอนนี้สีหน้ายังฉายชัดถึงความมั่นใจไม่แปรเปลี่ยน!

 

ที่แท้บ่อเกิดความมั่นใจของศิษย์น้องเล็กนางมาจากที่ใด?

 

ต้องทราบว่าผู้ที่กําลังจะมาถึง ก็คือจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน! ไม่ใช่หมาแมวที่ไหน!!

 

“ศิษย์น้องเล็ก…”

 

ด้านศิษย์พี่คนอื่นๆก็เอาแต่ระดมส่งเสียงผ่านพลังมาเกลี้ยกล่อมให้ต้วนหลิงเทียนฉวยโอกาสประเสริฐจากไปกันระงม