ผ่านไปสักพัก โคบายาชิจิโร่โดนพี่ชายทำร้ายจนเลือดอาบใบหน้า และเขาเจ็บปวดจนเกือบจะหมดสติไปหลายครั้ง
แต่เขาก็โดนหมัดของโคบายาชิอิจิโร่ต่อยจนได้สติกลับมา!
ตอนนี้โคบายาชิอิจิโร่เก่งมากๆ
เมื่อก่อนเขาเป็นลูกคนรวยที่ชอบสุราและนารีจนทำให้ร่างกายอ่อนแอ แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาทำงานหนักทุกวันที่โรงเลี้ยงสุนัขของหงห้า ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแรงมากขึ้น ฉันไม่กล้าพูดว่าเขาเป็นยอดฝีมือ แต่เขาสามารถชกต่อยโคบายาชิจิโร่ที่ชอบสุรานารีจนร่างกายอ่อนแอได้อย่างสบายมากๆ
ในเวลานี้โคบายาชิจิโร่ตระหนักได้ว่า ร่างกายของตัวเองอ่อนแอมากแค่ไหน หลังจากโดนต่อยไม่กี่หมัด เขาก็เกือบจะหมดสติและเกือบจะเสียชีวิต
เขาร้องไห้และพูดอย่างคลุมเครือว่า:“พี่ชาย ได้โปรดเห็นแก่ที่พวกเราเป็นพี่น้องกันคลานตามกันมา พี่ชายปล่อยฉันไปเถอะ…”
เมื่อพูดจบ เขาก็ร้องไห้เสียงดังทันที
โคบายาชิอิจิโร่กัดฟันและด่า:“แกยังรู้ว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันอีกเหรอ?แกยังรู้ว่าพวกเราเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาอีกเหรอ?!”
“ชิจิโร่ ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันรักและเอ็นดูแกมากๆ แกลืมไปแล้วเหรอ?!”
“ถึงแม้พวกเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พวกเรามักจะต่อสู้เพื่อแย่งฐานะในตระกูล แต่ฉันไม่เคยคิดจะทำร้ายแกเลย!”
“แต่แกละ?แกรู้ทั้งรู้ว่าพวกเราสองคนเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน แกรู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่ฆ่าพ่อตัวเองอยู่แล้ว แต่แกกลับกล่าวหาว่าฉันฆ่าพ่อตัวเอง และใช้เงินพันล้านเพื่อจ้างคนมาฆ่าฉันอีก!”
“ฉันไม่มีน้องชายที่เป็นเดรัจฉานอย่างแก วันนี้ฉันจะฆ่าคนอกตัญญูของตระกูลโคบายาอย่างแก!ฆ่าไอ้สารเลวอย่างแกด้วยมือของฉันเอง!”
โคบายาชิจิโร่หวาดกลัวจนร้องไห้ออกมา เสียงของเขาก็แหบไปด้วย
แต่โคบายาชิอิจิโร่ไม่ได้เห็นใจหรือสงสารเขาเลย
ตอนนี้เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า
เมื่อเย่เฉินเห็นว่าเขากำลังจะทุบตีโคบายาชิจิโร่จนใกล้จะตาย เขาก็รีบเดินไปข้างหน้าและดึงมือเขาไว้และพูดอย่างเย็นชา:“ชิอิจิโร่พอได้แล้ว ไว้ชีวิตน้องชายเถอะ เขาจะรับช่วงทำงานที่นี่ต่อจากคุณ”
โคบายาชิอิจิโร่อึ้งไปชั่วครู่และถามด้วยน้ำตา:“คุณเย่ คุณ…ทำไมคุณต้องไว้ชีวิตไอ้สารเลวที่ไม่มีคุณธรรมแบบนี้ด้วย?!เขาฆ่าได้แม้กระทั่งพี่ชายแท้ๆของตัวเอง คุณไม่กลัวว่ามีวันหนึ่งเขาจะแว้งมากัดคุณเหรอ?”
เย่เฉินหัวเราะอย่างเยอะเย้ย:“ฉันให้โอกาสเขา แต่เขากล้าแว้งกัดฉันไหม?”
โคบายาชิจิโร่ได้ยินว่าเย่เฉินคิดจะไว้ชีวิตเขา ให้เขาอยู่ที่นี่และทำงานแทนพี่ชายตัวเอง เขาไม่สนใจว่างานของที่นี่คืองานอะไร เขารีบคุกเข่าและคำนับ ร้องไห้และพูดว่า:“คุณเย่ ขอบคุณที่คุณเมตตาไว้ชีวิตฉัน !ขอบคุณมากๆ!”
เย่เฉินหัวเราะออกมา โคบายาชิอิจิโร่ที่อยู่ข้างๆรีบถามด้วยความเคารพ:“คุณเย่ คุณให้เขามาทำงานแทนฉัน แล้วฉันต้องทำอะไรต่อจากนี้?”
เย่เฉินหันหน้าไปมองโคบายาชิอิจิโร่และพูดเบาๆว่า:“ชิอิจิโร่ คุณอยากกลับญี่ปุ่นและสืบทอดกิจการของบริษัทผลิตยาโคบายาไหม?”
เมื่อโคบายาชิอิจิโร่ได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ตื่นเต้นจนเลือดลมสูบฉีด เขาถามขึ้นมาทันที:“กลับญี่ปุ่น?!สืบทอดกิจการของบริษัทผลิตยาโคบายา?!เย่…คุณเย่…คุณ…คุณไม่ได้…ไม่ได้ล้อเล่นกับฉันใช่ไหม?!”
เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม:“ฉันกำลังถามความคิดเห็นของคุณอย่างจริงจัง ถ้าฉันยอมปล่อยคุณกลับไป คุณยินดีจะกลับไปหรือเปล่า?”
โคบายาชิอิจิโร่ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นและพูดทั้งน้ำตา:“ฉันยินดีกลับไป!คุณเย่ฉันยินดีกลับไป!”
เย่เฉินพยักหน้า:“ฉันปล่อยคุณกลับไปได้ แต่มีเงื่อนไข คุณต้องรับปากฉันก่อน”
โคบายาชิอิจิโร่รู้ว่าเย่เฉินไม่ปล่อยเขากลับไปโดยที่ไม่หวังผลประโยชน์ ดังนั้นเขาถามอย่างไม่ลังเล:“คุณเย่ ไม่ว่าคุณจะมีเงื่อนไขอะไร ฉันรับปากทั้งหมด!ขอแค่คุณยอมปล่อยฉันกลับไปที่ญี่ปุ่น!”
เขาทำงานในโรงเลี้ยงสุนัขถึงแม้จะไม่ใช่งานที่ยากลำบาก และไม่ได้โดนลงโทษหรือรังแก แต่การใช้ชีวิตอยู่ตรงนี้ มันไม่ได้สุขสบายเหมือนตอนที่เขาเป็นลูกชายใหญ่ของตระกูลโคบายา มันต่างกันมากๆ
เขาทนทุกข์มานาน และคาดหวังว่าตัวเองจะได้กลับไปตลอดเวลา เดิมทีเขาคิดว่าชั่วชีวิตนี้คงออกไปจากโรงเลี้ยงสุนัขไม่ได้แล้ว แต่เขาคาดไม่ถึงจริงๆ ตอนนี้เขามีโอกาสที่จะได้ออกไปจากที่นี่จริงๆ
ดังนั้น ไม่ว่าเขาจะต้องแลกด้วยอะไร เขาก็ยอม!
แต่เขาคาดไม่ถึงว่า เย่เฉินจะพูดว่า:“โคบายาชิอิจิโร่ ฉันปล่อยคุณกลับญี่ปุ่น ให้คุณไปสืบทอดกิจการของบริษัทผลิตยาโคบายา แต่ฉันต้องการหุ้น 80% ของบริษัทผลิตยาโคบายา คุณรับปากได้ไหม?