ตอนที่ 1835 : วิธีช่วยไคยะ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1835 : วิธีช่วยไคยะ

ในโลงผลึกมีสัตว์อสูรขนาดเท่ากับกำปั้นอยู่ มันดูราวกับมดมีปีกและเปล่งแสงสีแดง, ส้มและเหลืองอกมา ในเวลาเดียวกันตาของมันก็มองไปที่ซวนเตา บ่งบอกถึงความระวังตัวอย่างมาก

“หือ ? สัตว์อสูรน้อยนี่เป็นขั้นเทพแล้วแต่มันยังไม่มีร่างมนุษย์” ซวนเตาแปลกใจเมื่อเห็นสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสี

สัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการทำความเข้าใจคำพูดของซวนเตา มันเงยหน้าขึ้นแสดงความไม่พอใจต่อซวนเตา

“เจ้ากำลังดูถูกข้าอยู่” ซวนเตาอดไม่ได้ที่จะยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เป็นแม่ทัพกองทัพศักดิ์สิทธิ์และเป็นขั้นเหนือเทพช่วงปลายที่โดนสัตว์อสูรที่เป็นแค่ขั้นเทพดูถูก

เจี้ยนเฉินละสายตาจากสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีและมองไปที่ไคยะซึ่งนอนอยู่ในโลงผลึก เขาได้พูดขึ้นมา “แม่ทัพซวน นี่คือสหายของข้า นางได้รับบาดเจ็บหนักมาในอดีตและหมดสติไป แต่ข้ารักษาแผลบนตัวนางจนหายดีแล้วและข้าก็ใช้สมบัติสวรรค์ที่เด่นเรื่องการฟื้นฟูวิญญาณให้กับนาง แต่นางก็ยังไม่ได้สติ ท่านรู้หรือไม่ว่ามีวิธีใดบ้างให้สหายข้าได้สติขึ้นมา ? ”

หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น ซวนเตาจึงได้ละสายตาจากสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสี เขามองไปที่โลงผลึกที่ไคยะนอนอยู่ด้วยความสนใจ เพราะความต่างด้านพลัง เขาจึงตรวจสอบร่างกายของไคยะได้โดยไม่ต้องเปิดโลงศพ สถานการณ์นั้นทำให้เขาต้องคิ้วขมวด

หลังจากที่เงียบไปสักพัก ซวนเตาก็พูดขึ้นมาว่า “เจี้ยนเฉิน สหายของเจ้าไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ในเวลาเดียวกันพลังชีวิตของนางก็ยังมากมายโดยไม่ได้ถูกแตะต้องเลยแม้แต่น้อย ผลก็คือมันเป็นไปได้ที่จะสรุปว่าเหตุผลที่นางหมดสตินี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับร่างกายของนาง มันต้องเป็นเหตุผลอื่น โอ้ ใช่สิ เพื่อนเจ้าหมดสติไปนานแค่ไหนแล้ว ? ” ซวนเตามองไปที่เจี้ยนเฉิน

“เกือบร้อยปีได้” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น

“ร้อยปี” ซวนเตาขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม เขากอดอกเดินวนรอบโลงศพด้วยตาที่เป็นประกาย เขามองไปที่ไคยะพร้อมกับครุ่นคิด

“ข้าคาดเดาว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับวิญญาณแต่ข้าไม่อาจจะพบปัญหาได้เลย ข้าได้ใช้สมบัติสวรรค์สำหรับวิญญาณของนางด้วย แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลเลยแม้แต่น้อย” เจี้ยนเฉินถอนหายใจออกมา เขาหมดหนทาง เขาได้แต่สรุปว่าปัญหาของไคยะนั้นอยู่ที่วิญญาณของนาง

แต่เนื่องจากปัญหามันเกิดขึ้นกับวิญญาณ น้ำแค่หยดเดียวของไผ่จิตวิญญาณม่วงก็น่าจะเพียงพอทำให้นางฟื้นตัวได้ เขาเองก็ได้ใช้น้ำแบบนั้นมาก่อนในอดีต ดังนั้นเขาจึงเข้าใจว่ามันมีผลการทำงานยังไงและเนื่องจากน้ำหยดหนึ่งนั้นไม่ได้ผล เขาจึงได้ลองใช้มันหลายหยด แต่มันก็ยังไร้ประโยชน์อยู่ดี

ในสายตาของเขา ไคยะเป็นเซียนจักรพรรดิ นางยังไม่เข้าใกล้ขอบเขตดั้งเดิม เพราะแบบนั้นนี่ไม่ต้องนับหยดเดียวเลย แม้แต่ครึ่งหยดหรือน้อยกว่านั้นก็น่าจะพอทำให้นางฟื้นคืนจากความตายได้

แต่เจี้ยนเฉินไม่คิดว่านี่เป็นเพราะไคยะเป็นแค่เซียนจักรพรรดิ

“ปัญหาของวิญญาณคือเรื่องที่แก้ได้ยากที่สุด นี่ไม่ต้องพูดถึงการที่สหายของเจ้านี้อ่อนแอเกินไป นางยังไม่เข้าถึงขอบเขตเทพ ดังนั้นนางจึงไม่อาจจะทนรับบาดแผลทางวิญญาณได้ น้องเจี้ยนเฉิน ข้าแนะนำให้เจ้าหาสมบัติสวรรค์หรือยาขั้นสูง แม้ว่าเจ้าจะใช้สมบัติสวรรค์กับนางมาแล้วในอดีต แต่เจ้าก็ต้องเข้าใจว่ามันมีสมบัติสวรรค์มากมายและมันก็มีคุณสมบัติของตัวมันเอง บางทีอันที่เจ้าใช้นั้นอาจจะไม่เหมาะกับอาการของสหายเจ้า” ซวนเตาแนะนำ เขาเองก็หมดหนทางกับความเสียหายทางวิญญาณ

เจี้ยนเฉินถอนหายใจออกมา เขาเก็บโลงผลึกไป เขาไม่อาจจะทำอะไรได้กับเรื่องไคยะ ตอนนี้ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้ถามซวนเตา

จู่ ๆ สีหน้าของซวนเตาก็เปลี่ยนไป เขาได้พูดขึ้นมาว่า “ในอีกสามวัน สมาคมการค้าของราชสำนักจะจัดการประมูลในรอบร้อยปี กลุ่มนี้คือกลุ่มการค้าที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน ไม่ใช่แค่พวกเขามีธุรกิจทั่วอาณาจักร แต่พวกเขาก็ยังกระจายสาขาไปทั่วอาณาจักรอื่น พวกเขามีของมีค่าในหมู่ของที่พวกเขาสะสมไว้และในการประมูลครั้งนี้ ข้าคิด่วามันจะมีสมบัติสวรรค์ที่จัดการกับปัญหาด้านวิญญาณอย่างบัวดึงวิญญาณ น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าลองไปเอามันมาใช้ดูก็ได้ “

“บัวดึงวิญญาณ” เจี้ยนเฉินพึมพำ ตาเขาเป็นประกายขึ้นมา

“แต่สมบัติสวรรค์ทั้งหมดที่ฟื้นฟูวิญญาณโดยไม่ว่าจะอยู่ขั้นไหนก็แพงกว่าสมบัติสวรรค์อื่น ๆ ในขั้นเดียวกันหลายสิบเท่า มันอาจจะยิ่งกว่าเดิมหากมีองค์ประกอบมากกว่านั้น น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าต้องเตรียมพร้อม โอ้ ใช่สิ ข้าเพิ่งได้ก้อนผลึกระดับสูงก้อนใหญ่ 5 ก้อนมา เอามันไปซะ” ซวนเตาพูดขึ้นพร้อมกับส่งก้อนผลึก 5 ก้อนให้

“ ขอบคุณที่หวังดี แม่ทัพซวน แต่ข้าเองก็มีเหรียญผลึกอยู่กับตัว การซื้อสมบัติสวรรค์คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก” เจี้ยนเฉินปฏิเสธ ไม่นานเขาก็ร่ำลาซวนเตาแล้วออกจากคฤหาสน์ไป

ในอีกเขตของเมืองหลวง มีผู้หญิง 2 คนในชุดขาวเดินเข้าออกตามท้องถนนที่คึกคัก พวกนั้นเหมือนไม่ได้หมดแรงและเดินไปมาตามร้านต่าง ๆ ด้วยความสนใจ เมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นของต้องตา พวกนางก็จะซื้อโดยไม่สนว่าราคาเท่าไหร่ ใครจะไปรู้ว่าพวกนางซื้อของมากี่ชิ้นแล้ว

การซื้อของตามใจแบบนี้ทำให้คนอื่น ๆ ที่มีความคิดแย่ ๆ สนใจ แต่ทันทีที่เริ่มเดินตามทั้งสองไป ผู้หญิงคนหนึ่งก็มองมาที่พวกนั้นและทำให้พวกนั้นหน้าซีดไปทันที หลังจากนั้นพวกนั้นก็หนีไปโดยไม่คิดจะอยู่ต่ออีก

“พี่ซีหยู เสื้อผ้าชุดนี้สวยมาก หากท่านใส่มันแล้ว ท่านต้องมีเสน่ห์ยิ่งกว่าเดิม ตอนที่เจี้ยนเฉินเห็นท่าน เขาต้องหลงท่านแน่ ๆ ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับอีกคน

“ โม่หยาน เจ้าพูดอะไรกัน ? เจ้าต้องระวังปากไว้บ้าง “

“ฮิฮิ พี่ซีหยู ดูตัวนี้สิ ท่านคิดว่าหัวหน้าตระกูลจะดูเข้มแข็งกว่าเดิมเมื่อใส่มันรึไม่ ? ใช่ ต้องใช่แล้ว ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะซื้อมันให้กับหัวหน้าตระกูล “

ทั้งสองคนนี้คือซีหยูและโม่หยานจากตระกูลเทียนหยวน พวกนางก็มายังเมืองหลวงเหมือนกับเจี้ยนเฉิน