อันที่จริงตอนที่ก้าวมาถึงจุดนี้ สองคนพี่น้องก็คิดตกเรียบร้อยแล้ว
เวลานี้เงินทองอะไรนั่น ล้วนเป็นเพียงสิ่งของนอกกายเท่านั้น
สิ่งมีค่าที่แท้จริงสำหรับพวกเขาในขณะนี้คืออิสระ มีสถานะเป็นทายาทของตระกูลเสี่ยวหลิน!
หุ้นที่เหลือเพียง10%อยู่ในมือตนเอง และสามารถรับประกันว่าตนเองจะเหลือกินเหลือใช้ไปตลอดชีวิตได้เช่นเดียวกัน
แต่หากถูกขังอยู่ในฟาร์มเลี้ยงสุนัขแห่งหนึ่งในต่างถิ่นต่างแดนไปชั่วชีวิต อย่างนั้นชาตินี้คงไม่มีโอกาสที่จะพลิกตัวกลับมามีอะไรได้อีก
ดังนั้น หากนำตัวเลือกสองอย่างนี้มาเทียบกัน นั่นก็เท่ากับเป็นทางหนึ่งขึ้นสวรรค์ ทางหนึ่งลงนรกอย่างแท้จริง
ตอนที่ได้ยินโคบายา ชิอิจิโร่พูดว่า ยินดีมอบหุ้น90%ให้เย่เฉิน เจ้าตัวโคบายา ชิจิโร่ก็ร้อนใจเจียนคลั่งไปแล้ว
เขาแทบจะพูดโพล่งออกมาอย่างไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้นว่า “คุณเย่ หากคุณยอมร่วมมือกับผมล่ะก็ ผมสามารถมอบหุ้นให้คุณได้เลย95%!”
เย่เฉินยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า “โคบายา ชิจิโร่ นายรู้ตัวช้าไปหน่อยนะ เรื่องนี้ฉันเห็นว่าร่วมมือกับพี่ชายนายดเหมาะสมกว่า”
พอเย่เฉินพูดประโยคนี้ออกมา โคบายา ชิอิจิโร่พลันแสดงท่าทางตื่นเต้นอย่างหาใดเปรียบออกมาทันที ส่วนโคบายา ชิจิโร่ก็รู้สึกราวกับตกลงไปในหุบเหวลึก เจ้าตัวหมดหวังโดยสิ้นเชิงแล้ว
โคบายา ชิอิจิโร่คุกเข่าลงกับพื้นโขกศีรษะให้เย่เฉินอย่างตื่นเต้น พลางกล่าวอย่างสะอึกสะอื้นว่า “คุณเฉิน ขอบคุณในความเชื่อใจและเห็นค่าของคุณ ต่อไปผมจะต้องทำตามที่คุณชี้แนะทุกอย่างแน่นอน คุณให้ผมไปทิศตะวันออกผมก็ไม่มีทางไปทิศตะวันตก!”
เย่เฉินพยักหน้า จากนั้นก็มองโคบายา ชิจิโร่ที่ดูสิ้นหวังเหลือแสน ก่อนจะพูดขึ้นมายิ้มๆ ว่า “ชิจิโร่ นายเองก็ไม่ต้องกังวลใจเกินไปนัก และไม่จำเป็นต้องสิ้นหวังขนาดนี้ ฉันร่วมมือกับพี่นาย ก็เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น”
พอประโยคนี้หลุดออกมา สองคนพี่น้องก็มองเย่เฉินอย่างเคร่งเครียด
เย่เฉินกล่าวต่อว่า “หากการร่วมงานกับพี่นายเป็นไปด้วยดี เข้ากันกับฉันได้ อีกทั้งยังทำให้ฉันพอใจ อย่างนั้นฉันอาจจะร่วมงานกับเขาต่อไปเรื่อยๆ ก็เป็นได้ แต่ถ้าหากเขากล้ามีความคิดเป็นอย่างอื่นกับผม ทำให้ฉันรู้สึกไม่พอใจ อย่างนั้นฉันก็จะจับเขากลับมาใหม่ และจับมาไว้ที่นี่เหมือนเดิม ให้เขาไปเลี้ยงสุนัขแทนนาย จากนั้นก็จะให้นายไปกุมบังเหียนตระกูลเสี่ยวหลินแทนเขา”
พอโคบายา ชิอิจิโร่ฟังจบ พลันแสดงความเห็นอย่างไม่ลังเลเลยสักนิดเดียวว่า “คุณเย่ คุณวางใจได้เลยเต็มที่ ผมไม่มีทางมีใจออกห่างใดๆ เป็นอันขาด และไม่มีทางทำให้คุณไม่พอใจในตัวผมเด็ดขาด!”
โคบายา ชิจิโร่ภายในใจรู้สึกสิ้นหวัง
ดูไปแล้ว ต่อไปการดำรงอยู่ของตนคงเป็นแค่คนที่ไว้ใช้สยบพี่ชาย และคุณค่าในการดำรงอยู่ของตนก็เป็นแค่ไว้เตือนพี่ชายอยู่เสมอว่าจะต้องเชื่อฟังคำเย่เฉินให้ดี
หากพี่ชายไม่ทำผิดพลาดใดๆ ล่ะก็ เช่นนั้นตนก็คงไม่มีโอกาสได้พลิกตัวเช่นกัน
โคบายา ชิอิจิโร่ก็เข้าใจดีเช่นกัน น้องชายก็คืออุบายที่เย่เฉินใช้เก็บไว้ควบคุมตัวเขา หากตนไม่เชื่อฟังเขา เช่นนั้นก็เป็นไปได้อย่างมากว่าเขาจะนำตนไปสลับกับน้องชายแทน ดังนั้น ตัวเขาจะต้องร่วมมือกับเย่เฉินอย่างสุดกำลัง จะได้ไม่ต้องกลับมายังสถานที่ผีสางเช่นนี้อีก!
สิ่งที่เย่เฉินต้องการ ก็คือการที่สองพี่น้องคู่นี้ต่างควบคุมกันและกัน เมื่อเห็นว่าบรรลุจุดประสงค์ จึงวางใจลงได้
ต่อมา เขาก็มองไปที่โคบายา ชิอิจิโร่ แล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า “ชิอิจิโร่ สองสามวันนี้นายเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี สองวันนี้ฉันต้องไปต่างจังหวัด พอฉันกลับมาแล้ว ก็จะพานายไปญี่ปุ่นเพื่อสืบทอดตระกูลเสี่ยวหลิน แต่ก่อนที่จะไป นายจะต้องเซ็นสัญญากับฉัน ว่านายจะยกหุ้น90%ของบริษัทผลิตยาโคบายาของตระกูลนายให้ฉัน”
โคบายา ชิอิจิโร่พยักหน้าราวกับทุบกระเทียม “คุณเย่วางใจ ผมสามารถลงนามประทับรอยนิ้วมือได้ทุกเมื่อ”
แบบนี้เย่เฉินถึงพอใจ จากนั้นก็อมยิ้มกล่าวว่า “เอาล่ะ ตอนนี้พวกนายสองพี่น้องก็พักอยู่ที่นี่เถอะ อีกสองสามวันฉันค่อยมาใหม่”
พูดจบ เขาก็กำชับท่านหงห้าว่า “หงห้า นายจะต้องดูแลสองพี่น้องคู่นี้ให้ดีๆ อย่าให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันใดๆ ขึ้นเป็นอันขาด เข้าใจไหม?”
ท่างหงห้าพยักหน้าโดยไม่ลังเลแล้วกล่าวว่า “อาจารย์เย่วางใจได้เลย หงห้าขอใช้หัวเป็นประกัน จะไม่ให้เกิดความผิดพลาดใดๆ ขึ้นอย่างแน่นอน!”
“ดี”
เย่เฉินมองไปที่เฉินจื๋อข่าย แล้วพูดว่า “เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”