ตอนที่ 3383 : จักรพรรดิสวรรค์ อู๋หยาเทียน เชวียหงอวี้
จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน แม้ชื่อ เชวียหงอวี้ ของมันจะฟังคล้ายชื่อของอิสตรี แต่มันก็เป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง
เชวียหงอวี้นั้น ในอดีตถือว่าเป็นเซียนอมตะที่ฝึกตนทั่วไปเท่านั้น การที่มันดั้นด้นมาถึงจุดนี้ได้ นอกเหนือจากความพยายามแล้ว มันยังอาศัยโชคเสียเป็นส่วนใหญ่
กล่าวได้ว่ากว่าจะมีวันนี้ได้ มันได้ประสบกับโชควาสนามามากมาย
แต่อย่างไรความสําเร็จในชีวิตของมันก็ถูกจํากัดไว้ด้วยพรสวรรค์กับความเข้าใจ ยากที่จะก้าวไกลไปเกินขอบเขตของระนาบเทวโลกเช่นนั้นเชวียหงอวี้ จึงมักจะไปสานไมตรีกับจักรพรรดิสวรรค์ของระนาบเทวโลกอื่นๆ เพื่อผูกมิตรหาเส้นสายเสมอ
ด้วยวิธีนี้ ในภายภาคหน้าหากมีใครคิดช่วงชิงตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์อู๋หยาเทียนของมัน ก็ต้องมีกริ่งเกรงมันอยู่สามส่วน
“เป็นต้วนหลิงเทียนนั่นอีกแล้วรึ?!”
ครั้งก่อนตอนได้ยินข้อความจากหลานชายแจ้งว่าจักรพรรดิอมตะไร้ธุลีที่มันจับไปขังในคุกหมื่นพันธนาการด้วยตัวเองถูกปล่อยตัวไป มันก็มีโมโหนัก
ถึงแม้มันเกือบจะลืมจักรพรรดิอมตะไร้ธุลีที่ว่าไปแล้ว แต่พอมามีคนปล่อยนักโทษที่มันลงมือจับขังไว้ด้วยตัวเองแบบนี้ ยังต่างอะไรจากคิดลูบคมตบหน้ามัน?
อย่างไรก็ตามเรื่องราวครั้งก่อนเพราะมีจี้อวี่เหนียน อาวุโสใหญ่แห่งเผ่ามังกรสอดมือ ถึงแม้มันจะมาถึงที่เกิดเหตุ แต่เป้าหมายก็จากไปแล้ว มันเองก็ไม่มีทางเลือกใดอื่น
หากจี้อวี่เหนียนเป็นเพียงผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกร และไม่มีสถานะใดอื่น เชวียหงอวี้ย่อมไม่ลังเลที่จะสั่งสอนอีกฝ่าย แม้อาจจะไม่ถึงขั้นฆ่าให้ตาย แต่กว่าอีกฝ่ายจะรอดกลับไปได้ก็ต้องมีหนังลอกกันบ้าง
อนิจจา นอกจากตําแหน่งอาวุโสใหญ่แห่งเผ่ามังกรแล้ว จี้อวี่เหนียนดันเป็นทายาทสายตรงของจักรพรรดิสวรรค์ที่ออกมาจากเผ่ามังกรคนหนึ่ง
และผู้อาวุโสของจี้อวี่เหนียนกก็ร้ายกาจเหนือมันมาก มันเองยังพยายามเต็มที่เพื่อประจบประแจงอีกฝ่าย
สุดท้ายมันก็สามารถผูกไมตรีกับอาวุโสดังกล่าวของจี้อวี่เหนียนได้ เช่นนั้นมันย่อมไม่คิดสร้างปัญหาอะไรให้จี้อวี่เหนียนจนกระทบสายสัมพันธ์ดังกล่าวแน่นอน
และเพราะมันได้ผูกไมตรีกับอีกฝ่ายแล้ว จึงรู้ดีว่าฐานะของจี้อวี่เหนียนในใจของอีกฝ่ายสูงแค่ไหน
“คราวก่อน ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าได้รับความช่วยเหลือจากจี้อวี่เหนียนถึงรอดไปได้…คราวนี้จี้อวี่เหนียนไม่อยู่ ข้าล่ะอยากจะรู้นักว่ายังจะมีใครช่วยเจ้าได้อีก!”
เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด เพราะการสอดมือของจื่อวี่เหนียน ทําให้จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน เชวียหงอวี้ เจ็บใจมาก
มาวันนี้มันกลับได้รับข้อความจากหลานชายอีกครั้ง จึงได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นอีกแล้ว ทว่าอีกฝ่ายมีผู้ช่วยมือที่ติดตามอยู่ข้างกาย!
อย่างไรก็ตาม มันไม่สนใจและเร่งรุดเดินทางไปวังเทียนฉือทันที
“มือดีที่เจ้าพามาจักแข็งแกร่งแล้วอย่างไร หรือจะแข็งแกร่งเหนือไปกว่าข้า”
ถึงแม้พลังฝีมือของเชวียหงอวี้นั้น จะจัดได้ว่าอยู่ในกลางค่อนไปทางล่างของเหล่าจักรพรรดิสวรรค์ทั้งมวล อย่างไรก็ตามกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วไปในระนาบเทวโลก มันย่อมมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เพราะไม่ว่ามันจะอ่อนด้อยในบรรดาจักรพรรดิสวรรค์แค่ไหน แต่มันก็ถือว่าเป็นจักรพรรดิสวรรค์คนหนึ่ง
จักรพรรดิสวรรค์ของระนาบเทวโลกใดๆ ก็ถือเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของระนาบเทวโลกนั้นๆ แล้ว เรียกว่ายืนอยู่เหนือจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งปวงในระนาบเทวโลกนั้นๆ
“ถึงแล้ว”
ไม่นานวังเทียนฉือก็ปรากฏสู่สายตาของเชวียหงอวี้ อีกครั้ง และมันก็มาเยือนวังเทียนฉือแห่งนี้เพราะถูกลูบคมเป็นครั้งที่ 2 ในรอบพันปีแล้ว
และครั้งล่าสุดที่มาก็เพราะเด็กน้อยนามด้วนหลิงเทียน!
ที่มาวันนี้ก็เพราะเด็กน้อยคนเดิม!
ภายในวังเทียนฉือ
ทุกคนที่อยู่ในด่านของฉือหล่างนอกจากฉือหย่าชี รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนดื้อรั้นเกินไป มีโอกาสหนีไปแล้วแท้ๆแต่กลับไม่ถนอมเอาไว้ พอจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนมาถึง คิดจะไปก็เกรงว่าคงไม่อาจไปได้!
อย่างไรก็ตาม พวกมันจนปัญญาแล้วจริงๆ เพราะจะเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวอย่างไร ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ฟังเลย แถมยังตอบมาสั้นๆว่าไม่เป็นไรอีก
บอกว่าไม่เป็นไร แล้วพวกมันจะสบายใจได้ไง?
สุดท้ายพวกมันก็ได้แต่ล้มเลิกความคิดเกลี้ยกล่อม และรอดูสถานการณ์อย่างใจจดจ่อ
“มาแล้ว”
ทันใดนั้นเองผู้เฒ่าหั่วที่กลับมาอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียน ก็เงยหน้าขึ้นไปมองฟ้า ทิศทางหนึ่งพลางกล่าว
พริบตาต่อมา สุดขอบฟ้าทิศทางที่ผู้เฒ่าหั่วมองไป ก็ปรากฏร่างเหินตัดฟ้านํามาฉับไว เป็นชายชราในชุดคลุมสีเงินผู้หนึ่ง
ชายชราผู้นี้รูปร่างไม่อ้วนไม่ผอม ชุดคลุมสีเงินของมันขลิบทอง ปักลายซับซ้อนแลดูหรูหราไม่เบา เส้นผมทอดสลวยไปด้านหลังปานม่านน้ำตก รูปร่างหน้าตายังแลดูไม่แก่มากนัก เหมือนคนอายุไม่ถึง 45 ปี
อย่างไรก็ตามเส้นผมขนคิ้วของมันล้วนเป็นสีดอกเลา สมกับเป็นเซียนอมตะคนหนึ่ง
“เฟิงอวี้ คารวะท่านตา!”
พอชายชราในชุดคลุมเงินปรากฏตัว จาววังเทียนฉือโหวเฟิงอวี้ก็เป็นคนแรกที่ประสานมือโค้งคารวะทักทาย เหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามที่อยู่รอบๆโหยวเฟิงอวี้ วี่เอง ก็เร่งประสานมือโค้งคาระวะเช่นกันแค่กล่าวทักต่างกันว่า “คารวะใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์!”
“คารวะใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์!”
นอกจากชายชราในชุดคลุมเงินแล้ว ยังมีร่างอีก 2 ร่างติดตามอยู่ด้านหลังมันอย่างชิดใกล้
ทั้งหมดเป็นผู้ชราดุจเดียวกัน แต่เป็นชายชรากับหญิงชราคู่หนึ่ง ติดตามอยู่ด้านหลังชายชราชุดเงินด้วยท่าที่นอบน้อม ราวบริวารผู้ซื่อสัตย์
และทั้งสองก็เป็นดั่งมือซ้ายมือขวาของจักรพรรดิสวรรค์อู๋หยาเทียน เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่แข็งแกร่งที่สุด 2 คนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์อู๋หยาเทียน
ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งใน 2 คนนั่น ก็ล้วนแข็งแกร่งกว่าโหยวเฟิงอวี้มาก
อย่างไรก็ตาม แม้ 2 ชราจะร่วมมือกันก็ยังห่างไกลเกินกว่าจะเทียบกับเชวียหงอวี้ได้
“นั่นเหรอ จักรพรรดิสวรรค์อู๋หยาเทียน? เชวียหงอวี้?”
ด้านต้วนหลิงเทียนก็ชมดูชายชราคลุมเงินขลิบทองด้วยความสนใจ เพราะผู้เฒ่าหั่วพึ่งบอกเขาว่าอีกฝ่ายก็คือจักรพรรดิสวรรค์อู๋หยาเทียน มีนามว่าเชวียหงอวี้
“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์”
จังหวะนี้กระทั่งฉือหล่างก็โค้งคารวะเชวียหงอวี้ด้วยท่าทางจริงจังหน้าเคร่ง
สํารับศิษย์ด่านฉือหล่าง นอกจากฉือหย่าชีที่ยังยืนเฉยแล้ว ทั้งหมดก็เร่งโค้งคารวะอย่างเรียบๆร้อยๆ
จบกัน! ฉิบหายแน่! ตายห่ากันหมดล่ะงานนี้! งานเข้าแล้วไงศิษย์น้องเล็กเอ๊ย!!”
หงเฟยศิษย์พี่ 6 ของต้วนหลิงเทียน ได้แต่มองค้อนต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวเหยเกในแววตาเต็มไปด้วยความอัดอั้นอย่างบอกไม่ถูก
เพราะมันคิดไม่ออกจริงๆ!
ว่าไฉนศิษย์น้องเล็กของมันถึงไม่รีบหนีไปซะตั้แต่ตอนที่ยังมีโอกาส!
และไม่เพียงแต่หงเฟยเท่านั้น ศิษย์คนอื่นๆในด่านฉือหล่างรวมถึงตัวฉือหล่างเอง สีหน้าท่าทีก็ แลดูปั้นยากกันหมด
จักรพรรดิสวรรค์อู๋หยาเทียนมาแล้ว
ทุกคนเสมือนอยู่ในกํามือของจักรพรรดิสวรรค์อู๋หยาเทียนหมด!
“ฉือหล่าง”
จักรพรรดสวรรค์อู๋หยาเทียน เชวียหงอวี้ ที่ลอยร่างค้างกลางหาว กลอกตามามองจ้องฉือหล่างพลางเอ่ยออกเสียงหนัก “เฟิงอวี้ได้บอกเรื่องราวทั้งหมดให้ข้าทราบแล้ว”
“ตกลงเจ้าคิดทรยศวังเทียนฉือกระนั้นรึ?”
พอเสียงเชวียหงอวี้ดังถึงประโยคท้าย แววตาของมันก็ดุร้ายเอาเรื่องนัก
“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ ฉือหล่าง ไม่มีความคิดเช่นนั้น”
ฉือหล่างเร่งโบกมือไปมาพลางส่ายหัวปฏิเสธเร็วไว “วันนี้ข้าฉือหล่าง เพียงต้อนรับศิษย์คนที่ 7 ที่ย้อนกลับมาขอขมาลาโทษที่วังเทียนฉือเท่านั้น และหวังให้ศิษย์คนที่ 7 ที่สํานึกผิดออกจากวังเทียนฉือไปอย่างปลอดภัย”
“หึ!”
เชวียหงอวี้ พ่นลมขึ้นจมูกเสียงเย็น และในขณะเดียวกันกับที่สีหน้าฉือหล่างเริ่มซีดลง สายตาของเชวียหงอวี้ ก็เริ่มเบนไปตกยังร่างต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วที่ลอยอยู่ไม่ไกล
“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นคือต้วนหลิงเทียน!”
จักรพรรดิอมตะคลื่นหมอก ก้าวออกมาประสานมือกล่าวคํารายงานต่อเชวียหงอวี้ เร็วไว ยังไม่วายชี้ไปทางต้วนหลิงเทียนเขม็งราวเด็กน้อยขี้ฟ้อง “เป็นมันที่ปล่อยนักโทษในคุกหมื่นพันธนาการของวังเทียนฉือเราและเป็นคนปล่อยจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ ที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์เป็นคนจับมาด้วยตัวเองผู้นั้นไป”
“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์”
หลังจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอกกล่าวฟ้อง จักรพรรดิอมตะมังกรกู้ฉางเจียงคล้ายกลัวโลกวุ่นวายไม่พอ ก็เร่งกล่าววาจาใส่ไฟยกใหญ่ “เจ้าหนูต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ไม่เพียงแต่จะปล่อยนักโทษที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จับกลับมาเท่านั้น มันยังยั่วยุท้าทายใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์อีกด้วย”
“เพราะคราวนี้มันกล้าบุกมาวังเทียนฉือเราอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด แถมให้ผู้ติดตามเฒ่าด้านหลังมันลงมือเข่นฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือเราอย่างอุกอาจอีกด้วย!”
“จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับกับจักรพรรดิอมตะไว้ใจ ได้ถูกชายชราผู้นั้นฆ่าตายไปแล้ว!”
“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เป็นพวกเราไร้สามารถได้แต่ขอให้ใต้เท้าจัดการเฒ่าชราที่ติดตามสราเลวน้อยนี้ ทวงความเป็นธรรมให้วังเทียนฉือเราด้วยเถอะ!”
วาจาประโยคท้าย จักรพรรดิอมตะมังกรกู้ฉางเจียง ก็กล่าวไปก้มหัวให้เชวียหงอวี้ไป แลดูอ้อนวอนขอความเห็นใจ
“ท่านตา เจ้านั่นแม้รู้ทั้งรู้ว่าท่านคือตาของข้า แต่มันยังไม่สนใจสักนิด…มันไม่ได้ไว้หน้าท่านตาเลย”
โหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือเองก็ประพฤตตัวราวเด็กน้อยขี้ฟ้องอีกคน เรียกว่าสุมไฟให้แรงขึ้นไปอีก
เดิมทีต่อหน้าชายชราชุดแดงเพลิงผู้นั้น มันไม่มีแม้แต่ความกล้าใดๆ
ทว่าพอตามันที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์อู๋หยาเทียนมาแล้วแบบนี้ จิตใจมันก็กลับมาห้าวหาญอีกเพิ่มทันที!
เพราะในสายตาของมัน ขอเพียงตามันลงมือ นับประสาอะไรกับชายชราชุดแดง ให้มี 10 ชายชราชุดแดงก็ไม่พอให้ตามันฆ่า!
“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์”
สีหน้าฉือหล่างเปลี่ยนไปใหญ่หลวง เร่งก้าวออกมาแก้ต่างกับเชวียหงอวี้ ทันที “ลูกศิษย์ของข้ากับผู้อาวุโสที่ติดตาม เดิมทีก็ไม่ได้มีเจตนาลงมือใดๆ เพียงแค่ลงมือเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น…”
“ขอใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไตร่ตรองด้วย”
ตอนนี้ใจฉือหล่างเรียกว่าเสมือนถูกมือกุมบีบไว้อย่างแรง
“ขอใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไตร่ตรองด้วย!”
เหล่าศิษย์ในด่านฉือหล่าง ยกเว้นฉือหย่าชี ก็เร่งออกตัวกล่าวกับจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนด้วยท่าที่เคารพนอบน้อม
เพราะในสายตาของพวกมัน
หากวันนี้จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนมีโทสะขึ้นมาจริงๆ ศิษย์น้องเล็กได้ดับอนาถแน่!
ตอนนี้พวกมันไม่มัวมาคิดเรื่อง ไฉนศิษย์น้องเล็กถึงไม่รีบหนีอีกต่อไป พวกมันคิดแต่จะทําอย่างไรให้จักรพรรดิสวรรค์อู๋หยาเทียนไม่พิโรธหนักเท่านั้น
ยนจะเมตตาหรือบังเกิดความรักถนอมอัจฉริยะ
พวกมันแค่หวังว่าจักรพรรดิ ละเว้นศิษย์น้องเล็กของพวกมัน
“ใต้เท้าเชวียหงอวี้ พวกเราพบกันอีกแล้ว”
และในขณะที่ทุกคนให้ความสนใจกับท่าทีของเชวียหงอวี้ จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนนั้นเอง ด้านผู้เฒ่าหั่วที่ลอยร่างอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียนก็ปริปากกล่าวคําออกมา
ผู้เฒ่าหั่วยังมองเชวียหงอวี้ด้วยสายตาท่าทีเฉยเมย ถึงแม้ยามเอ่ยทักจะมีคําว่า “ใต้เท้า” นําหน้าชื่อ แต่ในน้ำเสียงกลับไม่ได้เผยถึงความเคารพให้เกียรติใดๆทั้งสิ้น
“หืม?”
พอผู้เฒ่าหั่วกล่าวทักออกมา โหยวเฟิงอวี้ และคนอื่นๆก็ตกใจไม่น้อย หรือชายชราในชุดคลุมแดงเพลิงผู้นี้จะรู้จักจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโหยวเฟิงอวี้ ตอนนี้ในใจของมันบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก!
“ทะ….ท่านคือผู้เฒ่าหั่ว!?”
ขณะเดียวกัน เชวียหงอวี้เองที่มองจ้องผู้เฒ่าหั่วแต่แรก พอจดจําได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครมันก็แตกตื่นยกใหญ่ จนมาได้ยินคําทักของผู้เฒ่าหั่วมันก็ดึงสติกลับเข้าร่าง เอ่ยถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว
“ข้าไม่คิดเลยว่าใต้เท้าเชวียหงอวี้ จะยังจดจําข้าได้ ข้าดีใจจริงๆ”
ผู้เฒ่าหั่วคลี่ยิ้มบางๆ
“อั้ยหยา! ไหนเลยข้าจะจําผู้เฒ่าหั่วไม่ได้กันเล่า ฮ่าๆๆ”
เชวียหงอวี้ หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น จากนั้นสายตาที่ใช้มองผู้เฒ่าหั่วก็ทําราวกับมองสหายเก่าที่ไม่ได้พบเจอมานาน “ผู้เฒ่าหั่วอย่าได้ล้อข้าเล่นแล้วกล่าวไปเรื่องครั้งก่อนข้ายังต้องขอบคุณผู้เฒ่าหั่วแล้วจริงๆ”
“เรื่องเก่าแล้วอย่าได้เอ่ยถึงเถอะ”
ผู้เฒ่าหั่วส่ายหัวไปมา
“ท่านตา ท่าน…ท่านรู้จักกับมันด้วยหรือ?”
โหยวเฟิงอวี้ เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปถามผู้เป็นตายกใหญ่
ด้านจักรพรรดิอมตะสมญานามที่อยู่รอบๆโหยวเฟิงอวี้เอง ก็เอาแต่จับจ้องมองไปยังเชวียหงอวี้เป็นสายตาเดียวกัน
และรอบนี้กระทั่งฉือหย่าซียังมองเชวียหงอวี้ ด้วยความสนใจ นับประสาอะไรกับ ฉือหล่างและคนอื่นๆ
ฉือหล่างกับศิษย์อีกพี่ทั้ง 5 คนของต้วนหลิงเทียน เรียกว่าหันขวับไปจับจ้องเชวียหงอวี้ด้วยตาลุกวาว เพราะยากจะเชื่อจริงๆที่เชวียหงอวี้ จะเอ่ยทักอะไรกับชายชราคลุมแดงเพลิงออกมาแบบนั้น!
ขณะเดียวกัน พอย้อนนึกถึงความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันที
เพราะตัดสินจากสถานการณ์ในปัจจุบัน
เห็นได้ชัดว่าเชวียหงอวี้ มีไมตรีกับผู้เฒ่าหั่ว แถมยังไม่น่าจะรู้จักกันธรรมดาๆ