“นั่นมัน…ดูเหมือนจะเป็นท่องห้วงอวกาศ? เจ้าเด็กคนนี้มันกลับมีวิชาลับเช่นนั้นติดตัวด้วยหรือ!” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นมองออกทันทีว่าวิชาที่เย่หยวนใช้เดินทางในห้วงโกลาหลนั้นคืออะไร
“มันกลับเป็นท่องห้วงอวกาศ! ตำนานว่ากันนานนี่มันคือวิชาลับที่ทำให้สามารถเดินทางผ่านมิติได้ราวกับเป็นแผ่นดินปกติ! ได้เห็นวันนี้มันก็สมชื่อดีเสียจริง!” เจ้าโลกเฮยหยางกล่าวขึ้นตาม
“ได้ยินมาว่าวิชาลับนี้มันมีแต่มังกรฟ้าโกลาหลเท่านั้นที่ใช้ได้! เจ้าเด็กนี่มันแค่จักรพรรดิเที่ยงแท้ๆ แต่จะบอกว่าสายเลือดของมันพัฒนาไปถึงระดับนั้นแล้วหรือ?”
…
ได้เห็นเย่หยวนเดินทางผ่านห้วงโกลาหลไปนั้นเหล่าเจ้าโลกทั้งหลายก็ต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
มันช่างเป็นวิชาที่เหนือล้ำความคาดเดาไปนัก
มังกรฟ้าโกลาหลนั้นมันเป็นตัวตนที่แม้แต่ในหมู่เจ้าโลกด้วยกันนั้นก็นับว่าทรงพลังอย่างมาก
และท่องห้วงอวกาศอันนี้มันคือสิ่งที่ทำให้เจ้าโลกต้องอิจฉาได้
หากใช้วิชานี้ได้แล้วพวกเขาย่อมจะสามารถไปมาระหว่างสวรรค์ได้อย่างไม่มีอะไรขัดขวาง!
เดิมทีแล้วเย่หยวนนั้นย่อมจะไม่สามารถบ่มเพาะท่องห้วงอวกาศนี้ได้แต่ว่าหลังจากดูดซับสระโลหิตของเผ่าเลือดทั้งสองสระลงสิ้นสายเลือดของเขามันก็พัฒนาขึ้นอย่างมากจนถึงระดับต่ำสุดที่จะฝึกวิชานี้ได้
จากนั้นเขาก็ใช้เวลาไม่นานในการฝึกท่องห้วงอวกาศนี้ให้สำเร็จ
แน่นอนว่าความสำเร็จของเขานั้นมันไม่อาจจะเอาไปเทียบกับท่องห้วงอวกาศของหมี่เทียนในสมัยก่อนได้เลย
แต่เมื่อได้เจ้าโลกหยุนซานนั้นช่วยมันก็พอที่จะเดินทางได้
ได้เห็นสีหน้าตกตะลึงของเจ้าโลกทั้งหลายนั้นหยุนซานเองก็ต้องหัวเราะลั่นขึ้นมาในใจ!
‘ศิษย์พ่อเจ้าคนนี้มันเก่ง!’
‘พวกเจ้าโง่ทั้งหลายเตรียมล้างคอรอไว้เถอะ!’
…
ฟุบ!
เย่หยวนนั้นตกลงมาในโถงใหญ่หนึ่งด้วยสีหน้ามึนงง
ภายในโถงใหญ่นี้มันมีคนมากมายกำลังทำพิธีสักการะและจู่ๆ เขาก็โผล่ออกมาขวางหน้าพวกเขา
กลุ่มคนตรงหน้านั้นหันมามองเขาด้วยความตกตะลึง
เจ้าบ้านี่มันโผล่มาจากไหน?
เย่หยวนมองไปรอบๆ โถงและพบว่ามันมีลักษณะของถ้ำใหญ่ที่ถูกปรับให้กลายเป็นห้องโถง
สุดโถงใหญ่นั้นมันมีรูปปั้นหนึ่งตั้งอยู่ด้วยท่าทางที่ทรงพลังอย่างมากที่สุด
แต่ใบหน้าของรูปปั้นนั้นมันกลับเบลอๆ
แต่เย่หยวนนั้นกลับรู้สึกคุ้นท่าทางของรูปปั้นนี้ไม่น้อย!
“เผ่าเลือด! ฆ่ามัน!”
ยอดฝีมือทั้งหลายนั้นต่างร้องลั่นอย่างแตกตื่น
จากนั้นมันก็ตามมาด้วยจิตสังหารรุนแรง!
ยอดฝีมือทั้งหลายนั้นมุ่งหน้าเข้ามาหาเขาทันที
แต่ว่าคลื่นพลังเลือดบนร่างของเย่หยวนนั้นมันหนาแน่นจนไม่อาจจะปกปิดได้ด้วยวิธีใดๆ
กำลังของคนที่อยู่ในโถงนี้มันไม่อ่อนแอ ที่เก่งกาจที่สุดนั้นเป็นถึงมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์!
เสียงที่สั่งขึ้นมานั้นมันก็ดังจากปากของเขา
นอกจากมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์คนนี้แล้วมันยังมีจักรพรรดิเที่ยงอีกมากมายในโถงใหญ่
ชัดเจนเลยว่านี่มิใช่นิกายค่ายสำนักเล็กๆ
เย่หยวนในตอนนี้มีไม้ตายมากมายแต่ช่องว่างระหว่างจักรพรรดิและมหาจักรพรรดินั้นมันยิ่งใหญ่ ตอนนี้เขาไม่อาจจะต่อสู้กับมหาจักรพรรดิจริงๆ ได้
ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นแค่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นต้นก็ตาม
เย่หยวนเองก็ไม่นึกฝันว่าวินาทีแรกที่มาถึงเขากลับจะตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูไป
นิกายนี้ดูอย่างไรมันก็คงไม่ถูกกับเผ่าเลือดอย่างมาก ตอนนี้มหาจักรพรรดิคนนั้นปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่กดดันเย่หยวนไม่ให้หนีไปไหนได้
จักรพรรดิเที่ยงคนอื่นๆ เองก็ตามติดมาปิดทางหนีเย่หยวนสิ้น
ด้านหลังของเย่หยวนนั้นกำแพงเขตแดนสวรรค์มันก็ค่อยๆ ปิดหายลงไปทำให้เย่หยวนตกอยู่ในวงล้อมอย่างไม่มีทางหนีถอยไปไหนอีก
เย่หยวนขนลุกตั้งแต่จู่ๆ สายตาของเขาก็มองไปเห็นรูปปั้นและคิดอะไรขึ้นมาได้จึงร้องลั่นออกมา “หางหยาง!”
เสียงร้องนี้มันมีประโยชน์จริง!
เพราะมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์คนนั้นหยุดตัวลงทันทีพร้อมมองหน้าเย่หยวนอย่างมึนงง “เจ้าออกมาจากกำแพงเขตแดนสวรรค์แท้ๆ ทำไมถึงรู้ชื่อบรรพบุรุษเราได้?”
เย่หยวนถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก หยุนซานได้ช่วยชีวิตเขาไว้แล้ว!
แต่แน่นอนว่าอันตรายมันยังไม่ผ่านพ้นไป
หากเขาไม่สามารถอธิบายคลื่นพลังเลือดจากร่างนี้ได้มันก็คงมีแต่ต้องตายอยู่ดี
เย่หยวนมองหน้ามหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์คนนั้นและกล่าวขึ้น “หางหยางนั้นเป็นบรรพบุรุษของเจ้า เช่นนั้นที่นี่คือนิกายโอสถประเสริฐ?”
คำพูดนี้มันยิ่งทำให้มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์คนนั้นลังเลขึ้นกว่าเก่าก่อนจะพยักหน้ารับในที่สุด “ใช่แล้ว!”
“ท่านเจ้านิกายจะไปพูดกับเผ่าเลือดมันทำไมให้มากความ? บรรพบุรุษหางหยางท่านเองก็ตายด้วยมือของเผ่าเลือด ดังนั้นรีบๆ ฆ่ามันเพื่อล้างแค้นให้ท่านบรรพบุรุษเถอะ!”
“หลายปีมานี้มันมีคนในนิกายโอสถประเสริฐเราตายไปเพราะเผ่าเลือดมากมายปานใด? ท่านเจ้านิกาย เลิกพูดกับมันเถอะ!”
“สังหารมันเถอะ!”
…
การปรากฏขึ้นของเย่หยวนนั้นทำให้หลายคนแทบคลั่ง
เรื่องนี้ทำให้เย่หยวนเดาได้ทันทีว่าเผ่าเลือดเองก็คงมาบุกรุกรานสวรรค์โมฆะเกินดุลนี้ไว้มากเช่นกัน!
แต่เจ้านิกายคนนั้นกลับยกมือขึ้นห้ามคนทั้งหลาย “ฟังมันพูดก่อน!”
ได้เห็นท่าทางของเจ้านิกายคนนั้นเย่หยวนก็ถอนใจยาวออกมา
เพราะวินาทีที่เขามาถึงนั้นรูปปั้นนี้มันช่างดูคุ้นตาเหลือเกิน
แต่ตอนนั้นเขายังไม่มีเวลาวิเคราะห์อะไรแต่วินาทีเดียวกันนั้นเขาก็นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวที่เจ้าโลกหยุนซาน เล่าถึงว่าเมื่อราวเจ็ดหมื่นปีก่อนนั้นเขาได้เดินทางมายังสวรรค์โมฆะเกินดุลและตอนที่เขาเพิ่งออกจากกำแพงเขต แดนสวรรค์มานั้นเขาได้พบเด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้าและสั่งสอนเขาไปนิดหน่อย
เด็กหนุ่มคนนั้นมีนามว่าหางหยาง
นิกายโอสถประเสริฐในตอนนั้นคนที่เก่งกาจที่สุดก็เป็นเพียงแค่นักยุทธพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำเท่านั้น ถือว่าเป็นค่ายนิกายที่อ่อนแออย่างมาก
หางหยางในตอนนั้นเป็นเพียงแค่นักยุทธพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยด้วยซ้ำ นอกจากนั้นยังเป็นตัวประหลาดของนิกาย
แต่ว่าหางหยางคนนี้มีความขยันหมั่นเพียรมาก ซ่อนตัวฝึกฝนอยู่ในถ้ำเพื่อศึกษาเต๋า
เจ้าโลกหยุนซานนั้นเห็นแล้วก็เกิดชอบใจจึงได้สั่งสอนหางหยางไปเล็กน้อย
เจ้าโลกหยุนซานนั้นคือใคร?
สำหรับนักยุทธพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยแล้วคำสอนของเขามันย่อมจะเป็นประโยชน์ไปชั่วชีวิต
แต่ว่าจะอย่างไรนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยก็เป็นแค่มดปลวกในสายตาเจ้าโลก
เจ้าโลกหยุนซานย่อมจะไม่เสียเวลากับมดปลวกมากมาย
เขานั้นอยู่ในนิกายโอสถประเสริฐห้าวันและออกเดินทางไป
เรื่องราวหลังจากนั้นหยุนซานย่อมจะไม่คิดสนใจอีก
ก่อนที่จะจากมานั้นเจ้าโลกหยุนซานได้บอกเล่าเรื่องราวที่เขารู้ทั้งหมดเกี่ยวกับสวรรค์โมฆะเกินดุลให้เย่หยวนฟัง
โชคยังดีที่เย่หยวนหัวเร็วไม่เช่นนั้นมันคงถึงชีวิตแน่ๆ
ส่วนเรื่องของรูปปั้นนั้นมันย่อมจะแตกต่างจากตัวจริงของเจ้าโลกหยุนซานอย่างมาก
เย่หยวนย่อมจะไม่สามารถมองมันออกได้
เพราะอย่างไรนักยุทธพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่ง ย่อมจะไม่อาจมองเห็นตัวตนของเจ้าโลกได้
และจะไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
หางหยางนั้นเห็นเพียงแค่ภาพเบลอๆ เท่านั้น
แท้จริงแล้วหากเจ้าโลกหยุนซานจงใจไม่เผยตัวให้เย่หยวนเห็น
ตัวเย่หยวนตอนนี้เองก็ยังไม่อาจจะเห็นหน้าที่แท้จริงของเขาได้เช่นกัน
เพราะตัวตนระดับนั้นแต่ละท่วงท่าของเขานั้นคือเต๋า!
หากไม่ถึงระดับมหาจักรพรรดิแล้วมันย่อมจะไม่อาจเห็นตัวตนของพวกเขาได้!
ดูท่าแล้วเวลาแค่ห้าวันที่ได้รับคำสั่งสอนนั้นมันคงเปลี่ยนชีวิตของหางหยางไปสิ้นเชิง เปลี่ยนนิกายโอสถประเสริฐน้อยๆ ให้กลายเป็นนิกายยักษ์ใหญ่ได้
ดูจากท่าทางของเจ้านิกายแล้วเขาย่อมจะได้ยินได้ฟังเรื่องราวมาไม่น้อย
เย่หยวนมองหน้าเจ้านิกายคนนั้นและหยิบเอากระบอกยาสูบแก้วสมบัติออกมา “ในเมื่อเจ้ารู้จักเขาแล้วเจ้าเคยได้ยินถึงสิ่งนี้หรือไม่?”
เจ้านิกายนั้นต้องเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างตกตะลึง “นี่มัน…เป็นไปไม่ได้น่า! เจ้าไปเอากระบอกยาสูบนี้มาได้อย่างไรกัน?”
เพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่หางหยางนั้นจำแม่นที่สุดได้เกี่ยวกับเจ้าโลกหยุนซานนั้นคือกระบอกยาสูบอันนี้
ตอนนี้เขาคิดว่าเจ้าโลกหยุนซานนั้นคือเทพจากสวรรค์ไม่กล้าจะถามอะไรออกไป
หลังจากที่เขาเริ่มเติบโตขึ้นมาเป็นยอดฝีมือเองแล้วเขาถึงพอเข้าใจว่าตัวตนของเจ้าโลกหยุนซานนั้นคืออะไร
แต่ว่าภาพของเจ้าโลกหยุนซานที่สูบกระบอกยานั้นมันยังคงติดตาหางหยางอยู่ตลอด
รูปปั้นนี้มันไม่มีกระบอกยาสูบติดอยู่เพราะว่าเขานั้นได้สร้างกระบอกยาสูบแยกไว้เพื่อทำการสักการะต่างหาก
เจ้านิกายย่อมจะรู้ถึงรูปร่างกระบอกยาสูบนั้น
กระบอกยาสูบแก้วสมบัติในมือของเย่หยวนนั้นมันดูเหมือนกับกระบอกยาสูบที่หางหยางสร้างขึ้นไม่มีผิดเพี้ยน!
เพราะฉะนั้นเจ้านิกายจึงต้องร้องลั่นขึ้นมา!
เย่หยวนมองหน้าเจ้านิกายและกล่าวขึ้นด้วยเสียงถอนหายใจยาว “หากข้าเดาไม่ผิด หางหยางนั้น…คงนับได้ว่าเป็นศิษย์พี่คนหนึ่งของข้า!”
……………………….