ระหว่างทางกลับ

มือถือของเย่เฉินก็ได้รับข้อความพุชฉบับหนึ่ง

ข้อความพุชนี้เป็นข่าวข่าวหนึ่ง พาดหัวคือ [อัจฉริยะหญิงชาวญี่ปุ่นอิโตะ นานาโกะนักกีฬาต่อสู้แบบฟรีสไตล์ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แพทย์บอกว่าคงจะต้องอำลาเวทีมวยตลอดชีวิต!]

พอเห็นข่าวนี้ เย่เฉินเริ่มค้นหาอย่างรีบร้อน จากนั้นก็อ่านเนื้อหาที่อยู่ในข่าว

ที่แท้หลังจากที่อิโตะ นานาโกะกลับถึงญี่ปุ่น ก็รีบเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโตเกียวทันที

อีกทั้งอาการบาดเจ็บในตอนนั้นของเธอก็สาหัสมาก อันที่จริงอวัยวะภายในได้รับอันตรายร้ายแรง ไร้หนทางที่ชีวิตจะพ้นขีดอันตรายโดยสิ้นเชิง

การรักษาที่ผ่านไปหลายชั่วโมง ในท้ายที่สุดก็ค่อยๆ พ้นขีดอันตราย

ทว่าแม้เธอจะรอดพ้นจากอันตรายแล้ว แต่สภาพที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บยังคงเป็นไปในแง่ร้าย สื่อข่าวอ้างอิงจากคำแนะนำของอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในโตเกียว ตอนนี้สภาพร่างกายของอิโตะ นานาโกะได้รับความเสียหายอย่างหนัก ยังไม่รู้เลยว่าจะฟื้นสภาพกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่ แม้ว่าชีวิตจะรอดพ้นจากอันตรายแล้ว แต่ความหวังที่จะฟื้นสภาพกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ริบหรี่มากเช่นกัน อาจจะไร้หนทางที่จะขึ้นมายืนบนเวทีมวยได้อีก

ข่าวนี้ยังบอกอีกว่า ประชาชนชาวญี่ปุ่นเสียใจต่อข่าวนี้เป็นอย่างมาก พากันให้กำลังใจอิโตะ นานาโกะบนสื่อสังคมออนไลน์ในญี่ปุ่น หวังให้เธอหายดีในเร็ววัน กลับมาอยู่บนเวทีมวยต่อ เพื่อนำพาชื่อเสียงและเกียรติยศมาสู่ประเทศญี่ปุ่น

เนื้อหาที่เปิดเผยในช่วงสุดท้าย มีใจความว่า หลังจากที่สภาพร่างกายของอิโตะ นานาโกะมั่นคงดีแล้ว ก็จะเข้าสู่การพักฟื้นระยะยาวในเมืองหลวง และในอนาคตเกรงว่าเธอคงไม่ออกมาปรากฏตัวให้มวลชนพบเห็นอีกเป็นเวลานาน

เย่เฉินอ่านจบ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา

เห็นทีอาการบาดเจ็บภายในที่อิโตะ นานาโกะได้รับจากการแข่งคงจะสาหัสมากจริงๆ

เพราะอย่างไรเธอกับฉินเอ้าเสวี่ยนเดิมทีก็ไม่ใช่นักกีฬาระดับแชมป์เปี้ยน จึงหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้ได้รับบาดเจ็บยากเช่นกัน

อันที่จริงเธอไม่ควรมาสู้ในการแข่งที่อย่างไรก็แพ้ในศึกนี้เสียด้วยซ้ำ เพียงแต่เด็กผู้หญิงที่ภายนอกดูอ่อนแอคนนี้ ภายในกลับแข็งแกร่งอย่างยิ่ง รู้ทั้งรู้ว่าอาจจะต้องพ่ายแพ้อย่างน่าเวทนา แต่ยังคงยืนหยัดในวินาทีสุดท้ายโดยไม่สั่นคลอน

เย่เฉินถอนหายใจออกมาเสียงเบา จากนั้นก็เก็บมือถือ แล้วกล่าวกับเฉินจื๋อข่ายที่กำลังขับรถอยู่ว่า “เหล่าเฉิน พรุ่งนี้ฉันจะไปเย่นจิงสักหน่อย เรื่องทางจินหลิงนี้ ฝากนายช่วยดูแลให้มากๆ หน่อยนะ”

เฉินจื๋อข่ายพยักหน้าทันที พร้อมกล่าวขึ้นอย่างนอบน้อมว่า “คุณชายวางใจครับ ทุกอย่างในจินหลิงมีผมเฝ้าอยู่ ผมเอาชีวิตเป็นประกันเลยว่า ไม่มีทางเกิดเรื่องผิดพลาดใดๆ ขึ้นอย่างแน่นอน”

เย่เฉินส่งเสียงตอบรับ ไม่ได้พูดอะไรอีก

เฉินจื๋อข่ายถามอีกว่า “คุณชาย ต้องการให้ผมใช้เครื่องบินส่วนตัวไปส่งคุณไหมครับ?”

เย่เฉินส่ายศีรษะ “ไม่ต้องแล้ว หากนายใช้เครื่องบินส่วนตัวล่ะก็ ตระกูลเย่คงจะรู้กันพอดี ที่ฉันไปเย่นจิงครั้งนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลเย่ และไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ยังคงไปเงียบๆ จะดีกว่า”

เฉินจื๋อข่ายพยักหน้าพลางกล่าวว่า “คุณชาย งั้นผมจองตั๋วเครื่องบินให้คุณดีไหมครับ?”

“ดี” เย่เฉินกล่าว “งั้นนายช่วยจองเที่ยวพรุ่งนี้ช่วงเช้าแล้วกัน”

เฉินจื๋อข่ายรีบร้อนถามอีกว่า “คุณชาย แล้วคุณวางแผนจะกลับวันไหนล่ะ? ผมจะได้ช่วยจองตั๋วขากลับให้คุณไปด้วยเลย”

“ยังไม่แน่ใจ” เย่เฉินกล่าว “เรื่องกลับมานายไม่ต้องกังวลแล้วกัน”

เฉินจื๋อข่ายลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณชาย เย่นจิงเป็นที่ที่เสือซุ่มมังกรซ่อน คนดีคนเลวอยู่ปะปนกัน ดังนั้นพอคุณไปถึงที่นั่นแล้ว ทางที่ดีอย่างทำอะไรโดยใช้อารมณ์จะดีกว่า หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความยุ่งยากโดยไม่จำเป็น หากพบเจอปัญหาบางอย่างที่ยากจะแก้ไข คุณมาบอกกับผม หรือบอกกับพ่อบ้านถังก็ได้ พวกเราจะไม่เอาไปบอกกับตระกูล จะช่วยเหลือคุณสุดกำลัง”

“ได้ ฉันรู้แล้ว”

เฉินจื๋อข่ายเอ่ยเตือนอีกว่า “คุณชาย ตามข่าวที่ผมรู้มา ขงเต๋อหลงแห่งตระกูลขงเกลียดคุณเข้ากระดูกดำ คุณไปเย่นจิง พยายามอย่าไปมีเรื่องกับคนแซ่ขง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกงูเจ้าที่ปราบมังกรพลัดถิ่น”

“ขงเต๋อหลง?” เย่เฉินยิ้มเยาะ “หากนายไม่บอก ฉันคงลืมเจ้าโง่นี่ไปแล้ว”