ตอนที่ 1834 : คฤหาสน์แม่ทัพ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1834 : คฤหาสน์แม่ทัพ

“คุณหนู ท่านพูดถูกแล้ว นี่คือหัวหน้าตระกูลเทียนหยวน” เผิงเฟยพูดขึ้น ทันทีที่เขาคิดว่าคุณหนูได้พูดกับเจี้ยนเฉินอย่างเป็นกันเองโดยไม่รู้ฐานะของเจี้ยนเฉิน เขาก็ได้แต่ยิ้มขมขื่นในใจ

คุณหนูคนนี้ปกติแล้วค่อนข้างฉลาด แต่ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ไม่รู้อะไรเลยได้ ? นางไม่รู้เรื่องนี้จากท่าทีของกองทัพว่าไม่ได้มาจับกุมเจี้ยนเฉินรึไงกัน ?

รั่วรั่วตะลึงเมื่อรู้ตัวตนของ เจี้ยนเฉิน นางมองใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเจี้ยนเฉินด้วยความเหลือเชื่อ

นางคิดแล้วว่าเจี้ยนเฉินต้องมีภูมิหลังที่โดดเด่นซึ่งน่าจะมาจากตระกูลที่มีขั้นเหนือเทพ ไม่งั้นแล้วมันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีเหรียญผลึกระดับสูงมากมายถึงกับซื้อวัตถุเซียนระดับสูงได้

แต่นางไม่คิดว่าคนที่บอกว่าต้องการซื้อวัตถุเซียนระดับสูงสุดและโดนคนเข้าใจผิดคิดว่าจะทำให้นางสนใจนี้จะเป็นหัวหน้าตระกูลเทียนหยวนที่โด่งดัง เจี้ยนเฉิน !

ตอนนั้นแม้แต่รั่วรั่วก็พบว่ามันเหลือเชื่อกับการเปลี่ยนแปลงฐานะฉับไวเช่นนี้

เทียบกับซวนรั่วรั่วและคนอื่น ๆ ที่ตกตะลึงแล้ว หัวหน้ายามรู้สึกราวกับเพิ่งลงนรก ไม่ใช่แค่ร่ายกายที่สั่นไหวอย่างรุนแรงแต่ขาก็ยังสั่นตามไปด้วย

“ข้าจบสิ้นแล้ว ชายคนนี้เป็นหัวหน้าตระกูลเทียนหยวนได้ยังไง ? หยางเทีย จากทุกคนที่เจ้าไปหาเรื่อง เจ้าเพิ่งจะหาเรื่องหัวหน้าตระกูลเทียนหยวน เจ้าทำให้ข้าซวยไปด้วย” หัวหน้ายามสะอื้นในใจ ในเวลาเดียวกันหน้าของเขาก็ซีดเผือด

เขาคือหัวหน้ายามแต่เมืองหลวงนี้ใหญ่ มันมียามแบบเขานับไม่ถ้วนในเมืองนี้ แม้ว่าเขาจะทำงานให้กับทางการแต่ฐานะเขาก็ไม่ได้พิเศษอะไร ไม่มี่ใครช่วยเขาได้เมื่อเขาหาเรื่องขั้นเหนือเทพ

แม้ว่าตระกูลที่มีขั้นเหนือเทพจะหนุนหลังเขา แต่ก็มีขั้นเหนือเทพน้อยคนนักที่จะก้าวออกมาช่วยเขา

ยังไงซะการหาเรื่องขั้นเหนือเทพโดยจงใจก็ต่างจากการโดนขั้นเหนือเทพก่อกวนโดยไม่ตั้งใจ

ตอนนั้นหัวหน้ายามก็ได้คุกเข่าลงไปและก้มหน้าให้กับเจี้ยนเฉิน ตอนที่หน้าผากโขกลงกับพื้น มันก็เกิดเสียงดังขึ้นมา เขาไม่ได้ใช้พลังดั้งเดิมในการป้องกันตัว เพราะแบบนั้นหลังจากที่โขกพื้นไปไม่กี่ครั้ง หน้าผากเขาก็โชกเลือด

“หัวหน้าตระกูล ข้าผู้นี้หยิ่งทะนง ข้าผู้นี้ไม่รู้ว่าท่านจะมาเมืองหลวงด้วยตัวเอง” ท่าทีของหัวหน้ายามเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาคำนับและขอให้ยกโทษให้กับความผิดในครั้งนี้

แม้แต่ทั้งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน มันก็มีขั้นเหนือเทพอยู่แค่สิบกว่าคน ทุกคนต่างก็มีฐานะที่โดดเด่นในอาณาจักร เขาเข้าใจดีว่าการหาเรื่องขั้นเหนือเทพนั้นจะส่งผลยังไง

แม้ว่าเขาจะมีเส้นสายกับตระกูลหยางเพราะเขาแต่งงานกับคนตระกูลหยาง แต่ภรรยาของเขาก็ไม่ได้มีฐานะพิเศษอะไรในตระกูล ตระกูลหยางไม่มีทางออกตัวแทนเขาแน่

เผิงเฟยมองไปที่หัวหน้ายามด้วยสายตาเย็นชา ในสายตาเขาไม่ได้มีความสงสารเลยแม้แต่น้อย เขาหันกลับไปหา เจี้ยนเฉินและถามขึ้นมา “หัวหน้าตระกูล ท่านต้องการจัดการกับชายคนนี้ยังไง ? ”

เจี้ยนเฉินยักไหล่ เขามองไปที่หัวหน้ายามและถอนหายใจออกมา “เจ้าไปได้ แต่ในฐานะหัวหน้ายามแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง”

หัวหน้ายามได้ออกจากที่นั่นหลังจากที่ขอบคุณเจี้ยนเฉิน

“ หัวหน้าตระกูล แม่ทัพซวนได้เชิญท่านไปที่คฤหาสน์ ข้าสงสัยว่าท่านจะตกลงหรือไม่ ? ” เผิงเฟยพูดพร้อมกับป้องมือ

“ข้าเองก็อยากไปหาแม่ทัพซวน เช่นกันแต่มันคงดูสะดุดตาเกินไปหากข้าไปกับทหารของเจ้า เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะไปที่นั่นเอง” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น

“ขอรับ ! ” เผิงเฟยป้องมือให้กับเจี้ยนเฉิน ก่อนจะออกไปกับหัวหน้องกอง 2 คนของเขา

รั่วรั่วเองก็ไม่ได้อยู่ต่อหลังจากที่เผิงเฟยออกไป นางได้ลาเจี้ยนเฉินอย่างสุภาพทันที

ในพริบตาห้องที่เจี้ยนเฉินอยู่ก็ว่างเปล่าอีกครั้ง มันมีแค่รอยเลือดที่พื้นแสดงถึงสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น

เจี้ยนเฉินมองไปที่เลือดตรงพื้นและถอนหายใจออกมา “ข้าไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้น ดูเหมือนว่าเมืองหลวงไม่ได้ดีแบบที่ข้าเชื่อว่ามันจะเป็น กฎของเมืองหลวงส่งผลต่อผู้บ่มเพาะทั่วไป แต่มันโดนตระกูลใหญ่มองข้าม”

หลังจากที่ถอนหายใจ เจี้ยนเฉินก็กระโดดออกหน้าต่างไป เขากลายเป็นภาพพร่ามัวและพุ่งออกไปทันที เขาเคลื่อนที่ได้ราวกับสายลมโดยที่ผู้บ่มเพาะในถนนด้านล่างไม่อาจจะเห็นเขาได้เลยแม้แต่น้อย

มันมีคฤหาสน์แม่ทัพทั้งหมด 5 ที่ในเมืองหลวง พวกมันตั้งอยู่ทางทิศเหนือ, ใต้, ตะวันออก, ตะวันตกและใจกลาง คฤหาสน์ที่อยู่สี่ทิศของเมืองเป็นของแม่ทัพที่คอยดูแลอาณาเขต พวกนั้นมักจะอยู่ที่ชายแดนอาณาจักรและยากจะกลับมาที่เมืองหลวง

คฤหาสน์ที่ใจกลางเมืองเป็นของซวนเตา

ไม่ใช่แค่ซวนเตาเป็นขั้นเหนือเทพช่วงปลาย แต่เขากัยงเป็นแม่ทัพของกองทัพศักดิ์สิทธิ์ เขาคือคนที่ควบคุมกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ผิงเทียน ในด้านของฐานะแล้วเขาคือคนที่เป็นรองแค่ไม่กี่คน

แต่ซวนเตามักจะไม่ทำตัวเด่นและยากจะปรากฏตัว ผลก็คือชื่อเสียงของเขาภายในอาณาจักรนั้นจึงด้อยกว่าตระกูลหยาง

หลังจากที่ออกจากโรงเตี้ยมมา เจี้ยนเฉินก็ได้มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ที่อยู่ใจกลางเมือง แม้ว่าเมืองหลวงนี้จะใหญ่โต แต่เขาก็ใช้เวลาไม่นานก่อนจะไปถึงหน้าทางเข้าคฤหาสน์

“ฮ่าฮ่า น้องเจี้ยนเฉิน ในที่สุดเจ้าก็มา ดูเหมือนว่าคฤหาสน์ข้าจะเล็กเกินไป ข้ารอเจ้ามาหลายสิบปีแล้ว ในที่สุดเจ้าก็มา” ตอนนั้นซวนเตาได้ออกมาจากด้านในและหัวเราะขึ้น ตอนนั้นเขาสวมเสื้อผ้าที่ดูธรรมดาอยู่

“ข้าเองก็อยากมาเยี่ยมท่านก่อนหน้านี้ แต่ข้ามักจะบ่มเพาะอยู่ ข้าเพิ่งจะออกมาเมื่อไม่นานมานี้” เจี้ยนเฉินป้องมือให้กับซวนเตา ก่อนจะอีกฝ่ายจะเชิญเขาเข้าไปในคฤหาสน์

เจี้ยนเฉินและซวนเตาพูดคุยอย่างเป็นกันเองในห้องรับแขก พวกเขาพูดคุยกันในเรื่องประสบการณ์การบ่มเพาะและความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกเซียน พวกเขาพูดกันกว่า 15 ชั่วยามก่อนที่จะหยุด

“โอ้ ใช่สิ แม่ทัพซวนเตา ข้ามีเรื่องที่จะถามท่าน” จู่ ๆ เจี้ยนเฉินก็หยุดยิ้ม

“ อะไรรึ น้องเจี้ยนเฉิน ? ว่ามาเลย ไม่จำเป็นต้องสุภาพ ” ซวนเตาพูดขึ้นอย่างพอใจ

เจี้ยนเฉินลุกขึ้นยืน เขาโบกมือเอาโลงศพผลึกออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มแล้ววางมันที่พื้นเบา ๆ